- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 May 2015 16:51
- Hits: 1268
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Range bound (ต่อ)
วันนี้คาดดัชนีฯ Range bound เด้งในกรอบ คาดแนวรับ 1,515 จุด แนวต้าน 1,538 จุด
ระยะสัปดาห์ 18-22 พค. ตอนนี้รีบาวด์เข้าใกล้แนวต้าน 1,530/1,540 จุด แล้ว อาจส่งผลให้ระยะสั้น 1-2 วันนี้ ดัชนีฯลดความร้อนแรงลง แต่ เราคาดว่าหุ้นรายตัว ยังขึ้นได้ดีกว่าดัชนีฯ
รายเดือน พค. คาด 2 สัปดาห์ที่เหลือของเดือน Sideway up (ขึ้นสลับย่อ) ทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,550/1,560 จุด ปัจจัยหนุนตลาดหุ้นโลกระยะเดือนจะมาจาก ทางออกปัญหาหนี้กรีซ มีสัญญาณบวกจากการประชุมเมื่อ 11 พค.ที่ผ่านมา รอดูการประชุม 18 มิย.อีกที และ คาดแนวโน้มการปรับประมาณการณ์กำไรของ บจ.ลงในช่วงนี้ เริ่มมีจำกัด (ตลาดสะท้อนไปแล้วระดับหนึ่ง)
หุ้นแนะนำเน้นตัวกลาง-เล็ก (แนะหุ้นที่ถูกเพิ่มเข้าคำนวณ MSCI Small Cap มีผลสิ้นเดือน พค.เป็นต้นไป) และหน่วยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง (กองโครงสร้างฯ ปลอดภาษีปันผลนาน 10 ปี)
หุ้นแนะนำ สะสม SEAOIL สัญญาณทางเทคนิค แนวรับ 8.6 บาท แนวต้านสั้น 9.5 บาท, เก็งกำไร UNIQ (มี Upside to fair value ดีสุดในกลุ่ม) STEC (Laggard play)
BLS รายงานพื้นฐานวันนี้ (ดูรายละเอียดฉบับเต็ม)
(+) เราเข้าพบ รมว.คมนาคม เมื่อวานนี้ สรุปประเด็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานประเทศ พบว่า โครงการหลักที่จะดำเนินการก่อสร้างได้ใน ครึ่งหลังปีนี้ ได้แก่ (1) รถไฟรางคู่ 6 เส้นทาง (เส้นจิระ-ข่อนแก่น ติดแค่ปัญหา EIA ถ้าศาลตัดสินเสร็จเดินหน้าทันที) (2) รถไฟฟ้าสีต่างๆ สายสีส้มตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตัดสินใจของ คจร. ว่าจะย้ายไปสถานีพระราม 9 หรือคงไว้ที่ศูนย์วัฒนธรรม สายสีเขียวเหนือ พร้อมเซ็นสัญญาประมาณ 3Q15 นี้ ส่วนสีแดง (บางซื่อ ตลิ่งชัน) รอแหล่งเงินจากญี่ปุ่น คาดเซ็นสัญญา เดือน มิย.นี้ (3) ส่วนขยายสนามบิน AOT (4) มอเตอร์เวย์ ส่วนโครงการในปีหน้า ได้แก่ รถไฟความเร็วสูง ฯลฯ / เราคาดว่าวันนี้ ปาฐกถา ของ รมว.คมนาคม จะเป็นข้อมูลชุดเดียวกับที่เราเข้าพบ และ ส่งผลบวกต่อ หุ้นกลุ่มรับเหมาโดยตรง จากการลงมือสร้างโครงการต่างๆตามแผนแม่บทในครึ่งหลังของปีนี้
(+) CPALL เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ เราคาด CPALL จะขาย MAKRO ในช่วงเดือน สค.นี้ (ในราคาขายประเมินที่ 43 บาท) เป็นอย่างเร็ว พิจารณาจากกรอบระยะเวลาของหนี้ และ ตราสารหนี้ที่จะ Callable ก่อนกำหนดเพื่อประหยัดดอกเบี้ย หลังใกล้ครบอายุ ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Free float ของหุ้น MAKRO ให้เป็นไปตามเกณฑ์ ตลาด คาด CPALL จะรับรู้กำไรพิเศษจากการขายเงิน MAKRO ราว 2.9 พันล้านบาท และช่วยประหยัดดอกเบี้ยจ่ายราว 735 ลบ. หนุนให้เรามีโอกาสปรับกำไรปีนี้ขึ้นได้อีกราว 23% ปีนี้ และ 5% ปีหน้าจากการประหยัดดอกเบี้ยจ่าย / คงคำแนะนำ ซื้อ CPALL
