- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 May 2015 16:05
- Hits: 1127
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ยังคงปรับฐานลง แม้ว่าหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารจะเกิด Technical rebound ได้บ้าง แต่แรงขายปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี / ICT เพื่อปิดความเสี่ยง บวกกับตลาดหุ้นเอเชียปรับฐานลงแรง นำโดยตลาดหุ้นจีนที่ลบ 2.77% และตลาดหุ้นยุโรปเปิดลงกว่า 1% ส่งผลให้ SET INDEX ลบเป็นวันที่ 2 อีก 21.57 จุด หลุดแนว 1,500 จุด มาอยู่ที่ 1,498.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,959 ล้านบาท
ด้านเงินทุนต่างชาติ ยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 เพียง 32 ล้านบาท คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 6,566 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 6,744 ล้านบาท คาดว่าเงินทุนไหลออก เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่ากว่า 10 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามภาวะการจ้างงานเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ คืนนี้
ผล Exit Poll การเลือกตั้งอังกฤษ พบว่า นาย Cameron จะครองเสียงข้างมากในสภาฯ
ADVANC / PTTGC รายงานงบ 1Q58 วันนี้
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวหลุดแนว US$60 จากความกังวลด้านปริมาณน้ำมันดิบ
ติดตามตัวเลขการส่งออก - นำเข้าเดือนเม.ย.ของจีนวันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
การเจรจาระหว่าง กรีซ และ รมว.คลังอียู วันที่ 11 พ.ค. ขณะที่กรีซจะต้องชำระหนี้ให้แก่ IMF อีก 700 ล้านยูโรในวันที่ 12 พ.ค.
ติดตามการปรับเปลี่ยนดัชนี MSCI รอบ 6 เดือนในวันที่ 12 พ.ค.
ติดตามการรายงานงบ 1Q58 ของบริษัทจดทะเบียนไทยเป็นสัปดาห์สุดท้าย
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 29 SET INDEX อาจเปิดย่อตัวลงต่อเนื่องจากวานนี้สู่แนว 1,490 จุด +/- ก่อนเกิด Technical Rebound แบบอ่อนๆ สู่ 1,505 จุด +/- เพราะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงหลุดแนว US$60/barrel จะกดดันกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี แต่เชื่อว่ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึง ICT จะฟื้นตัวขึ้นมาในที่สุด
สำหรับ เงินทุนต่างชาติ เราเชื่อว่าเงินทุนที่ไหลออกจากมาจากตลาดตราสารหนี้เป็นสำคัญ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิ 14,653 ล้านบาท เมื่อกนง.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 2 ครั้ง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ต้องรีบปิดความเสี่ยงทั้งจากผลตอบแทนการลงทุน และค่าเงินบาท ขณะที่นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยมาตั้งแต่ปี 2556 ส่วน SET50 Index Futures มีสถานะ Long สุทธิเหลือเพียง 17,666 สัญญา YTD แรงในตลาดหุ้นจากนักลงทุนกลุ่มนี้น่าจะเป็นไปอย่างจำกัด
แรงกดดันจิตวิทยาการลงทุนในช่วงนี้ เราจึงให้น้ำหนักกับกองทุนภายในประเทศ ซื้อสุทธิ YTD สูงสุดใน 4 กลุ่มนักลงทุน 19,881 ล้านบาท และพอร์ตโบรกเกอร์ที่ซื้อสุทธิลดลงเหลือ 2,303 ล้านบาท หากสถาบันไม่ปรับพอร์ตการลงทุน เราเชื่อว่า SET INDEX จะเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้น พร้อมแนะนำให้ติดตามการออกขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์จะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่ เพื่อสะท้อนมุมมองของสถาบัน
ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญวันนี้ ตัวเลขการส่งออก - นำเข้า ของจีน เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจใน 2Q58 ของจีน หลังตลาดหุ้นจีนปรับฐานลง 7.42% ใน WTD อาจเกิดการฟื้นตัวและช่วยให้บรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียฟื้นตัวขึ้นได้
สำหรับ ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า นอกเหนือจากการรายงานงบ 1Q58 เป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้ว ติดตามการเจรจาระหว่าง กรีซ และ รมว.คลังอียู ในวันที่ 11 พ.ค. เราเชื่อว่าน่าจะมีความคืบหน้าเชิงบวกในการประชุมนัดนี้
เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชีย (7.35 น.) เริ่มเห็นการฟื้นตัว Nikkei เปิดบวก 0.31% ขณะที่ Kospi ยังเปิดลดลงเล็กน้อยเพียง 1 จุด เท่านั้น
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนยังคงใช้กลยุทธ์ ขึ้นแรงขาย - ลงแรงซื้อ" ด่านที่น่าสนใจในรอบนี้ คือ 1,550 จุด +/- ที่ยังไม่น่าผ่านในช่วงสั้น
Portfolio
Top Pick in 2Q15: ITD / TASCO / TPIPL/ WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA/ THAI/ BCP
