WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Pray for Nepal
ตลาดหุ้นวานนี้:
     ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ SET INDEX แกว่งกรอบแคบ 1,550 จุด +/- โดยกลุ่มธนาคารเริ่มฟื้นตัว บวกกับการเก็งกำไรหุ้นใหญ่รายตัว เช่น PTT / SCC/ AOT เป็นต้น ภายใต้บรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียและยุโรปเป็นกลาง เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างรอดูผลการหารือระหว่างกรีซ และ อียูในคืนวันศุกร์ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 10.62 จุด มาอยู่ที่ 1,555.46 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 36,044 ล้านบาท
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,164 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีก 1,395 สัญญา แม้ว่าจะขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เพียง 853 ล้านบาท สะท้อนกระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางต่อการลงทุนในไทย

ปัจจัยสำคัญวันนี้
     กรีซไม่สามารถตกลงกับเจ้าหนี้อียูได้ตามเส้นตาย แต่สภาพคล่องทางการเงินของกรีซมีมากเพียงพอที่จะซื้อเวลาได้อีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งตลาดประเมินไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ติดตามการทยอยประกาศงบ 1Q58 ของกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคาร DTAC กำไรสุทธิลดลง qoq / yoy แต่ลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์
คาดกระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มเป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพื่อรอดูการประชุมกนง. วันที่ 29 เม.ย.นี้

มุมมองต่อตลาด
    เราคงมุมมองการลงทุนเป็น'กลาง'วันที่ 23 ด้วยกรอบแกว่ง SET INDEX ระหว่าง 1,550-1,565 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง เพราะเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทยอีกครั้งในปลายสัปดาห์นี้ อีกทั้ง ขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนการลงทุน นักลงทุนต่างรอดูการประชุม กนง. วันที่ 29 เม.ย. และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ธปท.รายงานวันที่ 30 เม.ย. เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจใน 1Q58 สะท้อนกลับมายังมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางอึกครั้ง
    อย่างไรก็ตาม Downside risk ของ SET INDEX ในช่วงนี้เป็นไปอย่างจำกัด เพราะเม็ดเงินทุนต่างชาติรอจังหวะการสะสมหุ้นไทย มากกว่า การลดน้ำหนักการลงทุน เพราะภาพรวมเศรษฐกิจ / งบการเงินของตลาดหุ้นไทย น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปใน 4Q57 ส่วนสถาบันภายในประเทศ โดยเฉพาะทริกเกอร์ฟันด์ รอขายอยู่ด้านบน 1,580-1,600 จุด มากกว่าบริเวณปัจจุบัน ขณะที่ปัจจัยการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เป็นกลาง กลายเป็นภาพตลาดของการ "Trading" มากกว่าการลงทุนรอบใหญ่
     ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ อย่างกรณีกรีซ น่าจะเป็นสิ่งที่ตลาดประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ดังจะเห็นได้จาก DJIA ปิดบวก ราคาทองคำ ปิดลบ ในคืนวันศุกร์ เชื่อว่ากรีซ และ เจ้าหนี้อียู จะพยายามในการแก้ไขปัญหาและหาข้อสรุปของแผนปฎิรูปเศรษฐกิจได้ก่อนที่กรีซจะขาดสภาพคล่องทางการเงินในช่วงครึ่งหลังของเดือนพ.ค.
    ตลาด Nikkei (7.24 น.) เปิดลบ 0.54% เนื่องจากค่าเงินเยนแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ Kospi กลับเปิดบวกเล้กน้อย

กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนอาจซื้อเก็งกำไรหุ้นเป้าหมายบางส่วนเพิ่มเติม" เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,580 จุด +/-

Portfolio
Top Pick in 2Q15: ITD / TASCO / TPIPL/ WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: TPIPL
Cut Loss: TTA // Switch to: THAI

