- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 April 2015 16:06
- Hits: 965
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวรับ 1550 แนวต้าน 1570-1575
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1555.46 จุด เพิ่มขึ้น 10.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,044 ล้านบาท ตลาดเมื่อวันศุกร์ฟื้นตัวกลับขึ้นมาปิดยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายไม่สูงมาก จึงทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะสั้นมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไรที่แนวต้าน 1570-1575 จุด
Daily: ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นปิดยืนเหนือแนวรับสำคัญของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ระดับ 1550 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายไม่สูงมาก หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงต่อเนื่องหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันลงไป ทำให้ SET Index มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องในระยะสั้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1570-1575 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด ถ้าหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1540 จุด
กลยุทธ์ :SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปปิดยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1550 จุดได้ค่อนข้างดี ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1570-1575 จุด ในขณะที่โครงสร้างในระยะยาวยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1600 จุด
Asia Fund Flow : 24 เมษายน 2558
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ซื้อสุทธิ 85 ล้านเหรียญ (27 เม.ย.)
ตลาดหุ้นไต้หวัน ซื้อสุทธิ 1556 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขายสุทธิ 20 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ซื้อสุทธิ 16 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 36 ล้านเหรียญ
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
KTB ระยะสั้น แนวรับ 20.50 และ 20.20 มีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้าน 21.00 และ 21.20 20.70 / 20.50 20.80 / 21.00
PTT แนวโน้มขึ้นทดสอบ 360 แนวต้านสำคัญ 365 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 380 355 / 354 358 / 360
TRUE แนวรับ 12.50 และ 12.00 แนวต้าน 12.80-13.00 12.60 / 12.50 12.80 / 13.00
CPALL แนวต้าน 44.00 เป็นจังหวะขายทำกำไร 43.00 / 42.50 44.00 / 44.50
KBANK แนวรับ 220 แนวต้าน 225-226 222 / 220 225 / 226
SCC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 550 แนวรับสำคัญ 530 537 / 535 544 / 550
SCB ซื้อที่แนวรับ 168 แนวต้าน 175 และ 180 168 / 167 172 / 174
PTTEP แนวโน้มขึ้นทดสอบ 125 แนวรับ 120 120 / 118 124 / 125
CPF แนวรับ 23.50 และ 23.00 แนวต้าน 24.50-25.00 23.50 / 23.20 24.00 / 24.20
ITD แนวรับ 7.80 แนวต้าน 8.00 7.80 / 7.70 8.00 / 8.10
Tipco Foods (TIPCO TB; THB 9.00) - ซื้อ
แนวต้าน : 9.50 และ 9.80
แนวรับ : 9.00 และ 8.90
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ TIPCO โดยมีแนวรับที่ 9.00 และ 8.90 และมีแนวต้านที่ 9.50 และ 9.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 8.50 ลงไป
Major Development (MJD TB; THB 4.04) - ซื้อ
แนวต้าน : 4.20 และ 4.28
แนวรับ : 4.04 และ 4.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากฟื้นตัวที่บริเวณแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ MJD โดยมีแนวรับที่ 4.04 และ 4.00 และมีแนวต้านที่ 4.20 และ 4.28 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.80 ลงไป
Teerasak Tamavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET ทิศทางสัปดาห์นี้ขึ้นกับผลการประชุมกนง. และเฟด
ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมามีแรงขายทำกำไรออกมาในกลุ่มธนาคารอย่างหนัก (โดยเฉพาะ KTB ที่รายงานผลประกอบการออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดและ NPLs ปรับขึ้นมาก จนทำให้ตลาดมีการปรับประมาณการและคำแนะนำลง) ก่อนที่จะปิดตลาดรีบาวน์ขึ้นมาได้ในวันศุกร์มาปิดที่ 1,555.46 จุด นำโดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานที่ฟื้นตัวจากความคาดหวังผลการดำเนินงานไตรมาสแรกจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 4/57 ที่มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันมาก (เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงแรงในช่วงนั้น) บวกกับราคาน้ำมันในปัจจุบันที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องก็คาดว่าจะส่งผลบวกต่อรายได้และผลกำไรในไตรมาส 2/58 ของกลุ่มพลังงาน เราจึงแรงแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารสลับมาเข้ากลุ่มพลังงานในช่วงนี้ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันเป็นฝ่ายขายสุทธิออกมากว่า 6,059 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 2,544 ล้านบาท
ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ยังคงเคลื่อนไหวแบบ sideway up รอดูผลการเจรจาหนี้ของกรีซ, การประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/58 และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 28-29 เม.ย. ว่าเฟดจะมีท่าทีต่อการกำหนดช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างไร โดยตลาดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. (16-17 มิ.ย.) แต่มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. (16-17 ก.ย.) หรือ ธ.ค. (15-16 ธ.ค.) แม้ว่าตลาดจะกังวลกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่หากเราย้อนไปดูการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอดีต เราจะพบว่าการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ในช่วงเดือน พ.ค. 47 - ส.ค. 50 จากระดับ 1.00% ไปเป็น 5.25% ตลาดหุ้นสหรัฐ (DJIA) สามารถปรับขึ้นได้ประมาณ 31% จากระดับ 10,188 จุด เป็น 13,357 จุด ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยในช่วงเวลาใกล้เคียงกันก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.25% เป็น 5.00% แต่ตลาดก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 5% จากระดับ 636 จุดเป็น 679 จุด (ในขณะที่ช่วงปี 2553-2554 ประเทศไทยก็มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.25% เป็น 3.50% แต่ตลาดก็ปรับขึ้นอย่างมากจากระดับ 750 จุดเป็นเป็น 1,000 จุด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างมากในปี 2551 บวกกับสหรัฐมีการประกาศ QE ทำให้มีเม็ดเงินต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นทั่วโลกอย่างมาในช่วงเวลานั้น) จากผลดังกล่าวทำให้เราเชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอ่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสร้างสมดุลให้กับเศรษฐกิจจะเป็นผลดีกับตลาดหุ้นมากกว่าผลเสีย
ในขณะที่นักลงทุนยังจับตาการสถานการณ์การเจรจาเรื่องหนี้กรีซ ซึ่งการประชุมครั้งล่าสุดระหว่างกรีซและรัฐมนตรีคลังของยูโรโซนปิดฉากไปแล้วเมื่อวันศุกร์ โดยที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ ขณะที่กรีซยังคงมีความขัดแย้งกับกลุ่มประเทศเจ้าหนี้เกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจที่ต้องดำเนินการเพื่อแลกกับการได้รับเงินช่วยเหลืองวดต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ และเสี่ยงต่อการหลุดออกจากยูโรโซน
โดยประธานรมว.คลังกลุ่มยูโรโซน ระบุว่า กรีซมีความจำเป็นต้องยื่นแผนปฏิรูปเพื่อแลกกับการได้รับเงินช่วยเหลือ และกรีซต้องดำเนินการให้เร็วขึ้น เขาระบุว่า กรีซจำเป็นต้องมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ประธานรมว. คลัง ยังได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่าจะมีการทำข้อตกลงแบบพบกันครึ่งทางเพื่อให้กรีซได้รับเงินกู้บางส่วน โดยในการประชุมวันศุกร์ รมว.คลังยูโรโซนได้ตำหนิ รมว.คลังกรีซ ที่ไม่ได้เสนอแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับสมบูรณ์ หลังจากที่แทบไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี คาดว่าทั้ง 2 ฝ่ายอาจบรรลุข้อตกลงกันได้ในการประชุมรมว.คลังยูโรโซนอีกครั้งในวันที่ 11 พ.ค. เพียง 1 วันก่อนที่กรีซจะต้องชำระหนี้อีกงวดหนึ่งแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันที่ 12 พ.ค.