Accumulative Buy: ITD / TASCO
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. ITD : ราคาปิด 7.40 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวลง 3.31% และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปรับตัวลง 4.54% จากความล่าช้าของการเปิดประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ ขณะที่หุ้นหลักในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ITD ปรับตัวลงแรงสุด 9.20% ตามมาด้วย STEC -6.88% ส่วน CK -2.35%
b) ล่าสุด ครม. อนุมัติโครงการรถไฟรางคู่ เส้นทาง จิระ - ขอนแก่น มูลค่าลงทุน 2.6 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเริ่มโครงการได้ตั้งแต่กลางปี 2558 จะเป็นบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
c) ปัจจัยบวกที่รออยู่ในช่วงสั้นของ ITD คือ การขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 11 พ.ค. (วันจันทร์หน้า) สัดส่วน 5 หุ้น ได้ 1 วอแรนต์ คาดว่าจะช่วยจำกัด Downside risk ของราคาหุ้น ITD ในช่วงสั้น
d) ติดตามความคืบหน้าการพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในเดือนพ.ค. - มิ.ย. ตามที่ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ ทั้งโครงการมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 โครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทย - จีน และ ไทย-ญี่ปุ่น และโครงการรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง จะช่วย Sentiment เชิงบวกให้แก่กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
e) นอกจากนี้ รมช.คมนาคม นายอาคม ได้ออกมายืนยันถึงการลงนามโครงการทวายเฟสแรกในปลายเดือนพ.ค. หรือ ต้นเดือนมิ.ย. ณ ปัจจุบัน รอรัฐบาลญี่ปุ่นพิจารณาโครงการ ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากแล้ว
f) ราคา ณ ปัจจุบัน ถือว่าต่ำกว่ามูลค่าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 8.50 บาท สะท้อน Downside risk ที่จำกัดมากยิ่งขึ้นของ ITD ขณะที่ราคาเหมาะสม 12.00 บาท ด้วยวิธี Sum of the part ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 8.50 บาท, นิคมอุตสาหกรรมทวาย 1.50 บาท และเหมืองโปรแตซ 2.00 บาท
2. TASCO: ราคาปิด 12.80 บาท ราคาเหมาะสม 15.50 บาท
a) 2 วันทำการที่ผ่านมา ราคาหุ้น TASCO ปรับตัวลง 18.99% เทียบกับกลุ่มวัสดุก่อสร้าง -3.54% และ SET INDEX -1.86% ถือว่าเป็นการปรับตัวลงแรง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นยืนเหนือ US$60 สำหรับ NYMEX แต่เมื่อทิศทางราคาน้ำมันเริ่มปรับฐานลงอีกครั้ง คืนวานนี้ NYMEX ปิดหลุดแนว US$60 น่าจะช่วยจิตวิทยาการลงทุนของ TASCO ได้
b) เรายังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานใน 1Q58 ที่ประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 620 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ของ TASCO แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผลการดำเนินงานจะออกมาดีกว่าที่เราคาดการณ์ ซึ่ง TASCO จะประกาศงบในวันที่ 13 พ.ค.นี้
c) แนวโน้มยอดขายยางมะตอยเดือนเม.ย.ยังคงเป็นไปในทิศทางเชิงบวก แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะขยับขึ้นมาบ้าง แต่ยังไม่กระทบในแง่ของความสามารถในการทำกำไรของ TASCO อีกทั้งใน 2Q58 รัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบซ่อมบำรุงและสร้างถนน กว่า 4 หมื่นล้านบาท จะช่วยให้ภาพรวมของ TASCO ยังเป็นบวก
d) แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาถึง 97% YTD แต่ราคา ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER15 ต่ำเพียง 9.84x เทียบกับกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อขาย PER15 ที่ 16.14x และเทียบกับคาดการณ์การเติบโตของกำไรสุทธิในปีนี้ 60.89% เทียบกับกลุ่มที่เติบโต 22.60% ทำให้ราคาหุ้น TASCO ยังมีความน่าสนใจในการลงทุน
Fund Flow Analysis
und Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียกลับมาเป็นการขายสุทธิ US$99 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิอีก US$52 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเน้นลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดตราสารหนี้เป็นหลัก
