- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 May 2015 17:12
- Hits: 1723
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เลือกซื้อจังหวะอ่อนตัว"
Stock Picks-May 2015 : Fundamental : AP, KBANK, MINT, TTCL, WHA Dark Horse: RCL, SAMTEL
Fundamental Pick -Today: AP (ดูรายละเอียดในหน้า 2)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : KTIS 36%, SIRI 25%, BEC 20%, RATCH 20%, BIGC 18%
Technical View ภาพระยะสั้นเป็นลบ แต่มีสิทธิเด้งก่อนลงต่ำต่อ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1510,1520,1530 ค่าลบ
SET50 980-970 1000,1010,1020 ค่าลบ
Technical Picks- Today : KBANK, VNG, CK, PTG, AUCT, PLANB, MAKRO, MAJOR
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นปิดลดลง 10.18 จุด ที่ 1497.98 โดยกลุ่มที่ลงมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด คือ พลังงาน,สื่อสาร, อสังหาริมทรัพย์, ค้าปลีก, อาหาร, โรงพยาบาล, วัสดุก่อสร้าง, ขนส่ง โดยตลาดหุ้นไทยปรับลง Underperform ตลาดภูมิภาคชัดเจน แรงขายนำโดยนักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล. ส่วนต่างชาติและรายย่อยซื้อสุทธิ
วันนี้ Sentiment ของตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์หลักไม่สดใส ทั้งดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป, ราคาน้ำมันดิบ, ราคาทองคำ ร่วงลงแรงเมื่อคืนนี้ ซึ่งกดดันบรรยากาศตลาดหุ้นเอเชียด้วย ปัจจัยที่กดดัน คือ กังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดภายหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมาต่อเนื่องและทำ New High ไปหลายรอบ ยังผลให้ Valuation ของตลาดอยู่ในโซนสูง ซึ่งเฟดเคยเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนว่าตลาดหุ้นมีความเสี่ยงหากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น และการร่วงแรงของราคาน้ำมันดิบกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนั้นภายในประเทศก็มีเรื่องเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ทำให้กำไรบจ.ในปีนี้จะเติบโตน้อยลงกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ กลยุทธ์การลงทุน เน้นเลือกซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีจังหวะราคาอ่อนตัว หุ้นพื้นฐานที่แนะนำซื้อ โดยเฉพาะเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัววันนี้เป็น AP
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ แต่มีสิทธิรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อได้ กรอบแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1510, 1520, 1530 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี แนะนำให้ลดพอร์ต หรือ Stop Loss สำหรับการ SCAN หุ้นมีสัญญาณบวกทางเทคนิคหรือมีโอกาสทำ New high เป็นดังนี้ หุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ PTG, PLANB, MAKRO หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ AUCT, SMT, UNIQ, CENTEL, GL, TPOLY ส่วนหุ้นที่หลุด List เป็น LIT, INTUCH, CWT, PM
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.58 เพิ่มขึ้น 6.8%MoM เป็น 517,000 ยูนิต (+26.1%YoY) ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6.0%MoM ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐปรับตัวขึ้น 5.04%YoY ในเดือนมี.ค.58 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 4.99% ของเดือนก.พ. และสูงกว่าระดับ 4.60% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
+ สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 95.4 ในเดือนพ.ค. หลังเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนในเดือนเม.ย.
สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ค.58 อ่อนลงเป็น 56.4 จาก 57.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
เวียดนาม : มูลค่าการลงทุนทางตรงของต่างประเทศ (FDI) 5M58 ลดลง 22%YoY สู่ระดับ 4.29 พันล้านUS$ โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมการผลิต รองลงมาเป็นภาคอสังหาริมทรัพย์ สำหรับประเทศที่เข้าไปขอรับการส่งเสริมการลงทุนในเวียดนามอันดับ 1 คือ เกาหลีใต้ (คิดเป็น 25.7% ของมูลค่าที่ขอทั้งหมดใน 5 เดือนแรกของปีนี้)
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแรง โดยดัชนี DJIA -1.04%, Nasdaq -1.11% และ S&P500 -1.03% ซึ่งปัจจัยที่กดดัน คือ ตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยแข็งแกร่งกว่าคาด และเฟดอาจใช้ข้อมูลนี้เป็นเหตุผลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ นอกจากนั้นนักวิเคราะห์ประเมินว่าการแข็งค่าของเงิน US$ อาจกดดันผลประกอบการภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทส่งออก
