- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 April 2015 17:14
- Hits: 964
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET รอดูผลการประชุม กนง.
SET View
แนวโน้มวันนี้มอง Sideway กรอบ 1,540 – 1,565 จุด
แนวโน้ม SET วันนี้ยังมองว่ามีโอกาส Sideway ออกข้างต่อจากเมื่อวานนี้ เนื่องจากยังขาดปัจจัยหนุน โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มชะลอการลงทุนและจับตาดูผลการประชุม กนง.และผลการประชุม FOMC กลางสัปดาห์นี้ โดยเราเริ่มเห็นความคาดหวังถึงโอกาสที่ กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายมากขึ้นจากสัญญาณเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย กดดันให้อัตราดอกเบี้ยลงต่ำเป็นประวัติการณ์
ปัจจัยต่างประเทศที่มีประเด็นบวกหนุนจิตวิทยาการลงทุนวันนี้ 1) ตลาดหุ้นสหรัฐ (NASDAQ) ขึ้นทำจุดสูงใหม่ในประวัติการณ์โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีบางตัวที่ประกาศผลประกอบการออกมามีกำไรโดดเด่น 2) ตลาดหุ้นจีนปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์หลังรับข่าวแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมา ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่แล้วธนาคารกลางจีนยังได้ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงอีก 100 bps และล่าสุดทางการจีนได้ประกาศลดจำนวนรัฐวิสาหกิจลงจาก 112 แห่ง เหลือ 40 แห่ง ผ่านการควบรวมกิจการครั้งใหญ่
สำหรับ ปัจจัยในประเทศ ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์รายงานภาวะการส่งออกของไทยในเดือน มี.ค. ยังคงติดลบอยู่ประมาณ 4% YoY ซึ่งเป็นอัตราติดลบที่ต่ำกว่าเดือนก.พ.ที่ติดลบ 6% ทำให้การส่งออกของไทยในไตรมาสแรกน่าจะติดลบราว 4% นอกจากนี้ ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน มี.ค. ลดลงไปอยู่ระดับ 87.7 จากเดือน ก.พ. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 88.9 ทางเทคนิค SET ไม่ควรหลุด Gap ที่บริเวณ 1545-1540 จุด จะกลับเป็นขาลง
กลยุทธ์การลงทุน ตราบที่ SET ยังพักตัวลงมาไปต่ำกว่าบริเวณ 1545 - 1540 จุด แนะนำ Selective Buy ในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว
Top Daily Pick : AH (มูลค่าเหมาะสม 18.10 บาท) ปัจจัยบวกจากยอดขายที่ฟื้นตัวผ่านจุดต่ำสุดในปีก่อน ขณะที่ราคาหุ้นยังถูกเมื่อเทียบกับกลุ่ม / BANPU (มูลค่าเหมาะสม 39 บาท) แนวโน้มราคาถ่านหินมีโอกาสดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันจะส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน
Technical Pick : TPIPL SCC SAMART PLANB PM (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)
Theme Play: กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ (AH) ยอดส่งออกรถยนต์เดือนมี.ค. 2558 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ ไทยเริ่มส่งออกรถยนต์ปี 2531 / กลุ่มหุ้น (ICHI SST THCOM WORK BANPU KAMART) ที่คาดผลประกอบการฟื้นตัวเด่นใน 1Q58 และยังมี Upside จากมูลค่าที่เหมาะสม / หุ้นเด่นน่าลงทุนเดือน เม.ย. (PTTGC BANPU BCP WORK) / กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ (RS WORK MONO) ปัจจัยบวกจากที่ กสทช. ให้เลื่อนจ่ายเงินค่าประมูลช่องดิจิทัลงวดที่ 2 ที่จะครบกำหนดจ่ายในวันที่ 24 พ.ค. นี้ ออกไปอีก 1 ปี / กลุ่มโรงแรม (MINT ERW) การท่องเที่ยวในไตรมาสแรกฟื้นตัวสูง 23% YoY
Strategy Talk
เศรษฐกิจมหภาค : ปรับลดคาดการณ์ GDP มีมุมมองเชิงลบต่อตลาด
ล่าสุดทางฝ่ายวิจัยภัทรปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ไทยลงเหลือ 3.3% จากเดิมที่ 3.7% (และของปี 59 เหลือ 3.7% จาก 4.3%) เนื่องจากเห็นตัวเลขทางเศรษฐกิจระยะ 1-2 เดือนแรกฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด โดยมีปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การปรับลดครั้งนี้ได้แก่