สำหรับ การประชุมกนง. ในวันที่ 29 เม.ย. นี้ เราคาดว่ากนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% หลังจากการประชุมคราวก่อนวันที่ 11 มี.ค. มีมติ 5 ต่อ 4 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% (สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย) ส่งผลให้ตลาดมีการปรับขึ้นมาหลังผลการประชุมออกมา แต่ต่อมาตลาดกลับตีความไปในทางที่ว่าภาวะเศรษฐกิจมีการชะลอตัวลงมากจนทำให้กนง. ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง จนในที่สุดตลาดก็ถูกแรงขายลงไปจากวันที่ประชุมที่ระดับ 1,543 จุด ลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบปีที่ 1,485 จุด ในวันที่ 27 มี.ค. ดังนั้นเราประเมินว่าคราวนี้กนง. น่าจะส่งสัญญาณการคงดอกเบี้ยเพื่อรอดูผลของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในคราวก่อนให้ลงไปสู่ระดับเศรษฐกิจก่อน
กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ แม้ว่าเราจะคาดว่ากลุ่มธนาคารที่ถูกแรงขายออกมาในสัปดาห์ก่อนมากอาจมีการรีบาวน์ระยะสั้นขึ้นมาได้แต่ก็คงไปได้ไม่ไกลเนื่องจากแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ดูแย่ลงจากทั้งการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวลง NPLs ที่เพิ่มสูงขึ้นตามหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ส่งออกติดลบ เศรษฐกิจชะลดตัวลง จากปัญหาดังกล่าวทำให้เราเชื่อว่าหุ้นที่อ้างอิงการบริโภคในประเทศจะยังถูกกดดันจากปัญหาดังกล่าว แต่หุ้นที่อ้างอิงการฟื้นตัวในต่างประเทศอย่างกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะกลับมาโดดเด่นในสัปดาห์นี้ ดังนั้นแนะนำ ซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี โดยมี top pick เป็น PTT PTTGC BANPU วันนี้เราให้แนวรับตลาดที่ 1545-1550 และแนวต้าน 1560-1565 จุด
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์ : กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ แม้ว่าเราจะคาดว่ากลุ่มธนาคารที่ถูกแรงขายออกมาในสัปดาห์ก่อนมากอาจมีการรีบาวน์ระยะสั้นขึ้นมาได้แต่ก็คงไปได้ไม่ไกลเนื่องจากแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ดูแย่ลงจากทั้งการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวลง NPLs ที่เพิ่มสูงขึ้นตามหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ส่งออกติดลบ เศรษฐกิจชะลดตัวลง จากปัญหาดังกล่าวทำให้เราเชื่อว่าหุ้นที่อ้างอิงการบริโภคในประเทศจะยังถูกกดดันจากปัญหาดังกล่าว แต่หุ้นที่อ้างอิงการฟื้นตัวในต่างประเทศอย่างกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะกลับมาโดดเด่นในสัปดาห์นี้ ดังนั้นแนะนำ ซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี โดยมี top pick เป็น PTT PTTGC BANPU โดยสัปดาห์นี้มีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การประชุม กนง. ในวันที่ 29 เม.ย. และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 28-29 เม.ย. วันนี้เราให้แนวรับตลาดที่ 1545-1550 และแนวต้าน 1560-1565 จุด
Themes play :
KCE : เรายังแนะนำ ซื้อ KCE โดยมีราคาเป้าหมาย 55 บาท โดยเราคาดว่า KCE จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ย 24.5% CAGR ในปี FY15-17 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 13-20% ขณะเดียวกัน คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มสูงขึ้นจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะเห็นพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญภายใน 1H16 เมื่อเฟส 2 ของโรงงานใหม่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น นอกจากนี้ อัตรากำไรจากการดำเนินงานจะเพิ่มสูงขึ้นตามรายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้น เราเห็นแนวโน้ม upside จาก 1) ยอดสั่งซื้อที่คาดจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี FY15-17 และมีโอกาศสูงกว่าสมมติฐานของเรา 2) อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นหลังทองแดงมีราคาลดลงและผลผลิตต่อแรงงานเพิ่มสูงขึ้นตามประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานใหม่
ประเด็นในสัปดาห์
27 เม.ย. : คาด PTTEP ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/58
28 เม.ย. : คาด DELTA HMPRO ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/58
29 เม.ย. : ไทยประกาศตัวเลข Customs Exports เดือนมี.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ -6.14%
29 เม.ย. : การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อกำหนดนโยบายการเงิน โดยตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75%
29 เม.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข GDP Annualized QoQ ไตรมาสแรก จากไตรมาสก่อนหน้าที่ +2.2%
29 เม.ย. : การประชุมเฟดเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยตลาดคาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% 29 เม.ย. : คาด SCC SCCC ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/58
30 เม.ย. : คาด BIGC GLOW ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/58
Stock Symbol Change :
24 เม.ย. : U (ชื่อย่อเดิม NPARK)
24 เม.ย. : NEWS (ชื่อย่อเดิม SLC)
20 เม.ย. : COL (ชื่อย่อเดิม OFM)
Fundamental Stock :
DELTA : Flash Note (แนะนำ : ขาย ราคาเป้าหมาย 78 บาท)
DTAC: ResultsNote(แนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 99บาท)
Technical Pick :
SET Index : แนวรับ 1550 แนวต้าน 1570
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวรับ 1550 และแนวต้าน 1570 จุด
Tipco Foods (TIPCO TB; THB 9.00) - ซื้อ
Major Development (MJD TB; THB 4.04) - ซื้อ
Retail Research Team