- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 11 May 2015 15:02
- Hits: 990
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET เริ่มรีบาวด์ จึงถือต่อรอขายได้ แต่ซื้อน่ารอช่วงอ่อน...
กลยุทธ์ : คาดว่า SET จะอยู่ในรอบรีบาวด์กลับขึ้นไปแกว่งตัวด้านบวกอีกสักระยะ โดยเป้าหมายคาดว่ายังลุ้นเข้าใกล้ 1550 จุดหรือสูงกว่าได้ แต่ก็ต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนตามทางไว้ด้วย ดังนั้นถ้าจะซื้อเพิ่มจึงควรรอช่วงอ่อนตัวมากกว่าซื้อไล่ราคา แต่ถ้าซื้อแล้วน่าถือไว้ก่อนเพื่อรอทำกำไรตามเป้าหมาย
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TCAP, SVI, SPCG(short)
แนวโน้ม : เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET เริ่มมีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นมาแกว่งบวกได้บ้าง ถึงแม้ว่านักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดขายสุทธิต่อเนื่อง โดยคาดว่าส่วนหนึ่งเพราะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาลึกพอควรในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศก็กลับมาดูดีขึ้นด้วย หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน เม.ย. ที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับคาดการณ์ ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ก็สามารถปิดบวกได้แรงดี ตามตลาดหุ้นอังกฤษที่ขานรับการได้รับชัยชนะของพรรคฯ นายเดวิด คาเมรอนในการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้สามารถเปิดบวกได้เป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บวกหวือหวามากนัก แต่ก็น่าจะส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นบ้านเราเช่นกัน หลังจากเริ่มมีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มแบงก์เข้ามาให้เห็นบ้างแล้ว รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่แกว่งทรงตัวได้ดีหลังแกว่งไต่ระดับขึ้นมาในช่วงนี้ ก็น่าจะช่วยหนุนแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานบ้านเราได้ด้วย ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีสิทธิที่จะอยู่ในช่วงรีบาวด์ขึ้นได้อีกสักระยะตามคาด
แนวรับ 1508-1506 , 1500-1495 จุด
แนวต้าน 1515-1522 , 1526-1532 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบางเพียง US$382 ล้าน ลดลงจาก US$556 ล้านเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนศุกร์ที่ผ่านมา Flow เบาบางมาก โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อตลาดหุ้นไต้หวัน US$89.1 ล้าน และเวียดนาม US$2.8 ล้าน ขณะที่ขายฟิลิปปินส์ US$21.5 ล้าน ไทย US$14.1 ล้าน อินโดนีเซีย US$7.6 ล้าน และเกาหลีใต้ US$4 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อเนื่อง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) สัปดาห์สุดท้ายของการส่งงบการเงิน ล่าสุด 30% ของหุ้นใน FSS coverage รายงานผลประกอบการ 1Q15 แล้ว (ทุกบมจ.ต้องส่งงบฯภายในศุกร์นี้) โดยกำไรสุทธิ +122% Q-Q เพราะกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีมีผลขาดทุนจากสต็อกน้อยลงมาก แต่หากดูเฉพาะกำไรปกติ +27% Q-Q, +1% Y-Y การเทียบ Q-Q ยังมีผลของฤดูกาล แต่การโต 1% Y-Y เป็นอัตราที่ไม่ดีนักเพราะ 1Q14 ถูกกระทบจากการเมืองเต็มไตรมาส ทั้งนี้ ธุรกิจในประเทศชะลอกว่าที่คาดจากกำลังซื้อที่หายไป มีเพียงกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์และธุรกิจเช่าซื้อที่ยังโตได้ต่อเนื่อง
(+) MTLS กำไรแกร่งกว่าคาด จากการกลับสำรองฯ ทำให้กำไร +24% Q-Q, +29% Y-Y คิดเป็น 18% ของประมาณการกำไรทั้งปี แนวโน้มจะดีขึ้นในไตรมาสถัดๆไปหลังขยายสาขาเชิงรุกเมื่อต้นปีและต้นทุนทางการเงินที่ลดลง แนะนำซื้อ เป้าหมาย 25 บาท
(+) ADVANC กำไรแกร่งตามคาด กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 8% Q-Q และ 4% Y-Y จากรายได้ Non voice ที่เติบโตแข็งแกร่ง +6% Q-Q, +34% Y-Y ชดเชยรายได้จาก Voice ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องได้ ขณะที่ Regulatory cost ลดลงต่อเนื่อง แนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปียังคงสดใส ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 300 บาท
