WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

SET เริ่มมีลุ้นบวก แต่ต้องระวังผันผวน จึงไม่ควรซื้อไล่ราคา!!

  กลยุทธ์ : หลัง SET ปรับตัวลงมาแรงแล้ว คาดว่ามีลุ้นรอบรีบาวด์กลับไปแกว่งบวกให้เป็นจังหวะในการขายทำกำไรช่วงสั้นได้ตามคาดเดิม แต่ยังต้องระวังการแกว่งผันผวนอยู่ ดังนั้นไม่แนะนำให้ซื้อไล่ราคาช่วงบวกมากนัก


  หุ้นเด่นทางเทคนิค : SAMART, SCB, KTC(short)
  แนวโน้ม : หลังจากเมื่อวานนี้ SET ยังปรับตัวลงแรงตามภาวะตลาดหุ้นเอเชียที่ส่วนใหญ่เป็นลบ หลังประธานเฟดเตือนเกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นสหรัฐที่อยู่ในระดับสูง แต่เช้านี้ถือว่าบรรยากาศการลงทุนจากต่างประเทศกลับมาดูดีขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับมาปิดบวก ขานรับตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่อยู่ในระดับต่ำกว่าคาด รวมทั้งตลาดหุ้นยุโรปหลายแห่งก็ปิดบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากรายงานยอดสั่งซื้อภาคการผลิตของเยอรมนีฟื้นตัวในเดือน มี.ค. นอกจากนี้ รมว.คลังฝรั่งเศสยังได้ให้ข่าวว่าการเจรจาระหว่างกรีซกับกลุ่มเจ้าหนี้เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยคาดหวังว่าการประชุมรอบถัดไปน่าจะมีข้อสรุปเพื่อหาทางออก ซึ่งจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพของยูโรโซนได้ ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่พลิกกลับมาเปิดเป็นบวกด้วยเช่นกัน ขณะที่ในบ้านเราหลังจากมีแรงขายออกมากดดันหุ้นกลุ่มแบงก์ต่อเนื่องมาหลายวัน เมื่อวานนี้ก็เริ่มเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนหุ้นกลุ่มแบงก์ใหญ่กันพอควรด้วย ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะมีรอบรีบาวด์กลับขึ้นไปแกว่งด้านบวกได้ตามคาดหมาย อย่างไรก็ตาม SET ยังมีโอกาสแกว่งผันผวน เพื่อรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐคืนนี้อีกครั้ง


  แนวรับ 1496-1495 , 1492-1490 จุด
  แนวต้าน 1502-1508 , 1512-1515 จุด
  Fund Flow วานนี้กลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาค โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$45.6 ล้าน ไต้หวัน US$51.2 ล้าน อินโดนีเชีย US$26.9 ล้าน และไทย US$1 ล้าน แต่ซื้อฟิลิปปินส์ US$22 ล้าน และเวียดนาม US$4.2 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อย Flow น่าจะไหลออกต่อแต่เบาบาง

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกเป็นลบ: จากคำเตือนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ไปหนุน Bond Yield สหรัฐฯและยุโรปขึ้นแรง (ชิงขายก่อนที่เฟดจะ Exit Strategy) ส่วนเงินบาท (USD/THB) อ่อนค่าเร็ว 3% ตั้งแต่ กนง. ลดดอกบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เม.ย. 15 ต่ำสุดในรอบ 10 เดือน หากอิงอดีตที่ USD/THB กับ SET แกว่งผกผันกัน ถือว่ายังมีความเสี่ยงที่ SET จะลงต่อ และดูเหมือนสถานการณ์จะเอื้อให้เกิด Sell in May แต่ยังคาด Downside จำกัด โดยเฉพาะกลุ่มแบงค์ที่ลงจน Valuation เท่าช่วงน้ำท่วมที่ตื่น NPL ยังแนะนำรอตั้งรับอย่างใจเย็นตามกรอบแนวรับทางเทคนิค
  TVT: วันนี้เริ่มเข้าเทรดตลาด MAI บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ชั้นนำ มีรายการที่เป็นที่รู้จัก เช่น Master Key เวทีแจ้งเกิด, ละครหลวงตามหาชน และเกมส์โชว์ Take Me Out Thailand รายได้หลักจากค่าโฆษณาจากการผลิตรายการโทรทัศน์และการให้บริการรับจ้างผลิตรายการ เป็นสัดส่วน 74% และ 25% ตามลำดับ แม้กำไรในปี 2014 จะลดลง แต่คาดว่าปี 2015 จะโตก้าวกระโดดจากการขยายตัวของรายได้ โดยได้รับผลดีจากการเปิดเสรีธุรกิจโทรทัศน์ที่ทำให้จำนวนช่อง Free TV เพิ่มขึ้น และการควบคุมต้นทุน ประเมินมูลค่าหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานปี 2015 ที่ 3.00 บาท อิง PE 30 เท่า (หมายเหตุ: FSS เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TVT ที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)