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. TPIPL : ราคาปิด 2.92 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) MBKET คาดว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากหุ้น TPIPL จะหลุดจาก Cash Balance ในวันนี้
b) คาดผลประกอบการ 1Q58 จะขยายตัวโดดเด่นทั้ง yoy และ qoq เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่เริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะ 18MW และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเชิงปัจจัยพื้นฐานเนื่องจากจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น
c) ได้ประโยชน์โดยตรงจากการอ่อนค่าลงของค่าเงินยูโร เนื่องจากมีเงินกู้สกุลยูโรราว 160 ล้านยูโร (ราว 30% ของเงินกู้ระยะยาว) ดังนั้น การอ่อนค่าลงของค่าเงินยูโรจากสิ้นสุด 4Q57 ที่ 39.76 บาท / ยูโร เหลือ 34.92 บาท / ยูโร สิ้นสุด 1Q58 จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 600-700 ล้านบาท ใน 1Q58
d) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโตถึง +60.8% yoy เป็น 2,143 ล้านบาท และต่อเนื่อง +79.0% เป็น 3,836 ล้านบาท ในปี 2559 ที่รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าทั้ง 73 MW เต็มปี
e) มี Upside Risk ที่ยังไม่รวมในประมาณการ คือ โรงไฟฟ้าจำนวน 90 MW ที่ได้รับการตอบรับจาก EGAT แล้ว และอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาขายไฟ (PPA) รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังความร้อนทิ้งโรงละ 18MW จำนวน 2 โรงของสายการผลิตปูนซีเมนต์ที่ 2 และ 3 ที่อยู่ระหว่างขอ Adder และ PPA ซึ่งจะส่งผลให้ TPIPL ก้าวขึ้นเป็นผู้นำโรงไฟฟ้าขยะ SPP รายใหญ่สุดของไทยกำลังผลิตรวม 199 MW
f) Valuation ค่อนข้างถูก เนื่องจากซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 0.9 เท่า เทียบกับ SCCC ที่ 3.7 เท่า และ SCC ที่ 3.2 เท่า
และ "ซื้อเก็งกำไร"
2. THAI : ราคาปิด 13.00 บาท ราคาเป้าหมายอิงเทคนิคที่ 15.00 บาท
a) MBKET คาดว่าผลประกอบการ 1Q58 มีโอกาสเป็น Positive Surprise และเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น THAI ที่ Underperform ตลาดค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา โดย YTD หุ้น THAI -10.9% เทียบกับ AAV +13.9%, BA +1.1% และ SET INDEX +3.2%
b) ประเมินเบื้องต้น คาดว่าผลประกอบการปกติ 1Q58 จะพลิกกลับเป็นบวกราว 1.5 - 2 พันล้านบาท จากแรงหนุนของ High Season ธุรกิจท่องเที่ยว และเป็นไตรมาสแรกที่ได้อานิสงค์บวกจากต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ qoq
c) นอกจากนั้น THAI มีหนี้สินในสกุลเงินยูโรค่อนข้างมาก จึงคาดว่าจะมีกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และส่งผลให้ผลประกอบการ 1Q58 จะพลิกเป็นกำไรสุทธิสูงกว่า 5 พันล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นสูงกว่า 2.29 บาท
d) Downside Risk จำกัด เนื่องจากซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 18.88 บาทค่อนข้างมาก หรือเทียบเท่าเพียง 0.7 เท่า ซึ่ง BV จะเพิ่มขึ้นอีกหลังรายงานงบ 1Q58 และมี Discount จาก PBV ของหุ้นกลุ่มสายการบิน ได้แก่ AAV ที่ 1.2 เท่า, NOK 1.7 เท่า และ BA ที่ 1.6 เท่า

Fund Flow Analysis

und Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียซื้อสุทธิมากถึง US$2.09 พันล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$997 ล้าน
ตลาดไต้หวันเป็นเป้าหมายของการสะสมอย่างโดดเด่น