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 เพียง 32 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ขายสุทธิ 9,159 ล้านบาท และ YTD ขายสุทธิขยับขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 8,426 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures วานนี้ นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 6,566 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 6,990 สัญญา แม้ว่า S50M15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index อีกครั้ง 1.49 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 1.71 จุด แต่เราเชื่อว่านักลงทุนกลุ่มนี้ที่เร่งปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เพราะ SET50 Index หลุดแนว 1,000 จุด จึงต้อง Lock-in Profit ของสถานะ ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะเป็น Long สุทธิลดลงเป็น 17,666 สัญญา
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิอีก 6,744 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ขายสุทธิ 13,335 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย ลดลงแรงเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นสูงถึง 14.61bps จากวันก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 7.89bps ปิดล่าสุดที่ 2.7317%
เราคาดว่านักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดเป็นวันที่ 2 เป็นการนำเงินออก เพราะค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ กว่า 10 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling มากถึง 1,116 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 754 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 19 แต่เป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเพียง 82 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 713 ล้านบาท รวม 19 วันทำการซื้อสุทธิเท่ากับ 29,286 ล้านบาท โดยเป็นการปรับน้ำหนักการลงทุนระหว่างกลุ่มหลักเป็นสำคัญ สรุปภาพรวมของ NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มปิโตรเคมีถูกซื้อสุทธิสูงสุด 375 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 162 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 183 ล้านบาท กลุ่มโรงพยาบาล ซื้อสุทธิ 162 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 112 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 414 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 234 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 461 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหาร ขายสุทธิ 115 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 107 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน สิ้นสุดสัปดาห์ก่อน เท่ากับ 2.65 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 2.80 แสนตำแหน่ง แต่สูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.62 แสนตำแหน่ง ตลาดให้น้ำหนักกับภาพรวมการจ้างงานที่จะรายงานในวันศุกร์ที่ 8 พ.ค.
สินเชื่อภาคการบริโภค เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น US$2.05 หมื่นล้าน เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2557 และสูงกว่า Bloomberg consensus คาดที่ US$1.59 หมื่นล้าน และเดือนก่อนหน้าที่ US$1.48 หมื่นล้าน โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สินเชื่อสำหรับนักเรียน เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ยุโรป
คำสั่งซื้อโรงงานเยอรมัน ฟื้นตัว: เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.9% mom จากเดือนก.พ.หดตัว 0.9% mom และเป็นการฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือน แต่การฟื้นตัวต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 1.5% mom โดยคำสั่งซื้อภายในประเทศฟื้นตัว 5.8% mom ส่วนคำสั่งซื้อจากอียู เพิ่มขึ้น 7.9% mom แต่คำสั่งซื้อสินค้าด้านการลงทุนนอกอียู กลับหดตัว 5.1% mom
ธนาคารกลางนอร์เวย์ ส่งสัญญาณพร้อมลดอัตราดอกเบี้ย: หลังการประชุมล่าสุด คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก overnight ไว้ที่ 1.25% สอดคล้องกับ Bloomberg consensus อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการธนาคารกลาง ส่งสัญญาณพร้อมลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไปเดือนมิ.ย. จากข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน
ผล Exit Poll การเลือกตั้งทั่วไปอังกฤษ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมครองเสียงข้างมาก: ผลการสำรวจพบว่า พรรคการเมืองของนาย David Cameron จะครองที่นั่งราว 316 ที่นั่ง ส่วนคู่แข่ง นาย Ed Miliband จากพรรคแรงงาน จะได้ 239 ที่นั่ง จากทั้งหมด 650 ที่นั่ง ส่วนพรรคของรองนายกฯ Nick Clegg จากพรรค Liberal Democrats ได้เพียง 10 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งครั้งก่อน 57 ที่นั่ง
