- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 June 2015 17:34
- Hits: 1159
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อใหม่ตามด้วยค่าบวก ลบดูไม่ดี”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้รีบาวน์ 5.20 จุดปิดที่ 1482.07 ซึ่งเป็นการรีบาวด์ทางเทคนิคและเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค ขณะที่ปัจจัยกรีซไม่ได้มีน้ำหนักลบกับตลาดนักเมื่อพิจารณาจากดัชนีตลาดหุ้นยุโรปที่บวกขึ้น เพราะนักลงทุนเชื่อว่ากรีซจะยังไม่ผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ นักลงทุนสถาบันในประเทศกลับมาซื้อสุทธิ 500 กว่าล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 600 กว่าล้านบาทส่วนต่างชาติและพอร์ตบล.ขายสุทธิ
ปัจจัยที่ตลาดจับตา คือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ที่จะออกคืนวันศุกร์นี้ (เวลาไทย) ซึ่งมีผลต่อระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ สำหรับหนี้กรีซ ตลาดประเมินว่าน่าจะไม่ผิดนัดชำระหนี้ในรอบวันที่ 5 มิ.ย.นี้ (เห็นจากดัชนีตลาดหุ้นยุโรปที่ขยับบวกได้) ส่วนในประเทศยังไม่ได้มีประเด็นใหม่ทางด้านเศรษฐกิจมหภาค โดยในส่วนของภาคท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง (ผลสำรวจมาสเตอร์การ์ดระบุว่ากรุงเทพเป็นเมืองเป้าหมายอันดับ 2 ของนักท่องเที่ยว จากการสำรวจ 132 เมืองทั่วโลก) ซึ่งช่วยหนุนกลุ่มโรงแรม & อาหาร, สนามบินและสายการบิน ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์แม้ว่าธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์จะซบเซาต่อเนื่อง แต่ธุรกิจลิสซิ่ง & รับจำนำรถจักรยานยนต์ และแฟคตอริ่งยังไปได้ดี กลยุทธ์การลงทุน ยังเป็นการเลือกซื้อเป็นรายบริษัท หุ้นแนะนำซื้อวันนี้เป็น GL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ แต่ดัชนีมีโอกาสรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อ กรอบแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1490-1500 จุดแนะนำซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี แนะนำให้ Wait & See หรือลดพอร์ตตาม สำหรับแนวเด้งของ SET อยู่ที่ 1470-1460 จุด
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- เศรษฐกิจโลก : OECD ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกปี 58 ลดลงเป็น 3.1% (เดิม 4.0%) ส่วนปี 59 ลดลงสู่ 3.8%(เดิม 4.3%)
คาดการณ์ GDP Growth ปี 2558 ปี 2559
โลก 3.1% 3.6%
สหรัฐ 2.0% 2.8%
จีน 6.8% 6.7%
ยุโรป 1.4% 2.1%
ญี่ปุ่น 0.7% 1.4%
+ สหรัฐ : ADP เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค.เพิ่ม201,000 ตำแหน่ง ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 200,000 ตำแหน่งจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ที่จะออกคืนวันศุกร์นี้(เวลาไทย) ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า และอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 5.4%
• สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ค.ลดลงเป็น 56.2 จาก57.4 ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนีภาคบริการของ ISM เดือนพ.ค.เท่ากับ55.7 ลดลงเล็กน้อยจาก 57.8 ในเดือนก่อนหน้า
+ สหรัฐ : ขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.ลดลง 19.2% สู่ 4.088 หมื่นล้านUS$ เป็นอัตราลดลงมากสุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากนำเข้าลดลงมากกว่าคาด (-3.3%) ส่วนส่งออก (+1.0%)
•/+ ยูโรโซน : ประธาน ECB ยืนยันซื้อพันธบัตรในโครงการ QEถึงก.ย.59 ตามแผน (เข้าซื้อเฉลี่ย 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน) โดยมีเป้าหมายเงินเฟ้อระยะยาวไว้ที่ 2% และมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.05% คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากชั่วข้ามคืนไว้ที่ -0.20%(ธ.พ.ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ ECB ถ้านำเงินมาฝาก)
