WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CIMBบล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)

 

Technical highlights
SET Index : แนวรับ 1510 แนวต้าน 1530
  ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1510.51 จุด เพิ่มขึ้น 12.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,771 ล้านบาท ตลาดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1500 จุด ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาปิดที่บริเวณแนวรับสำคัญที่ 1510 จุด ทำให้แนวโน้มขาขึ้นยังไม่เสียไป
  Daily : ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1500 จุด และสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาปิดยืนเหนือระดับ 1510 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายที่ไม่สูงมาก จึงทำให้ SET Index มีโอกาสฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้านที่ 1520 และ 1530 จุด โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1495 จุด ถ้าปิดทาจุดต่ำสุดใหม่ จะมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1470 จุด
  กลยุทธ์ : SET Index มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1520 และ 1530 จุด ถ้ามีแรงซื้อหุ้นกลับขึ้นมาต่อเนื่อง การทะลุผ่านแนวต้านที่ 1530 จุดขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1555-1560 จุด ในขณะที่โครงสร้างในระยะยาวยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง

 

Asia Fund Flow : 8 พฤษภาคม 2558
  ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ขายสุทธิ 9 ล้านเหรียญ (11 พ.ค.)
  ตลาดหุ้นไต้หวัน ซื้อสุทธิ 89 ล้านเหรียญ รวมทั้งสัปดาห์ซื้อสุทธิ 341 ล้านเหรียญ
  ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขายสุทธิ 8 ล้านเหรียญ รวมทั้งสัปดาห์ขายสุทธิ 64 ล้านเหรียญ
  ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ขายสุทธิ 22 ล้านเหรียญ รวมทั้งสัปดาห์ขายสุทธิ 13 ล้านเหรียญ
  ตลาดหุ้นไทย ขายสุทธิ 14 ล้านเหรียญ รวมทั้งสัปดาห์ขายสุทธิ 17 ล้านเหรียญ

Most Active Value : แนวรับ แนวต้าน
TRUE แนวรับ 10.80 และ 10.50 เป็นจังหวะทยอยซื้อ แนวต้าน 11.50 11.20 / 11.00 11.50 / 11.60
JAS สัญญาณขายต่อเนื่อง แนวต้าน 5.00 และ 5.30 แนวรับ 4.80 และ 4.50 4.90 / 4.80 5.00 / 5.15
KBANK สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 210 ถ้าผ่านขึ้นไปด้ แนวต้านถัดไป 215-217 207 / 205 210 / 212
SCB สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 168 และ 170 เป็นจังหวะขายทำกำไร 164 / 162 167 / 168
KTB แนวต้าน 20.30 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 21.00 20.00 / 19.80 20.30 / 20.50
BBL สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 188 และ 190 แนวต้านสำคัญ 195 183 / 181 186 / 188
ITD เคลื่อนไหวในกรอบ แนวรับ 7.50 แนวต้าน 7.80 และ 8.00 7.60 / 7.50 7.70 / 7.80
INTUCH สัญญาณฟื้นตัว แนวรับ 77.00 และ 76.00 แนวต้าน 79.00 และ 80.00 77.00 / 76.50 78.00 / 78.50
PTT แนวต้าน 360-362 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 380 358 / 357 360 / 362
TASCO สัญญาณฟื้นตัวระยะสั้น แนวต้าน 13.80-14.00 แนวรับ 13.00 13.20 / 13.00 13.50 / 13.80

 

The Siam Cement (SCC TB; THB 548.00) - ซื้อ
  แนวต้าน : 560 และ 570
  แนวรับ : 548 และ 544
  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ขึ้นมาได้ ในขณะที่โครงสร้างของราคาหุ้นยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
  แนะนำซื้อ SCC โดยมีแนวรับที่ 548 และ 544 และมีแนวต้านที่ 560 และ 570 เป็นจุดขายทำกำไร
  STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 526 ลงไป