(1)ตัวเลขส่งออกถูกกดดัน คาดยอดส่งออกทั้งปีจะเติบโตติดลบ 0.5% จากที่เคยคาดว่าจะเติบโต 1.5% เป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำโดยเฉพาะราคายางและผลิตภัณฑ์น้ำมัน กดดันยอดส่งออกรายการดังกล่าวให้หดตัวแรงถึง 20% YoY ในเดือน ม.ค. และเดือน ก.พ. ยากที่รายการอื่นจะดันให้ยอดรวมเติบโตได้ อีกทั้งยังเห็นภาพรวมเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอย่างจีน ญี่ปุ่น และ ยุโรป ฟื้นตัวได้ช้าอีกด้วย (โดยตัวเลขส่งออก/นำเข้าเดือน มี.ค. ประกาศวันที่ 27 - 28 เม.ย. นี้ )
(2)ภาครัฐเบิกจ่ายช้า รอลุ้นครึ่งปีหลัง โดยยอด 6 เดือนแรกของปีนี้คาดงบภาครัฐจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนแค่ 2.3% ขณะที่รัฐบาลชี้แจงว่าพึ่งเซ็นสัญญางานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จำนวนมากในเดือน มี.ค. คาดงบจะลงมากระตุ้นเศรษฐกิจได้ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป
(3)การใช้จ่ายภาคเอกชนอ่อนแอ มีสัญญาณอ่อนแอสะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆและตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค มีปัจจัยหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเป็น 85.9% ของ GDP กดดันการบริโภคภาคครัวเรือนอีกด้วย ส่วนในภาคธุรกิจยังมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเหลือมากขึ้น กดดันการขยายธุรกิจเพิ่ม คาดการลงทุนภาคเอกชนทั้งปีเติบโตแค่ 3.6%
ส่วน GDP growth ของ 1Q58 คาดเติบโต 4% ฟื้นตัวจาก 2.3% ใน 4Q57 แต่ยังติดลบ 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดส่งออกสองเดือนแรกลดลง 4% YoY แล้วยังมีสัญญาณยอด NPL ของธนาคารที่เพิ่มขึ้นมากดดันอีกด้วย จะมีเพียงกลุ่มท่องเที่ยวที่คาดจะขยายตัวเด่นถึง 15% โดย GDP growth 1Q58 จะประกาศในวันที่ในวันที่ 18 พ.ค. นี้
ด้านตัวเลขเงินเฟ้อถือว่าอ่อนแอหนัก โดยลดลงจากระดับที่สูงกว่า 2% ในปีก่อนเหลือ -0.5% ในปัจจุบันโดยเราปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีจะเหลือ 0.2% ขณะที่มองเป็นผลหลักๆจาราคาน้ำมันที่ลดลงซึ่งยังมี downside อีกมากเนื่องจากราคาน้ำมันในประเทศลดลงแค่ราว 20% เทียบกับราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงไปแล้วกว่า 50% ซึ่งทางรัฐบาลมีโอกาสปลดล็อกผลประโยชน์ออกจากกองทุนน้ำมันมาสู่ประชาชนมากขึ้น ลดราคาน้ำมันลงและอาจเห็นตัวเลขเงินเฟ้อต่ำต่ออีกระยะ (ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน เม.ย. ประกาศ 1 พ.ค. นี้)
มุมมองมหภาคจึงสะท้อนมุมมองทางกลยุทธ์เราว่าในระยะ 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยรวมมีโอกาสเห็นงบกลุ่ม real sector ออกมาน่าผิดหวังเหมือนกลุ่มธนาคาร และจะเป็นปัจจัยถ่วง SET ในระยะนี้ มีโอกาสเห็นสำนักวิจัยและนักวิเคราะห์ออกมาปรับลดคาดการณ์ของตน เรายังคงเน้นให้เลือกเป็นรายตัวที่ผลประกอบการ 1Q58 มีทิศทางเติบโตตามกลุ่มที่เคยแนะนำไว้ และต้องระวังการถือครองหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ดีในช่วงนี้
Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.28
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.12
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.79
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.58
หุ้นใน Smart Port ที่จะจ่ายปันผลได้แก่
29/04/2015 SRICHA 1.55 Baht per share
30/04/2015 IVL 0.19 Baht per share
30/04/2015 IRPC 0.20 Baht per share
30/04/2015 IRPC 5:1 Stock dividend
06/05/2015 AGE 0.0019 Baht per share
06/05/2015 AGE 15:1 Stock dividend
07/05/2015 ICHI 0.50 Baht per share
07/05/2015 KAMART 0.06 Baht per share
08/05/2015 CK 0.35 Baht per share