- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 April 2015 18:35
- Hits: 1173
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เลือกซื้อเก็งกำไร"
Top Picks-Fund Apr 2015 : Fundamental : BTS, INTUCH, KBANK, RATCH, TRUEIF Dark Horse: GL, SYNTEC
Top Picks -Fund Today: KCE
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, MK, SPALI, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : TICON 56%, QH 32%, ROBINS 22%
Technical View ภาพระยะสั้นเป็นลบ แต่การลงเร็วจึงอาจมีรีบาวด์ทางเทคนิคได้
Support Resistance Stop loss
SET 1520,1500 1540-1550,1560 ค่าลบ
SET50 1000-990 1020-1030,1040 ค่าลบ
Top Picks-Tech Today : KTB, TGCI, SCC, SAMTEL, MAJOR, THRE, MCS, KKC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยร่วงลงอีก 9.06 จุด ปิดที่ 1522.47 โดยความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวยังกดดัน ขณะเดียวกันก็ Wait & See ผลการประชุมเฟดด้วย นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อ 2.9 พันล้านบาท พอร์ตบล.ขายสุทธิเกือบ 1 พันล้านบาท แต่สถาบันในประเทศเริ่มซื้อสุทธิรอบใหม่ที่ 500 กว่าล้านบาท ด้านรายย่อยซื้อสุทธิเช่นกัน
การประชุมกนง.มี Surprise ตลาดด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 1.50% และในวันนี้ธปท.จะมีแถลงมาตรการผ่อนคลายเกี่ยวกับเงินทุนไหลออก เพื่อกดให้ค่าเงินบาทอ่อน กระตุ้นภาคส่งออกที่ซบเซามาก โดยหุ้นส่งออกที่เราให้เป็น Top Pick คือ KCE (ราคาพื้นฐาน 55 บาท) ส่วนผลประชุมเฟด ไม่ได้มีปัจจัยใหม่โดยโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในกลางปีนี้น้อยลง และอยู่ในกระแสคาดการณ์ของตลาดแล้ว แต่สิ่งที่แย่กว่าคาด คือ GDP ไตรมาส 1/58 ของสหรัฐที่ขยายตัวเพียง 0.2% น้อยกว่าคาด ปัจจัยที่กังวลและติดตาม คือ การเสนอแผนปฎิรูปของกรีซเพื่อขอรับความช่วยเหลือรอบใหม่จากเจ้าหนี้ โดยรวมตลาดมีความไม่แน่นอนเข้ามาถ่วงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้เป็นช่วงๆ จากการซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น KCE
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ แต่ก็มีสิทธิรีบาวด์จากภาวะขายมากเกินไปในกราฟรายนาที กรอบแนวต้านอยู่ที่ 1530-1540, 1550 จุด แนวรับ 1510-1500, 1480-1460 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรแบบหวัง Gap สั้น สำหรับการ Scan หาหุ้นสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ THCOM, RCL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TGCI, TRC และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ BH สำหรับหุ้นที่หลุด List ได้แก่ CBG
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : เฟดยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว เฟดมีมติเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% และส่งสัญญาณว่าไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดประเมินไว้ โดยถ้อยแถลงหลังประชุมว่า เฟดจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างความมั่นใจต่อการคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
/+ สหรัฐ : ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) +1.1%MoM แตะ 108.6 ในเดือนมี.ค.58 สูงสุดนับตั้งแต่ปี 56 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +1%
- สหรัฐ : ประมาณการ GDP Growth ครั้งแรกช่วงไตรมาส 1/58 ขยายตัวเพียง +0.2% เทียบกับ +2.2% ในไตรมาส 4/57 และ +5.0% ในไตรมาส 3/57 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ +1%
+ กรีซ : รอดูการตอบรับแผนปฎิรูปจากกลุ่มเจ้าหนี้ รัฐบาลเสนอแผนปฎิรูปเศรษฐกิจต่อ IMF, ECB และ EC เพื่อขอรับความช่วยเหลือรอบใหม่มูลค่า 7.2 พันล้านยูโร (ความช่วยเหลือเดิมจะหมดอายุในเดือนมิ.ย.นี้)
ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนลง โดยดัชนี DJIA และดัชนี S&P500 ลดลง 0.4% ส่วนดัชนี Nasdaq อ่อนลง 0.6% นอกจากนั้นตลาดยังถูกกดดันจากรายงาน GDP Growth ไตรมาส 1/58 ที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดด้วย