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงแรง...กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานในระยะสั้น โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบมิ.ย.58 ลดลง 1.69 และ 1.80 US$ ปิดที่ 58.03 และ 63.72 US$/bbl เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าเงิน US$ ที่แข็งค่าขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี ประกอบกับอุปทานน้ำมันดิบที่สูงยังกดดันต่อเนื่อง ทั้งนี้กลุ่มโอเปกจะมีประชุมกันวันที่ 5 มิ.ย.นี้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อพิจารณาปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบมิ.ย.ดิ่ง 17.1 US$ หรือ 1.42% ปิดที่ระดับ 1,186.90 US$/ออนซ์ กดดันโดยเงิน US$ ที่แข็งค่าขึ้น
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
ส่งออกเม.ย.58 หดตัวน้อยกว่าคาด โดยมูลค่าส่งออกเดือนเม.ย.58 อยู่ที่ -1.7%YoY เป็น 16,900 ล้านUS$ (ตลาดคาดการณ์ที่ -3.3%YoY) ส่วนมูลค่านำเข้าของเดือนนี้ -6.84%YoY เป็น 17,423 ล้านUS$ ทำให้เดือนนี้ขาดดุลการค้า 522 ล้านUS$ สำหรับ 4M58 มูลค่าส่งออก -3.99%YoY มูลค่านำเข้า -6.53%YoY โดยเกินดุลการค้า 906 ล้านUS$ ทั้งนี้ในเดือน เม.ย.มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรหดตัวน้อยลง (-3.9%YoY) ส่วนส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมลดลงเพียงเล็กน้อย (-0.3%YoY)
กระทรวงพาณิชย์คาดว่าส่งออกในเดือนพ.ค.มีโอกาสที่จะไม่ติดลบ จากค่าเงินบาทที่อ่อนและราคาน้ำมันดิบ & ราคาสินค้าเกษตร (ยกเว้นยางพารา) ที่ปรับตัวดีขึ้น (หากไม่รวมสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและทองคำ พบว่ามูลค่าส่งออกเม.ย.จะ +0.1%YoY และถ้าคิดเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมน้ำมันกับทองคำจะ +1.1%YoY)
/+ ครม.เห็นขอบแผนยุทธศาสตร์ร่วมทุนรัฐ & เอกชนในโครงสร้างขั้นพื้นฐาน มูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี (ปี 2558-2562) และเห็นชอบให้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับญี่ปุ่นในการศึกษาโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-ระยอง) และแนวเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงทวาย ซึ่งรมว.คมนาคมจะลงนามในวันนี้ (27 พ.ค.58)
ความเห็น Retail Research : เป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับก่อสร้าง เช่น รับเหมาก่อสร้าง (หุ้นเด่น CK, SEAFCO, STEC), วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น SCC), พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (หุ้นเด่น AP, QH, CPN, WHA) ในระยะยาว กลยุทธ์ลงทุน แนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องเพื่อการลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยการอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะในการซื้อสะสม
กลุ่มมิตซูบิชิจับมือกับ AP ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในไทยอีก 1 เท่าตัวจากปีก่อนเป็น 2 หมื่นล้านบาทในปี 58 โดยเน้นพัฒนาโครงการตามแนวรถไฟฟ้า และพิจารณาลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาฯเพื่อการพาณิชย์ในระยะยาวด้วย ซึ่งบริษัทญี่ปุ่นรายนี้เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุดในเอเชีย ทั้งนี้ทางมิตซูบิชิมองว่าการขยายตัวของเมืองไปตามแนวรถไฟฟ้า และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเป็นครัวเรือนขนาดเล็กลงทำให้ความต้องการซื้อคอนโดจะเติบโตได้อีกมาก ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการไทยคือ AP ในโครงการที่ 5 ภายใต้ชื่อ ไฟล์ อโศก มูลค่าโครงการ 6.3 พันล้านบาทและโครงการที่ 6 ชื่อริธึม รางน้ำ มูลค่า 2.5 พันล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 1.7 แสนบาท/ตรม. (เปิดขายโครงการ 25 มิ.ย.นี้)
ความเห็น Retail Research : เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยเชื่อว่าระบบคมนาคมและสาธารณปโภคที่เพิ่มขึ้นทำให้เมืองขยายออกไป ซึ่งเป็นโอกาสเติบโตของธุรกิจที่พักอาศัยและธุรกิจให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น อาหาร, บันเทิง, โรงภาพยนตร์ เป็นต้น สำหรับ AP เราให้เป็น 1 ในหุ้น Top Pick ของกลุ่มที่พักอาศัย โดยระยะสั้นมี Catalyst จากการเปิดขายโครงการใหม่เดือนมิ.ย.ที่ประเมินว่าจะมียอด Presales ที่ดีมาก และจะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดทำเลดีต่ออีก 4 โครงการด้วย ส่วนทั้งปี 58-59 คาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตเป็นเลขสองหลัก 12% และ 11% ตามลำดับ ฐานะการเงินมั่นคง ปันผลสูง คาดการณ์ Dividend Yield ไว้ที่ 4.7% แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 8.8 บาท อิงกับ P/E ปีนี้ที่ 9.5 เท่า (ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 58 ต่ำเพียง 7.5 เท่า)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]