  BEAUTY: คาดกำไรสุทธิ 1Q15 ลดลง 27% Q-Q มาอยู่ที่ 77 ล้านบาท ตามปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็น Low Season แต่ถ้าเทียบ Y-Y ยังโตแรง 47% จากจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นและยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาเดิมที่ขยายตัว 12% Y-Y เราไม่ได้กังวลกับกำไรที่ชะลอ Q-Q และมองเป็นโอกาสในการซื้อหุ้น (หากตกเพราะผิดหวังงบ) เพราะอุตสาหกรรมเครื่องสำอางแทบไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอ และการอ่อนค่าเร็วของเงินบาทจะกระตุ้นแรงซื้อจากนักท่องเที่ยวจีนที่มีสัดส่วน 20% ของรายได้รวม อีกทั้งในเชิงของราคายังมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากการแตกพาร์ คาดเริ่มซื้อขายพาร์ใหม่ 0.10 บาทกลางเดือนนี้ ราคาเป้าหมายปี 2015 อยู่ที่ 49 บาท หรือ 4.90 บาทหลังแตกพาร์
  CENTEL: คาดกำไรปกติ 1Q15 ที่ 645 ลบ. +45.6% Q-Q, +28.6% Y-Y จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเพราะไม่มีปัญหาการเมืองในปีก่อน ขณะที่ การเติบโตของรายได้ธุรกิจร้านอาหารแม้จะชะลอตัวลงจากการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร แต่จะส่งผลดีอย่างต่อ Margin ที่จะขยายตัวขึ้น แนวโน้มกำไรช่วงที่เหลือของปีคาดว่ายังเติบโตโดดเด่น เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2015 ที่ 1,417 ลบ. +22.7% Y-Y และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 40 บาท

  ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกโดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตามตลาดจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนนี้
  ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนส่วนใหญ่ปิดทรงตัวหลังจากร่วงลงระหว่างวัน โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอจะทำให้ FED ไม่เร่งรีบในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกตลาดตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยนักลงทุนจับตาดูนโยบายและความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางต่างๆ
  ค่าเงินบาทอ่อนค่าแรงอีกครั้งวานนี้ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.48-33.60 บาท/ดอลลาร์
  ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดที่ 58.94 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง 1.99 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าและนักลงทุนกลับไปจับตาดูเรื่องอุปทานอีกครั้งที่ยังล้นตลาด
  ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดที่ 1,182.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 8.10 เหรียญ/ออนซ์ หลังดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นรวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น ขณะที่เงื่อนเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ยังไม่มีความไม่แน่นอน

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

8 พ.ค. - ไทย: IPO บมจ. ทีวีธันเดอร์ (TVT)
- จีน: ดุลการค้า (เม.ย.)
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (เม.ย.)
9 พ.ค. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
11 พ.ค. - จีน: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก (มี.ค.)
- อังกฤษ: ประชุมธนาคารกลาง
- ยุโรป: ประชุมยูโรกรุ๊ป
13 พ.ค. - จีน: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก (เม.ย.)
- ยูโรโซน: GDP1Q15 ครั้งที่ 1
- สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีก (เม.ย.)
14 พ.ค. - ไทย: ประชุม กพช.
- มาเลเซีย: GDP1Q15
- ฟิลิปปินส์: ประชุมธนาคารกลาง

Contact person : Somchai Anektaweepon 
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!