(0) BLA กำไรกลับมาน่าผิดหวังอีกครั้ง -66% Q-Q, -30% Y-Y โดยธุรกิจประกันกลับมาขาดทุนอีกครั้ง 83 ล้านบาท เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทำให้รายการ “เงินสำรองประกันชีวิตที่เพิ่มขึ้นจากงวดก่อน” เพิ่มขึ้น ผลประโยชน์การจ่ายตามกรมธรรม์ก็เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มของค่าเวนคืนกรมธรรม์ แต่ถูกกลบด้วยกำไรจากการขายหุ้น แต่ยังแนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมาย 58 บาท เพราะดอกเบี้ยที่ลดลงเป็นลบต่อธุรกิจในระยะสั้น แต่ดีในระยะยาวต่อมูลค่าปัจจุบันของสินทรัพย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้
(0) PTTGC กำไรดีตามคาด พลิกเป็นกำไรสุทธิ 5,631 ล้านบาทใน 1Q15 เพราะผลขาดทุนจากสต็อกลดลงมากจาก 4Q14 ส่วนธุรกิจโรงกลั่นมีกำไรดีขึ้นตามค่าการกลั่นที่สูงขึ้น ธุรกิจโอเลฟินส์มีกำไรชะลอลงตามส่วนต่างของ HDPE-นาฟทาที่แคบลง และธุรกิจอะโรเมติกส์กลับมามีกำไรเพราะต้นทุนวัตถุดิบและเชื้อเพลิงที่ถูกลง เราเชื่อว่ากำไรในช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้น คงราคาเป้าหมายที่ 63.50 บาท คงคำแนะนำถือ
(0) TCAP แนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อใหม่ไม่น่าจะชดเชยการจ่ายชำระคืนสินเชื่อเดิมที่ทยอยหมดอายุลงได้ เราจึงปรับสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้เป็น -2% จากเดิม +3% ทำให้กำไรสุทธิปีนี้ลดลงจากเดิมที่คาดโต 8% Y-Y เหลือโต 4.5% Y-Y ลดเป้าหมายลงเป็น 40 บาทจาก 43 บาท ยังแนะนำซื้อลงทุน เพราะ Valuations ถูก (PE 7.9 เท่า PBV 0.8 เท่า) มีปันผลตอบแทน 4.6% ต่อปี และการซื้อหุ้นคืน (ครบกำหนด 9 ส.ค.) น่าจะช่วยจำกัด downside ของราคาหุ้นได้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาพุ่งขึ้นแรงกว่า 260 จุดหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน เม.ย. ออกมาใกล้เคียงคาดซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจ
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดบวกได้ค่อนข้างแรงเช่นกัน โดยนักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อผลการเลือกตั้งของอังกฤษและตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกรวมถึงจีนที่ยังกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง
ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัวได้บ้างหลังจากอ่อนค่าแรง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.48-33.60 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดที่ 59.39 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.45 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีข่าวว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯยังปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 22
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดที่ 1,188.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 6.70 เหรียญ/ออนซ์ โดยนักลงทุนคาดว่า FED จะยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยหลังจากที่มีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน เม.ย.
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
11 พ.ค. - จีน: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก (มี.ค.)
- สิงคโปร์: 1Q15 GDP (ตลาดคาด +2.2% Y-Y)
- อังกฤษ: ประชุมธนาคารกลาง
- ยุโรป: ประชุมรมว.คลังของยูโรโซน (พิจารณาเงินช่วยเหลือกรีซ)
13 พ.ค. - จีน: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก (เม.ย.)
- ยูโรโซน: 1Q15 GDP (ตลาดคาด +1% Y-Y vs 4Q14 +0.9% Y-Y)
- สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีก (เม.ย.)
14 พ.ค. - ไทย: ประชุม กพช.
- มาเลเซีย: 1Q15 GDP
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- อินโดนีเซีย: ตลาดหุ้นปิดทำการ เนื่องในวัน Ascension of Jesus
15 พ.ค. - ฮ่องกง: 1Q15GDP (ตลาดคาด +2% Y-Y vs 4Q14 +2.2% Y-Y)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม(ตลาดคาดดงดอกเบี้ยที่ 1.75%)
- สหรัฐ: Industrial Production และ Capacity Utilization (เม.ย.)
18 พ.ค. - ไทย: 1Q15 GDP (ตลาดคาด +3% Y-Y)
19 พ.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research