Unique Engineering (UNIQ TB; THB 14.10) - ซื้อ
  แนวต้าน : 14.70 และ 15.00
  แนวรับ : 14.00 และ 13.80
  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องในระยะสั้น ในขณะที่โครงสร้างของราคาหุ้นน่าจะฟอร์มตัวในรูปแบบสามเหลี่ยม
  MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ฟื้นตัวต่ำกว่าระดับ 50
  แนะนำซื้อ UNIQ โดยมีแนวรับที่ 14.00 และ 13.80 และมีแนวต้านที่ 14.70 และ 15.00 เป็นจุดขายทำกำไร
  STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 13.50 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]

บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)

 

SET...ผันผวนแต่ไม่น่าทำจุดต่ำสุดใหม่ต่ำกว่า 1485 จุด
  แม้ว่าใน 1-2 สัปดาห์ก่อนตลาดจะถูกแรงขายออกมาต่อเนื่องตามผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร นอกจากนั้นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 1.50% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งติดต่อกัน ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดมาก (ตัวเลขส่งออกไตรมาสแรกติดลบกว่า 4% ส่งผลให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังมีการปรับลดประมาณการ GDP ลงจาก 3.9% เหลือ 3.7% และตัวเลขประมาณการส่งออกก็ปรับลดลงเหลือแค่ +0.2% จากเดิม +1.4%) บวกกับตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มมีการปรับฐานลงตามความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว จนทำให้ตลาดหุ้นกลับมาหลุดระดับ 1,500 จุดเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้


  อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าตลาดจะไม่หลุดลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดในรอบที่แล้วที่ระดับ 1,485 จุด เนื่องจาก 1) อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำ ส่งผลให้สภาพคล่องทางการเงินในประเทศมีอยู่สูง (เนื่องจากผลตอบแทนของสินทรัพย์ลงทุนอื่นๆ อย่าง ออมทรัพย์ เงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้ ทองคำ อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ทำให้นักลงทุนยอมที่จะเพิ่มความเสี่ยงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเทียบความเสี่ยงที่สูงขึ้น), 2) สัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ (Foreign ownership) ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในเกือบ 7 ปี (ปัจจุบันอยู่ที่ 32.50% ลงมาจากระดับสูงสุดที่ 37.50% ในปี 2007 หรือคิดเป็นปริมาณการถือครองในช่วง 10 ปีย้อนหลังที่ลดลงจาก 330,000 ล้านบาทในปี 2007 ลงมาเหลือเพียง 50,000 ล้านบาทในปัจจุบัน) ส่งผลให้เราเชื่อว่าแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศจะเหลืออีกไม่มากแล้ว แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงมามากก็ตาม (ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นในการขายสินทรัพย์ลงทุนในประเทศไทยแล้วเปลี่ยนกลับเป็นสกุลเงินดอลลาร์ – ใช้เงินบาทมากขึ้นในการแลกเงินดอลลาร์), 3) การปรับน้ำหนักตลาดหุ้นไทยจากทั้งกองทุนในประเทศและต่างประเทศน่าจะใกล้กลับเข้าสู่สมดุลมากขึ้น หลังจากที่มีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารลงและสลับไปเพิ่มน้ำหนักกลุ่มพลังงานมากขึ้นหลังราคาน้ำมันกลับขึ้นมาทำจุดสูงสุดในรอบปีที่ 61 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +35% จากระดับต่ำสุดในปีนี้ (กลุ่มธนาคารปรับลดลง 12% ในขณะที่ตลาดปรับลดลง 5% และกลุ่มพลังงานลง 1% ในช่วงเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาหลังจากที่กลุ่มธนาคารประกาศงบออกมากลางเดือน เม.ย.)


  สำหรับ ปัจจัยที่จะกำหนดทิศทางตลาดในสัปดาห์นี้ประกอบไปด้วย ปัจจัยภายนอก 1) ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ 2) ราคาน้ำมันดิบ 3) การเจรจาปัญหาหนี้ของกรีซที่จะถึงกำหนดเส้นตายที่ต้องชำระคืนหนี้ 750 ล้านยูโร ให้กับ IMF ในวันที่ 12 พ.ค. นี้ 4) ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะมีผลต่อการกำหนดทิศทางของสินทรัพย์ลงทุน ส่วนปัจจัยภายใน 1) การประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/58 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมาหมดในสัปดาห์นี้ 2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ 3) ทิศทางค่าเงินบาท