• กรีซ : ยื่นแผนปฎิรูปเบ็ดเสร็จแล้ว รอดูว่าจะบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้หรือไม่ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาดัชนีตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับขึ้น ก็ดูว่ามีความหวังในทางบวกสำหรับการชำระคืนหนี้รอบ 5 มิ.ย.นี้
- ราคาน้ำมันร่วง โดย WTI และ BRENT ส่งมอบก.ค.ลดลง 1.62และ 1.69 US$ เป็น 59.64 และ 63.80 US$/bbl โดยไม่มีปัจจัยใหม่และคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะคงปริมาณการผลิตน้ำมันเท่าเดิมในการประชุม 5 มิ.ย.นี้
- ราคาทองดิ่ง โดยสัญญา COMEX ส่งมอบก.ค.ลดลง 9.5 US$ มาปิดที่ 1184.90 US$/ออนซ์ เนื่องจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค.ที่รายงานโดย ADP ออกมาแข็งแกร่ง
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
• กระทรวงการคลังจะออกมาตรการอุดช่องโหว่เรื่องเก็บภาษีเพื่อให้รายได้จากจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10% หรือราว 2 แสนล้านบาท (จากปัจจุบันที่เก็บได้ 2.3 ล้านล้านบาท/ปี) โดยมีเป้าหมายให้มีรายได้ภาษี 20% ของ GDP (ปัจจุบัน 17%) โดยมาตรการจะเน้นไปที่VAT คือ ให้ผู้ประกอบการออกใบกำกับภาษีทุกครั้ง สำหรับ VAT 7%ที่จะหมดอายุ 30 ก.ย.58 จะเสนอให้ขยายการใช้อัตรานี้ไปอีก 1 ปี
• BBL : ลุ้นกรณีไทยทีวีว่าจะไปจ่ายค่าประมูลงวด 2 หรือไม่?กสทช.ขีดเส้นให้ไทยทีวีจ่ายเงินประมูลงวดที่ 2 ภายใน 15 วันหลังกสทช.ส่งหนังสือไป (ส่งไปวันที่ 28 พ.ค.58 กำหนดชำระเงินภายใน 15 มิ.ย.นี้) ถ้าไทยทีวีไม่จ่ายกสทช.จะทำหนังสือถึง BBL ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันให้มาชำระหรือยึดแบงค์การันตีพร้อมค่าปรับ 7.5%
ความเห็น Retail Research : แม้ประเด็นนี้จะกระทบ Sentimentการลงทุนในหุ้น BBL แต่ก็ได้สะท้อนเข้าไปในตลาดช่วงก่อนนี้ไปพอควรแล้ว เราประเมินว่ากรณีที่แย่ที่สุดผลกระทบจากเรื่องนี้ต่อคาดการณ์กำไร BBL ปีนี้มีเพียง 4% ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่P/BV เพียง 1.0 เท่า คาดการณ์ Dividend Yield ราว 3.8% ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำทยอยซื้อสะสม BBL
+ การท่องเที่ยวของไทยยังแข็งแกร่ง มาสเตอร์การ์ดเปิดเผยผลสำรวจสุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางของโลกจาก 132 เมืองที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนและพักค้างคืนสูงสุด พบว่า อันดับ 1เป็นกรุงลอนดอน อังกฤษ และอันดับ 2 คือ กรุงเทพฯ ของไทย ทั้งนี้กรุงเทพฯเป็นเมืองอันดับ 1 ในแหล่งที่น่ามาเยือนในเอเชีย
ความเห็น Retail Research : เราเห็นว่าแนวโน้มภาคท่องเที่ยวของไทยยังไปได้ดี หากไม่มีปัญหาการเมืองรุนแรง และน่าจะทำรายได้เข้าประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ปัจจุบันภาคท่องเที่ยวทำรายได้10% ของ GDP ไทย) ซึ่งเป็นผลดีกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือสนามบิน, สายการบิน, โรงแรม & อาหาร นอกจากนั้นการเปิด AECจะนำมาซึ่งการเดินทางเข้า-ออกมากขึ้นด้วย เราให้น้ำหนักลงทุนOverweight ในกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นเด่น คือ AOT, CENTEL, MINT
+ MCS : ได้งานเพิ่ม 1 แสนตัน...ธุรกิจฟื้นตัวชัดเจน ผู้บริหารกล่าวว่าบริษัทได้งานเข้ามาเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1.5 แสนตัน รวมเป็น 2.5 แสนตันทำให้รายได้มั่นคง (รับรู้ถึงปี 2562) ซึ่งงานใหม่ยังไม่รวมงานโอลิมปิกปี 2563 ที่กำลังร่วมประมูล ด้านราคาขายเฉลี่ยดีขึ้นจากปีก่อนเป็น 2.4 แสนเยน/ตัน แนวโน้มกำไร 2Q58 ดีขึ้นเมื่อเทียบYoY บริษัทกำลังเจรจากับพันธมิตรในญี่ปุ่นเพื่อเสริมศักยภาพการติดตั้งโครงเหล็ก ซึ่งจะสรุปได้ 1-2 เดือนข้างหน้านี้ (บริษัทมีรายได้จากส่งออกไปญี่ปุ่นราว 90% ของรายได้รวม) ฐานะการเงินแข็งแกร่งมาก ณ สิ้นมี.ค.58 บริษัทไม่มีหนี้สิน และมีเงินสดในมือ+เงินลงทุนระยะสั้นเท่ากับ 849 ล้านบาท คิดเป็น 1.70 บาท/หุ้น นับเป็นหุ้นTurnaround ที่น่าสนใจ ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค มีแนวต้านระยะสั้น 10 บาท หรือ 11 บาท, Stop loss ถ้าหลุด 8.60 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]