(+) ECF คาดปัจจัยหนุนผลประกอบการจะมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง หนุนยอดส่งออก (รับเป็นเงินดอลล์) ซึ่งเป็นรายได้หลักราว 60% สำหรับยอดขายในประเทศ คาดการขายสินค้าแบรนด์ Disney จะช่วยหนุนให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงได้ และมาร์จิ้นยังคงมี upsides หากบริษัทสามารถเปิดสาขา Disney Shop ได้ตามคาด นอกจากนี้คาดการเริ่มรับรู้รายได้จาก solar farm ในญี่ปุ่นจะช่วยหนุนกำไรในปี 2016 ได้ราว 5% และเป็นโอกาสให้บริษัทขยายธุรกิจพลังงานทางเลือกเพิ่มเติม คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6 บาท
หุ้นมีข่าว
(-/+) IFEC เมื่อวานนี้ราคาหุ้นผันผวนต่ออีก-หลังจากลงแรงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้สอบถามทางบริษัทฯอีกครั้ง และผู้บริหารยังยืนยันถึงผลประกอบการที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างมีนัยยะตั้งแต่ 3Q15 นี้เป็นต้นไป ซึ่งเราเห็นว่ากำไรใน 1Q15 จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าทดแทนที่เริ่มรับรู้เข้ามาเล็กน้อย ทำให้มีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาท (ไม่ได้ขาดทุน อย่างที่เป็นตามข่าวลือ) ขณะที่กำไรหลัก EBITDA อยู่ที่ 19 ล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุนใน 4Q14 (ตามคาด)
เรามองว่าราคาหุ้นที่ลงแรงจากความผันผวนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากตลาดวิตกข่าวลือ-ทำให้ขาดความเชื่อมั่นต่อบริษัทนั้น ไม่ได้กระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน และราคาที่ลงแรงราว 44% จาก Peak ได้สะท่อนข่าวลบไปมาก และมองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนอีกครั้ง เพราะจากโครงการโรงไฟฟ้าในมือ ที่กำลังจะประกาศภายใน 2Q15 เราเชื่อว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน ตามประมาณการณ์เดิมของเรา ที่คาดกำไรสุทธิปีนี้ ราว 356 ล้านบาท (Consensus คาดกำไรราว 300-500 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิปี 2014 ที่ 159 ล้านบาท คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย (เดิม) 17 บาท
(+) วันนี้ ตลท. เชิญ รมว.คมนาคม กล่าวปาฐกถา เรื่อง นโยบายคมนาคมและ โครงสร้างพื้นฐานกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (หุ้นรับเหมา ซื้อเล่นรอบ แนะนำ SEAFCO คาดได้ประโยชน์สูงสุด เพราะมีลุ้นงานสีส้มมากสุดและเป็นโครงการที่คาดว่าจะเปิดประมูลก่อน ทั้งนี้ ผู้รับเหมาฐานรากจะได้งานก่อนและการแข่งขันต่ำกว่าผู้รับเหมางานก่อสร้างฯใหญ่)
(+) MSCI ปรับหุ้นเข้าออกดัชนีรอบกลางปี ดัชนี MSCI Global Standard ไม่มีการปรับหุ้นในไทย ส่วน MSCI Global Small Cap ปรับเข้า: BA, BEAUTY, CBG, EPG, IMPACT, IFEC, MTLS, PLANB, PTG, SIM, SCN, TSE, UNIQ, WORK/ ปรับออก: JAMART, TPIPL และสุดท้าย MSCI Global Micro Cap ไม่มีการปรับหุ้นในไทย ทั้งหมดนี้จะมีผลในช่วงปิดตลาดของวันที่ 29 พ.ค.
