- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 25 May 2015 16:34
- Hits: 1207
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -53.72, NASDAQ -1.43, S&P -4.76, FTSE +18.25, CAC -3.81 และ DAX -49.58 หลังประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ภายใต้แนวโน้มเศรษฐกิจเป็นไปตามคาดการณ์ อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และอาจจะต้องใช้ระยะเวลาหลายปีกว่าที่อัตราดอกเบี้ยจะกลับเข้าสู่ระดับปกติ ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) – เมย. เพิ่มขึ้น 0.1%MoM ซึ่งปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
.....ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ปรับลดลงหลังทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นในระหว่างสัปดาห์สูงที่สุดนับแต่กลางเดือนเมย. ที่ผ่านมา สะท้อนปัจจัยบวกจากกรณีที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจจะปรับเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรในเดือนพค. และมิย.
…..ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. -US$1.00 อยู่ที่ US$59.72 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากค่าเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น หลังประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
...ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$0.1 อยู่ที่ US$1,204.0 ต่อออนซ์ ภายใต้การส่งสัญญาณของประธานเฟดข้างต้น
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +2,303 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -5,485 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : ผันผวน? คาดมีโอกาสลดลง ภายใต้ประเด็นต่างประเทศที่มีน้ำหนักเป็นลบ (1) การส่งสัญญาณของประธานเฟด ล่าสุดที่มีความเป็นไปได้จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากแนวโน้มเศรษฐกิจเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และ (2) ความไม่แน่นอนต่อสถานการณ์กรีซ โดยเฉพาะปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งหากกรณีเลวร้ายสุดอาจส่งผลกระทบต่อกรีซและอาจลุกลามไปยังประเทศต่างๆ ใน EU หากไม่สามารถเจรจาข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้ โดยกรีซมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระต่อ IMF ในเดือนมิ.ย. รวมแล้วอีกประมาณ 929 ล้านยูโร ทำให้คาดยังเป็นปัจจัยที่กดดันภาพรวมตลาดต่อเนื่อง
.....ทางด้านปัจจัยในประเทศ แม้ได้รับปัจจัยบวกจาก Fund Flow หลังต่างชาติซื้อสุทธิเพิ่มอีก 2,303 ล้านบาท แต่คาดภาพรวมยังมีความผันผวน และคาดยังไม่สามารถชดเชยประเด็นลบจาก (1) ทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ที่คาดผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังไม่เหมาะที่จะเข้าเก็งกำไรในช่วงนี้ รวมถึงกลุ่มธนาคาร จากประเด็นความกังวล NPL หลัง KTB มีการตั้งสำรองเพิ่ม และ (2) ประเด็นที่กระทรวงการคลังจะขายหุ้น ที่คาดเป็น Sentiment ลบ ต่อหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ เช่น PDI, MFC, TMB, NEP, MCOT, THAI, PTT, BCP, AOT และ THL
.....อย่างไรก็ตามแนะติดตามกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, PTTGC, IRPC และ BCP จากค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง รวมถึง (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, SEAFCO, TRC และ UNIQ (2) ค่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าอีกครั้ง โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 33.47 – 33.49 ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA, HANA, SMT (3) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่แนวโน้มผลการดำเนินงานจะออกมาดีต่อเนื่อง เช่น SCC, TASCO
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 2.22% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.02 อยู่ที่ 12.13
หุ้นแนะนำ : CENTEL
ประเด็นที่ต้องติดตาม (25 - 29 พค.’58)
25/5/58 : ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ เนื่องจากตลาดและหน่วยงานราชการสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันเมมโมเรียล เดย์
26/5/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน - เมย. (2) ราคาบ้าน - มีค. (3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ - พค.(4) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค - พค. (5) ยอดขายบ้านใหม่ - เมย.27/5/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) สต็อกน้ำมัน
28/5/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) - เมย.
29/5/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ประมาณการ GDP – 1Q/58 (2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก - พค.(3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้าย - พค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788