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติกลับมาเป็นกลาง
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,164 ล้านบาท และทำให้ YTD กลับมาเป็นซื้อสุทธิอีกครั้ง 733 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures วานนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,395 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 6,061 สัญญา เทียบกับ 11 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิมากถึง 57,734 สัญญา น่าจะเป็นการกลับมาสะสม Long สุทธิอีกครั้ง และ YTD เป็น Long สุทธิขยับเป็น 30,433 สัญญา และทำให้ S50M15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 0.81 จุด จากวันก่อนหน้าที่ยังเป็น Premium เท่ากับ 2.02 จุด
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เพียง 853 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 5,210 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 7 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงมากถึง 2.75bps ปิดที่ 2.544%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เหลือ 492 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 13 กลับมาสะสม SCC - SCCC อย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิลดลงเหลือ 393 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,150 ล้านบาท รวม 13 วันทำการซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 22,815 ล้านบาท โดย NVDR เน้นสะสม SCC อย่างโดดเด่น ขณะที่กลุ่มธนาคารยังคงถูกลดน้ำหนักการลงทุนหนาแน่นอีกครั้ง สรุปภาพของ NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 406 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 116 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 219 ล้านบาท และกลุ่มโรงพยาบาล ซื้อสุทธิ 116 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 95 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุด 390 ล้านบาท และตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 89 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด
คำสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 4.0% mom สูงกว่า Bloomberg consensus คาด 0.5% mom และเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 1.4% mom หากคำสั่งซื้อที่ไม่รวมภาคขนส่ง จะหดตัว 0.2% mom จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 1.3% mom

ยุโรป
ดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมันทำระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน: เดือนเม.ย.เท่ากับ 108.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนมี.ค.ที่ 107.9 จุด และสูงกว่า Bloomberg consensus เล็กน้อยที่ 108.4 จุด โดยเป็นความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน เท่ากับ 113.9 จุด จาก 112.1 จุดในเดือนมี.ค. แต่ความเชื่อมั่นในคาดการณ์กลับลดลงเหลือ 103.5 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 103.9 จุด
การเจรจาระหว่าง กรีซ และ รมว.คลัง อียู
ไม่ได้ข้อสรุปแนวทางปฎิรูปเศรษฐกิจของกรีซ ตามเส้นตายที่กำหนดวันที่ 24 เม.ย. ทั้งนี้กรีซ อาจเสี่ยงที่จะไม่มีเงินสดมากพอที่จะจ่ายเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญ และเงินเดือนข้าราชการ
อียู ปฎิเสธที่จะเสนอแผนสองให้แก่ กรีซ หลังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ตามเส้นตาย
ตลาดคาดว่ากรีซ อาจผิดนัดชำระหนี้ได้ แม้ว่าจะยังเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรปก็ตาม การสำรวจล่าสุดของ Bloomberg พบว่า ตลาดให้โอกาส 40% ที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า และ 30% ที่กรีซจะออกจากอียู และ 75% เชื่อว่า กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ แม้ว่าจะไม่ออกจากอียู

จีน
ทางการจีนเตรียมเพิ่ม IPO: CSRC อยู่ระหว่างการพิจารณาและประเมินหุ้นที่จะขาย IPO จำนวน 2 ชุดในแต่ละเดือน เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าที่จะมีเพียง 1 ชุด/เดือน และล่าสุดวันที่ 23 เม.ย.ทางการได้อนุมัติการขาย IPO ไป 25 บริษัท

เอเชียแปซิฟิก
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสิงคโปร์หดตัวแรงสุดในรอบ 2 ปีกว่า: เดือน มี.ค. หดตัว 5.5% yoy จากเดือน ก.พ.ที่หดตัว 3.3% yoy เป็นการหดตัวแรงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2556 แต่ยังหดตัวน้อยกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 5.8% yoy นำโดยผลผลิตเวชภัณฑ์และอิเล็กทรอนิกส์ที่หดตัวแรง 13.9% yoy และ 5.2% yoy ตามลำดับ

ไทย
ไม่มี

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!