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) ผลการประชุม EU group (เมื่อ 11 พค.) ส่งสัญญาณบวกเตรียมอุ้มหนี้กรีซ โดยจะประชุมอีกครั้งวันที่ 18 มิย. คาดหนุนตลาดหุ้นระยะเดือน (1) มีแนวโน้มเปิดช่องให้ EFSF/ESM ซื้อ EFSF notes 3.5 พันล้านยูโรคืน เพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ (2) ขณะที่เงินกู้ฉุกเฉิน (ELA) ตอนนี้ยังมีเพียงพอให้กรีซเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ เมื่อปี 2012 เงินกู้ ELA ของกรีซเคยขึ้นไปแตะที่ระดับ 1.2 แสนล้านยูโร นานกว่า 6 เดือน แม้ตอนนั้นหลายชาติยุโรปไม่เห็นด้วยแต่ก็ผ่านไปได้ ล่าสุด (กพ.2015) ELA เพิ่งอยู่แค่ 6 พันล้านยูโร (3) กรณีแย่สุดอาจใช้แนวทางเหมือนไซปรัส คือประกาศ Bank holiday เพื่อป้องกันคนแห่ถอนเงิน และ ประกาศ Capital control (ไม่ให้เงินไหลออก) เพื่อซื้อเวลาในการแก้ไข
(-) พุธ รายงานการประชุมเฟด และ ธนาคารกลางอังกฤษ, ญี่ปุ่น รายงาน GDP 1Q15 คาด +1.6 จาก +1.5% q-q saar.
(-/+) พฤหัส จีน HSBC PMI พค.คาด 49.4 จาก 48.9 US ยอดขายบ้านเก่า (เมย.) คาด +0.6% จาก 6.1% m-m, รายงานการประชุม ECB, EU PMI Composite (พค.) คาด 53.9 คงที่ แต่ภาคการผลิตคาดลดลงเหลือ 51.8 จาก 52
(+) ศุกร์ US Core CPI (เมย.)คาด+0.2% m-m คงที่, เยอรมนี IFO พค. คาด 103 จาก 103.5, ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
รายงานวันนี้
กลุ่ม: Residential Property คำแนะนำ: เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ราคาเป้าหมาย (บาท): -
ตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นกลุ่ม ResDev แย่กว่าตลาดจากยอดจองซื้อที่แย่ในเดือนเม.ย.และประกาศผลประกอบการที่ต่ำกว่าสำหรับไตรมาส 1/58
โดยในกรณีลวร้ายสุดปรับกำไรหลักลง 10% แต่หุ้น ResDev เฉลี่ยซื้อขายที่ PER ปี 2558 ที่เพียง 9.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 10.7เท่ามาก
เรามองเป็นจังหวะซื้อหุ้น ResDev จากยอดจองซื้อที่คาดดีขึ้นเดือน พ.ค-มิย ทำให้ยอดจองซื้อรวมไตรมาส 2/58 ยังเติบโต 20% YoY และ QoQ
รายงานประจำเดือน เม.ย ยอดเปิดตัวยูนิตใหม่ลดลง 4% MoM แต่ take-up rate ดีขึ้นมากจาก เพียง 13% เดือน มี.ค เป็น 30% ในเดือนเม.ย.
คาดการเปิดตัวโครงการใหม่และ take-up rate ฟื้นตัวเดือนพ.ค.หลังจากหยุดยาวในเดือนเม.ย.
นักวิเคราะห์: นฤมล เอกสมุทร, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์