- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 June 2015 17:31
- Hits: 972
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งแคบระหว่าง 1,500-1,510 จุด แม้ว่าตลาดหุ้นกลุ่ม TIP อย่างฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียจะปรับตัวลงค่อนข้างแรงก็ตาม เพียงแต่หุ้นหลักอย่าง BTS / TRUE / PTTEP ขยับขึ้นเด่น บวกกับกลุ่มธนาคารทรงตัว ทำให้ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยเป็น Sideways ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,508.28 จุด บวกเล็กน้อย 0.91 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 28,643 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางอีกครั้ง กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการ เพียง 53 ล้านบาท คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 2,949 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 924 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
• ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี วานนิ้ปิดยืนเหนือ 3.0% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. 2557
• กระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มชะลอตัว เพื่อรอดูการประชุม กนง. วันพรุ่งนี้
• ติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ของจีน Bloomberg consensus คาด +1.3% yoy ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.5% yoy
• FTSE ประกาศปรับสมาชิกดัชนี FTSE ของไทย มีผล ณ ราคาปิดวันที่ 19 มิ.ย. โดย FTSE Large Cap เพิ่ม BH เข้าไปในการคำนวณครั้งนี้
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองเป็น “กลาง” วันที่ 50 ซึ่ง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,500 จุดเป็นวันที่ 2 ส่งสัญญาณแกว่งในกรอบแคบในช่วงสั้น เพื่อรอดูผลการประชุมกนง.วันพรุ่งนี้
• หากกนง.คงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ ณ ปัจจุบัน คาดเกิด Sell on fact ในกลุ่มธนาคาร กดให้ SET INDEX ซึมตัวลงทดสอบแนว 1,495-1,500 จุด และพร้อมโอกาสฟื้นตัว
• แต่หาก กนง. สร้างความประหลาดใจ ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยอีก 25bps เป็น 1.25% คาดว่ากลุ่มธนาคารจะถูกขายในอัตราเร่งอีกครั้ง กดดันให้ SET INDEX ซึมตัวลงสู่แนว 1,470-1,480 จุด ได้ และแกว่งออกด้านข้างในบริเวณดังกล่าว
และเป็นที่น่าสังเกตว่า เงินทุนต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. นำโดย TAIEX / KOSPI เมื่อ Vanguard ได้เพิ่มตลาดหุ้นจีนเข้าคำนวณในดัชนี ส่งผลให้ต้องลดน้ำหนักในตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้ลง อีกทั้งความกังวลต่อความเห็นของเฟดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มิ.ย. ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติต้องปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน เพราะหากเฟดส่งสัญญาณพร้อมขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าในอัตราเร่ง ค่าเงินสกุลอื่นๆ อ่อนค่า
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยที่ต่างชาติขายสุทธิ 2.42 แสนล้านบาทนับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงวานนี้ น่าจะมากเพียงพอและช่วยปิดความเสี่ยงจากแรงขายของต่างชาติในระลอกนี้ แต่ในทางตรงกันข้าม หากภาพรวมเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณฟื้นตัว และ/หรือ รัฐบาล เริ่มเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ อาจทำให้ต่างชาติกลับมาให้ความสนใจตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
ดังนั้นในช่วง 1-2 วันนี้ SET INDEX ยังมี Upside gain เริ่มจำกัด แนวต้าน 1,510-1,515 จุด จะยังไม่ผ่านในช่วงนี้ เพราะขาดแรงส่ง และมูลค่าการซื้อขายที่ยังไม่หนาแน่น แต่แนวรับ 1,498-1,500 จุด จะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่งเช่นกัน
เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชีย (7.17 น.) Nikkei เปิดลบ 0.7% ขณะที่ Kospi เปิดบวกเล็กน้อย
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนเลือกเก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย แบบจำกัดวงเงิน ควรพิจารณาขายทำกำไรบริเวณ 1,510 จุด +/-“ พร้อมเข้าเก็งกำไรรอบสั้น หาก SET INDEX ซึมตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1. WHA : ราคาปิด 3.86 บาท ราคาเหมาะสม 4.31 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ WHA และคาดว่าผลประกอบการ 2Q58 จะเติบโตโดดเด่นทั้ง yoy และ qoq เนื่องจากเป็นไตรมาสที่รวมงบการเงินของ HEMRAJ เข้าสู่งบการเงินรวมแบบเต็มไตรมาส และ HEMRAJ จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ ได้แก่ เกาะล้าน
b) มีปัจจัยบวกรออยู่ เนื่องจากจะไปโรดโชว์ที่ยุโรปกับโบรกเกอร์ต่างชาติระหว่างวันที่ 29 มิ.ย. – 3 ก.ค.
c) และคาดว่าจะถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี SET 50 ซึ่งจะประกาศในสัปดาห์หน้าวันที่ 15 หรือ 16 มิ.ย. และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ก.ค.
d) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +52.4% yoy เป็น 1,890 ล้านบาท และ +74% yoy เป็น 3,300 ล้านบาทในปี 2559 พร้อมทั้งให้เป็น Top pick ของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
2. SPALI : ราคาปิด 18.80 บาท ราคาเหมาะสม 23.00 บาท
a) SPALI จะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการในสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ 10 – 14 มิ.ย. ได้แก่ ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีตลาดพลู และศุภาลัย เอลีท สุรวงศ์ โดยคาดว่าหาก Presales ได้รับการตอบรับที่ดีจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น
b) คาดผลประกอบการ 2Q58 เติบโตสูง yoy และเพิ่มขึ้น qoq เนื่องจากจะมีการโอนโครงการคอนโดหลายโครงการ เช่น ศุภาลัยเวลลิงตัน, พรีเมียร์อโศก และเอกมัย – ทองหล่อ
c) Downside Risk จำกัด เนื่องจาก Valuation ถูก ซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 6.7 เท่า และให้ Dividend Yield สูงถึง 6%