 

  สำหรับ กลุ่มที่เราคาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/58 ออกมาดีและมีแนวโน้มดีต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2/58 ประกอบไปด้วย กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (ได้อานิสงค์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและเงินบาทอ่อนค่า) กลุ่มอิเล็คโทรนิคส์ (คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นและได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง) กลุ่มก่อสร้าง (ได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐ) กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 35% จากระดับต่ำสุดในปีนี้มาอยู่ที่ 60 +/- ดอลลาร์/บาร์เรล) โดยในกลุ่มดังกล่าวเราแนะนำ CENTEL MINT SCC CK TOP BANPU PTTGC


  สำหรับสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์แรกที่มีงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ซึ่งในวันที่ 11 พ.ค. จะมีบริษัท SNC DTAC วันที่ 13 พ.ค. บริษัท IVL SPCG SPA FSMART BANPU วันที่ 14 พ.ค. บริษัท ADVANC THCOM CSL INTUCH โดยเราคาดว่าอาจมีการเก็งกำไรเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการที่น่าสนใจของบริษัท SNC BANPU THCOM
  กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราคาดว่าตลาดมีโอกาสในการปรับตัวขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ อย่าง KTB KBANK รวมทั้งกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี หลังราคาน้ำมันเริ่มกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการเก็งกำไรในการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียน ที่จะเริ่มทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ โดยวันนี้เราให้แนวรับที่ 1500 จุด และแนวต้านที่ 1520-1530 จุด

Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)

 

Investment Strategy
  กลยุทธ์ : กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราคาดว่าตลาดมีโอกาสในการปรับตัวขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ อย่าง KTB KBANK รวมทั้งกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี หลังราคาน้ำมันเริ่มกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการเก็งกำไรในการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียน ที่จะเริ่มทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ โดยวันนี้เราให้แนวรับที่ 1500 จุด และแนวต้านที่ 1520-1530 จุด

Themes play :
  CENTEL : เราแนะนำ ซื้อ CENTEL โดยคาดผลประกอบการ 1Q15 จะเติบโตโดดเด่น จากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมที่จะช่วยชดเชยผลประกอบการที่อ่อนตัวของธุรกิจอาหาร และทั้งสองธุรกิจน่าจะมีผลประกอบการดีขึ้นใน 2Q15 เนื่องจากธุรกิจโรงแรมจะได้ประโยชน์จากสถิตินักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจอาหารจะได้ประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ลดลง เราจึงมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อหุ้น และคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 38.50 บาท ขณะที่เชื่อว่าผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน 1Q15 และการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของตลาดจะช่วยผลักดันราคาหุ้น

ประเด็นในสัปดาห์
  11 พ.ค. : คาด PSL MC MINT QH ROBINS BANPU KCE INTUCH ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/58
  12 พ.ค. : คาด AAV CHG COL DCON DRT IVL JMART NYT PS PTT STEC LH SPALI GFPT CPALL ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/58

Opportunity Day
  11 พ.ค. : SNC DTAC
  13 พ.ค. : IVL SPCG SPA FSMART BANPU
  14 พ.ค. : ADVANC THCOM CSL INTUCH
  18 พ.ค. : CBG WHA ILINK FORTH
  19 พ.ค. : HEMRAJ MALEE TRT PYLON BAFS SMT MC

Fundamental Stock :
  ADVANC : 1Q15 Results Note - รอสัญญาณที่ชัดเจนกว่านี้(แนะนำ : ถือราคาเป้าหมาย252บาท)

Technical Pick :
  กลยุทธ์ : SET Index มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1520 และ 1530 จุด ถ้ามีแรงซื้อหุ้นกลับขึ้นมาต่อเนื่อง การทะลุผ่านแนวต้านที่ 1530 จุดขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1555-1560 จุด
  The Siam Cement (SCC TB; THB 548.00) - ซื้อ
  Unique Engineering (UNIQ TB; THB 14.10) - ซื้อ

SET Index : แนวรับ 1510 แนวต้าน 1530
Retail Research Team

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!