+/ สัญญาน้ำมันดิบบวกขึ้น...สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มน้อยกว่าคาด โดย WTI ส่งมอบมิ.ย. +1.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ปิด +1.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุน คือ รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด คือเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 490.9 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นยังจำกัดจากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 1/58 ที่น้อยกว่าคาด และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกที่ยังสูง
สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบมิ.ย.ลดลงเล็กน้อย 3.9 ดอลลาร์ หรือ -0.32% ปิดที่ระดับ 1,210 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยหลักมาจากแรงขายทำกำไร ผนวกกับเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตน้อยกว่าคาดในไตรมาส 1/58
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ กลุ่มสายการบิน : ICAO พอใจการแก้ปัญหาของไทย โดยเฉพาะการดูแลเรื่องการขนส่งสินค้าและวัตถุอันตรายที่มีความชัดเจน หลังจากนี้จะให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง และในวันที่ 15 มิ.ย. รมช.คมนาคมจะนำคณะไปพบประธาน ICAO ที่แคนาดา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาอีกรอบ
SCB : ยืนยันตั้งสำรองฯตามปกติในไตรมาส 2/58 เนื่องจาก NPL ของธนาคารไม่ได้เพิ่มมากและบริหารจัดการได้ (สิ้นมี.ค.58 อยู่ที่ 2.13% ของสินเชื่อรวม และมี Coverage Ratio 138%) กำไรที่เติบโตในปีนี้จะมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมเป็นหลัก โดยเฉพาะรายได้วาณิชธนกิจ ซึ่งมีดีลเกี่ยวกับการควบรวมกิจการในช่วงเศรษฐกิจซบเซามากขึ้น ด้านสินเชื่อคาดว่าจะเติบโตไม่มากแต่จะดีขึ้นในปี 59 เชิงกลยุทธ์ เห็นว่าการอ่อนตัวเป็นจังหวะซื้อลงทุน โดย DBS ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 210 บาท
GDP ไตรมาส 1/58 และการปรับประมาณการปี 58 เป็น 3.7% ไม่ได้ Surprise ตลาด สภาพัฒน์ฯ ประกาศ GDP ไตรมาส 1/58 ของไทย +3.2%YoY หนุนโดยภาคท่องเที่ยว เสถียรภาพอยู่ในเกณฑ์ดี ด้านกระทรวงการคลังปรับ GDP Growth ปี 58 เป็น +3.7% (เดิม +3.9%) เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นช้ากว่าคาด และส่งออกซบเซามาก โดยปรับลดการเติบโตมูลค่าส่งออกปีนี้เป็น +0.2% (จากเดิม +1.4%) สำหรับ DBS Group Research คาดการณ์ GDP Growth ปี 58 ของไทยไว้ที่ 3.6%
เมื่อวานนี้ (29 เม.ย.) กนง.มีมติ 5 ต่อ 2 ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 1.50%...Surprise ตลาดอยู่บ้าง เพราะส่วนใหญ่คาดว่าจะคงไว้ที่เดิม
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : ผลของการลดอัตราดอกเบี้ย คือ ค่าเงินบาทอ่อนลง, เป็นปัจจัยจิตวิทยาทางบวกกับกลุ่มที่พักอาศัยและกลุ่มเช่าซื้อ & ลิสซิ่ง เช่น SAWAD, MTLS, GCAP, GL, S11 เป็นต้น แต่ผลดีที่แท้จริงยังไม่มากเพราะหนี้สินภาคครัวเรือนสูงและความเชื่อมั่นผุ้บริโภคยังต่ำ รวมทั้งเป็นลบเล็กๆ กับธนาคารพาณิชย์ในด้าน NIM ที่จะแคบลงในช่วงสั้น เพราะเงินฝากส่วนใหญ่เป็นเงินฝากประจำขณะที่เงินให้กู้ส่วนใหญ่อิงกับอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
ผ่อนคลายมาตรการเงินทุนไหลออกเพื่อกดให้เงินบาทอ่อน (ธปท.จะแถลงมาตรการวันนี้) จากข้อมูลเบื้องต้นจะเป็นการให้ต่างชาติถือครองเงินบาทได้นานขึ้น โดยกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากบาทอ่อน คือ ส่งออก หุ้นเด่น คือ KCE แต่กลุ่มที่เสียประโยชน์คือ กลุ่มที่นำเข้าวัตถุดิบมาก และมีหนี้ต่างประเทศสูง (การเก็งกำไร THAI เพราะจะมีกำไรจาก FX มากถึง 8-9 พันล้านบาทในไตรมาส 1/58 ควรจำกัดลงหลังเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าในไตรมาส 2/58)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]