- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 25 May 2015 16:31
- Hits: 1159
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1550-1555
SET Index : 1516.52 ปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1520 จุดหลังจากฟื้นตัวเข้าใกล้แนวต้านที่ 1530 จุด แต่เมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายที่ไม่สูงมาก จึงทำให้การปรับตัวลดลงน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มของ SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1550-1555 จุดบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และเส้นแนวโน้มขาลง ถ้าสามารถทะลุผ่านแนวโน้มลงขึ้นไปได้ SET Index จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1650 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1510 จุด ถ้าหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1490 จุด
Energy : เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 20450 แต่ยังคงมีแรงขายทำกำไรต่อหุ้น ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 21500 เน้นการถือหุ้นหลักต่อเนื่อง PTT PTTEP PTTGC TOP BANPU
Bank : ปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อเนื่องในระยะสั้น และมีแนวรับถัดไปที่ 515 และมีแนวต้านที่ 540 เรายังคงเน้นเข้าซื้อ BAY KBANK SCB BBL และ KTB เนื่องจากความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงเหลืออีกไม่มาก
PLANB = 5.00 / 5.20, PTT = 360 / 364, AOT = 296 / 300, ADVANC = 237 / 240, INTUCH = 78.50 / 79.00
S50M15 : 998.70 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรงหลังหลุดแนวรับที่ 1000 ลงไป ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นถึงระดับ 4 หมื่นสัญญาณในช่วงครึ่งเช้า จึงทำให้แนวโน้มในระยะสั้น ควรระวังการปรับตัวลดลงหลุดแนวรับที่ 998 ลงไป อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง น่าจะเหลืออีกไม่มากบริเวณ 980 ถ้าหลุดแนวรับที่ 998 ลงไป ควรขายสถานะ Long ออกไปก่อน และรอกลับเข้าไป Open Long ที่แนวรับ 985 แต่ถ้าฟื้นตัวกลับขึ้นมาปิดยืนเหนือ 1005 ได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1015
GFM15 : 19240 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาทดสอบแนวรับที่ 19200-19250 ในขณะที่ราคาทองคำสร้างฐานเหนือระดับ US$1200 เราจึงแนะนำให้กลับเข้าไป Open Long ที่บริเวณแนวรับ 19200-19250 และ 19000 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 19500 และ 19700
USDM15 : 33.55 เราแนะนำให้ Open Short ใน USDM15 ที่แนวต้าน 33.60 และมีแนวรับที่ 33.40 และ 33.30 เป็นจุดขายทำกำไร แนวรับสำคัญ 33.20 ควร Open Long
TECHNICAL FOLLOW UP : แนวรับ แนวต้าน
SET Index ถ้าไม่สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมายืนเหนือ 1520 แนวรับถัดไป 1510 1515 / 1510 1520 / 1525
S50M15 ถ้าปิดต่ำกว่า 998 ลงไป ควรขายสถานะ Long ออกไปก่อน 998 / 995 1002 / 1005
GFM15 Open Long ที่แนวรับ 19200-19250 และมีแนวต้านที่ 19500 19200 / 19170 19300 / 19350
USDM15 Open Short ที่แนวต้าน 33.60 แนวรับ 33.40 และ 33.30 33.45 / 33.40 33.55 / 33.60
SCN สัญญาณซื้อต่อเนื่อง แนวโน้มขึ้นทดสอบ 15.00 แนวรับสำคัญ 14.00 14.20 / 14.20 14.80 / 15.00
TRC รอการทะลุผ่าน 2.44 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 2.60 และ 2.80 2.38 / 2.34 2.44 / 2.60
Solartron (SOLAR TB; THB 16.20) – ซื้อ
แนวต้าน : 17.00 และ 18.00 / เป้าหมาย 20.00
แนวรับ : 16.20 และ 16.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวออกด้านข้างเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 20 วัน และเริ่มมีสัญญาณการทะลุผ่านรูปแบบสามเหลี่ยมขึ้นมาได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยที่ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ฟื้นตัวเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ SOLAR โดยมีแนวรับที่ 16.20 และ 16.00 และมีแนวต้านที่ 17.00 และ 18.00 เป็นจุดขายทำกำไร เป้าหมาย 20.00
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 15.50 ลงไป
Chai Watana Tannery Group (CWT TB; THB 4.52) – ซื้อ
แนวต้าน : 4.80 และ 4.90
แนวรับ : 4.50 และ 4.40
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากราคาหุ้นเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน และมีแนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 4.90