กรีซพร้อมที่จะเจรจากับอียู: รมว.คลัง กรีซ คาดการเจรจากับ รมว.คลังอียูในวันที่ 11 พ.ค. จะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่กรีซมีเวลาไม่ถึงสัปดาห์ในการพิสูจน์ให้ ECB เห็นถึงความจริงใจในการเจรจากับเจ้าหนี้
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางอินโดนีเซียส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ย: อย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้ภาพรวมของนโยบายการเงินที่จะยังเป็นการเข้มงวด เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมเปิดทางให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความยืดหยุ่นมากพอ ทั้งนี้การประชุมธนาคารกลางนัดถัดไปวันที่ 19 พ.ค. ธนาคารกลางจะร่วมมือกับรัฐบาล และข้อมูลด้านเศรษฐกิจเชิงลึก เพื่อกำหนดนโยบาย
เวียดนามลดค่าเงินดอง เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี: ธนาคารกลางลดอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงลง 1% เป็น 21,673 ดอง/ดอลลาร์สหรัฐฯ มีผลตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ค่าเงินดองจะสามารถเคลื่อนไหว +/- 1% จากค่าอ้างอิงนี้ การตัดสินใจลดค่าเงินดอง เพื่อเป็นการช่วยเหลือภาคการส่งออกให้เกิดความสามารถในการแข่งขัน และกระตุ้นเศรษฐกิจ
ภาวะการจ้างงานออสเตรเลียลดลงในเดือนเม.ย.: 2,900 ตำแหน่ง เทียบกับ Bloomberg consensus คาดว่าจะจ้างเพิ่มขึ้น 4,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้อัตราการว่างงานขยับขึ้นเป็น 6.2% จาก 6.1% ในเดือนมี.ค.
อิหร่านตั้งเป้ากลับชิงส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันโลก: อิหร่าน ตั้งใจเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบทันทีที่ชาติตะวันตกยกเลิกการคว่ำบาตร ภายใน 6 เดือนข้างหน้า อิหร่านจะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้เกือบ 3.8 ล้านบาร์เรล/วัน และจะเป็น 4.0 ล้านบาร์เรล/วันในปลายปีนี้
IMF คาดเศรษฐกิจเอเชียปีนี้โต 5.6%: จีดีพี ของเอเชีย-แปซิฟิก ในปี2558จะขยายตัว 5.6%โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอินเดียและญี่ปุ่นจะช่วยชดเชยการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รายงานยังระบุว่า ภาคธุรกิจและภาคผู้บริโภคของไทย จีน และญี่ปุ่น จะได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันขาลง ส่วนปีหน้าคาดว่าจะ ขยายตัว 5.5%
ธนาคารกลางมาเลเซียคงดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน: ที่ระดับ 3.25% ตามที่ Bloomberg Consensus ประเมิน เนื่องจากธนาคารกลางยังคงติดตามดูผลกระทบที่เกิดขึ้นต่ออัตราเงินเฟ้อและการบริโภคจากการปรับนโยบายภาษีใหม่ ทั้งนี้รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจของมาเลเซียจะสามารถขยายตัวได้ 4.5-5.5% ในปีนี้ แม้ว่าจะลดลงจากการประเมินครั้งก่อนที่ราว 6% เป็นผผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง อย่างไรก็ตามการบริโภคภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตที่สำคัญของเศรษฐกิจ
ส่งออกมาเลเซียขยายตัวสวนทางคาด: เดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 2.3% yoy ฟื้นตัวจากเดือน ก.พ.ที่หดตัว 9.7% yoy และดีกว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินว่าจะหดตัว 5.0% yoy นำโดยการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้การส่งออกไปยังสหรัฐฯ, จีนและกลุ่มอียูเพิ่มขึ้น ด้านยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 5.8% yoy ส่งผลให้ดุลการค้าเกืนดุลที่ 7.82 พันล้านริงกิต
ไทย
ครม.เห็นชอบรถไฟรางคู่ จิระ - ขอนแก่น: ระยะทาง 187 ก.ม. วงเงินลงทุน 2.6 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างทางรถไฟเพิ่ม 1 ทาง ขนานไปกลับทางรถไฟเดิม ซึ่งได้ผ่าน EIA แล้ว และคาดว่าจะเริ่มโครงการได้ตั้งแต่กลางปี 2558-2561 รวมเวลา 4 ปี
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง: กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนเมษายน 2558 ว่า จากการสำรวจประชาชนสาขาอาชีพต่างๆ ทุกจังหวัดจำนวน 3,287 รายพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ อยู่ที่ 38.8 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ที่มีค่า 40 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันมีค่า 32.5 ปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีค่า 34.1 รวมทั้งค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต หรือ 3 เดือนข้างหน้า มีค่า 42.9 ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่มีค่า 41.0
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530