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ CWT โดยมีแนวรับที่ 4.50 และ 4.40 และมีแนวต้านที่ 4.80 และ 4.90 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 4.26 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET....มีลุ้นหลังนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิ 3 วันติดกว่า 5 พันล้านบาท
แม้ว่าวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดจะมีการปรับฐานลงเล็กน้อย 2.39 จุดหรือ -0.16% ปิดที่ 1,523.86 จุด แต่หากพิจารณาดูรวมทั้งสัปดาห์จะพบว่าตลาดมีการปรับขึ้นมา 11.67 จุดหรือ 0.77% ด้วยปริมาณการซื้อขายไม่มากนักที่เฉลี่ย 39,237 ล้านบาท โดยตลาดยังไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,530 จุด ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันไปได้ แต่ก็มีปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิติดต่อกัน 3 วันกว่า 5 พันล้านบาท ในปลายสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ในเดือนพ.ค. นักลงทุนต่างประเทศที่มีการขายสุทธิออกมาในช่วงแรก (ที่เงินบาทอ่อนค่าลงมากหลังกนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50%) แต่ล่าสุดกลับกลายเป็นซื้อสุทธิไป 2,842 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากพิจารณาดูรวมทั้งปีนักลงทุนต่างประเทศยังคงขายสุทธิอยู่เล็กน้อย 5,485 ล้านบาท
หากเราพิจารณาปริมาณการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 32.6% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 8 ปี จากระดับสูงสุด 37.5% ในปี 2007 เราจะเห็นได้ว่าความเสี่ยงจากการขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยดูมีจำกัดมากขึ้น ในทางกลับกันหากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวในครึ่งปีหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งติดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ, การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ, การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกที่อาจกลับมาฟื้นตัวหลังค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ก็อาจทำให้นักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยและหนุนดัชนีให้กลับไปซื้อขายที่รัดบ 1,600 จุดได้
นอกจากนั้นการที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในระดับที่ต่ำ ก็ทำให้ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ก็ต่ำลงไปตามด้วย ส่งผลให้นักลงทุนในประเทศพยายามที่จะหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินในธนาคาร (อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์อยูที่ 0.5% และฝากประจำ 1 ปีอยู่ที่ 1.50%) หรือลงทุนในตราสารหนี้ (ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 ปีอยู่ที่ 1.50% อายุ 5 ปีอยู่ที่ 2.26% และอายุ 10 อยู่ที่ 2.82%) ดังนั้นเราเชื่อว่าสภาพคล่องของนักลงทุนในประเทศที่อยู่ในระดับสูงก็จะไหลกลับเข้ามาที่ตลาดหุ้น ซึ่งเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่ยังให้ผลตอบแทนต่อ 1 หน่วยความเสี่ยงดีที่สุดอยู่ในเวลานี้
ในภาวะที่ตลาดยังมีความผันผวนอยู่พอสมควร กลยุทธ์การลงทุนคงต้องเน้นการเลือกลงทุนในรายหลักทรัพย์ (Stock selection) ที่มากขึ้น โดยจะต้องพิจารณาในรายละเอียดว่าหุ้นกลุ่มใดจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเราประเมินว่ากลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (ได้ประโยชน์จากการที่ราคาน้ำมันฟื้นตัว) กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (ได้ประโยชน์จากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% yoy และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า) กลุ่มเช่าซื้อ, อสังหาฯ และหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูง (ได้ประโยชน์จากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) และหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ และวัสุดก่อสร้าง (ได้ประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐ) จะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีในครึ่งปีหลัง โดยหุ้นกลุ่มดังกล่าวที่เราแนะนำประกอบไปด้วย PTT PTTGC TOP BANPU CENTEL MINT SAWAD KTC AP PS SPALI INTUCH BTS JASIF CK และ SCC วันนี้เราให้แนวรับของตลาดไว้ที่ 1515-1520 และแนวต้านที่ 1530-1535 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]