- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 April 2015 17:07
- Hits: 1921
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
ยุโรปชะลอการนำเข้าสินค้าประมงไทย น่าจะกดดัน Sentiment ตลาดระยะสั้นเท่านั้น ประเด็นบวกที่คาดว่าจะมีผลต่อการขับเคลื่อน SET Index คือการทำ Preview Earnings งวด 1Q58 ของภาคการผลิต วันนี้เลือก VNG([email protected]) เป็น Top pick คาดกำไรงวด 1Q58 จะโดดเด่นเช่นกัน
การส่งออกประมงกระทบช่วงสั้น หลังยุโรปให้ใบเหลืองแก่ผู้ส่งออกไทย
ภาพส่งออกโดยรวมของไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 มีแนวโน้มติดลบ หลังจากที่ช่วง ม.ค.-ก.พ. ติดลบ แล้ว 4.9% ทำให้ทั้งปี 2558 อาจจะไม่เติบโตจากปี 2557 โดยปัญหาหลัก นอกจากเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าชะลอตัวแล้ว ปัญหาหรืออุปสรรคใหม่ที่เกิดขึ้นขณะนี้ คือ EU ได้ออกใบเหลืองให้ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ทะเลจากไทย โดยให้เหตุผลว่าผู้ส่งออกไทยยังมีปัญหาในเรื่องการใช้แรงงานที่ผิดกฏหมาย/ไม่ระบุแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ทั้งนี้ทางยุโรปจะให้เวลาไทยแก้ไขเป็นเวลา 6 เดือน และหากยังแก้ไขไม่เสร็จก็จะให้ใบแดง โดยจะกลับมาทบทวนอีกครั้งในเดือน ต.ค. ปีนี้ ทั้งนี้ช่วงต้นปี 2558 ยุโรปได้ยกเลิกการให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่กุ้งส่งออกจากไทย ทำให้มีการเก็บภาษีนำเข้ากุ้งแช่แข็งจากไทยเพิ่มขึ้นเป็น 12% จากเดิม 4.2% ขณะที่ได้เก็บภาษีนำเข้ากุ้งแปรรูปจากเดิม 7% เป็น 20% ตั้งแต่ปี 2557 ทั้งนี้ยอดส่งออกสินค้าทะเลไปยุโรปปี 2557 อยู่ที่ 1.48 แสนตันหรือคิดเป็นมูลค่าราว 2.63 หมื่นล้านบาท แยกเป็นผลิตภัณฑ์กุ้ง 28.5% ของมูลค้าส่งออกทางทะเล ปลา 9.7% และปลาหมึก 5.81% อาหารทะเลกระป๋องอื่น ๆ 40% และอื่น ๆ 16% (เทียบกับ 1.76 แสนตัน มูลค่า 3.1 หมื่นล้านบาทในปี 2556) คิดเป็น 3.1% ของยอดส่งออกรวมในปี 2557
เชื่อว่าประเด็นนี้น่าจะกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายหุ้นไทย โดยเฉพาะต่อหุ้นส่งออกอาหารทะเล คือ TUF และ CFRESH ที่มีสัดส่วนการส่งออกอาหารทะเล เมื่อเทียบกับรายได้รวมสูงสุด แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากระทบแต่ Sentiment เท่านั้น และไม่น่าจะ ประมาณการหรือกำไรในปี 2558 และ 2559 มากนัก เพราะหากพิจารณาในรายละเอียดพบว่าบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่น่าจะกระทบผิดหรือเข้าข่ายกระทำความผิดน้อย โดยเฉพาะ CFRESH([email protected]) ยอดส่งออกเกือบทั้งหมดเป็นกุ้ง และกุ้งส่งออกเกือบทั้งหมด มาจากการซื้อกุ้งที่ได้จากการเลี้ยงในฟาร์มเป็นหลักจึงคาดว่าผลกระทบน้อย หรือ TUF(ซื้อ:FV@B26) แม้สัดส่วนรายได้จะมาจากผลิตปลาทูน่า และ กุ้ง ก็ตาม แต่เนื่องจากมีนโยบายชัดเจน ที่จะไม่ใช้วัตถุดิบหรือวิธีการจับปลาที่ผิดกฏหมาย ประเด็นนี้จึงน่าจะถูกตัดไป นอกจากนี้การที่ TUF มีบริษัทร่วมในต่างประเทศ ทำให้มีการกระจายแหล่งผลิตในหลายประเทศ เช่น อินเดีย(ถือหุ้น 25.12%) จึงน่าจะได้รับผลกระทบน้อย ส่วน CPF(FV@B32) ปัจจุบันมีฐานรายได้หลักมาจากผลิตสัตว์บก อาหารสัตว์ และ การลงทุนในต่างประเทศกว่า % ของรายได้รวม ขณะที่มีรายได้จากการส่งออกกุ้งเพียง 2% และ เชื่อว่ากุ้งส่วนใหญ่ได้จากฟาร์มที่ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงในประเทศ ปัญหานี้จึงกระทบต่อ CPF น้อยเช่นกัน
ให้น้ำหนักต่อกำไรงวด 1Q58 real sector: TASCO/VNG
ขณะนี้พบว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้ประกาศงบการเงินงวด 1Q58 เสร็จสิ้นแล้ว โดยรวมกำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์ทั้ง 11 แห่ง อยู่ที่ราว 5.24 หมื่นล้านบาท ดีกว่าคาดราว 2% โดยเพิ่มขึ้น 6.2%qoq และ 3.1%yoy หลักๆ มาจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดำเนินงาน หลังผ่านช่วงฤดูกาลฯ ขณะที่ภาพรวมสินเชื่อยังทรงตัว แต่คาดว่าน่าจะเร่งตัวในช่วงครึ่งปีหลังจากแผนการเร่งใช้จ่ายเงินงบประมาณภาครัฐ ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แม้ปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยขาลงที่จะส่งผลกระทบต่อ ธพ. ที่มีฐานะเป็นผู้ให้กู้ยืม (net lender) รวมทั้ง ธพ. ที่มีอัตราส่วนของสินเชื่อที่เป็นดอกเบี้ยลอยตัวสูง แต่โดยรวม ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2558-59 ของกลุ่มฯ โดยคาดการณ์การเติบโตของกำไรสุทธิ เท่ากับ 9.9% yoy และ 12.9% yoy ตามลำดับ ซึ่งนับเป็นการเติบโตที่น้อยกว่าตลาด จึงยังคงน้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด
และคาดว่า หลังจากนี้เชื่อว่าตลาดน่าจะให้น้ำหนักต่อผลกำไรของหุ้นในกลุ่มภาคการผลิตที่แท้จริง (Real sector) ซึ่งขณะนี้นักวิเคราะห์ ASP ได้ทยอยทำ Earnings Preview ซึ่งวานนี้ได้นำเสนอ TASCO ไปแล้ว (ติดตามอ่าน Equity Talk วานนี้) ภาพโดยรวมในงวด 1Q58 คาดว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรเกิน 2 แสนล้านบาท เทียบกับงวด 4Q57 ที่กำไรสุทธิเพียง 6.92 หมื่นล้านบาท จึงทำให้ตลาดน่าจะได้รับ sentiment เชิงบวกจากผลกำไรที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น หรือกลับเข้าสู่ยุค Earning Driven อีกครั้ง ทั้งนี้จากการประเมินแนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ของนักวิเคราะห์ ASP มีความเห็นว่างวด 1Q58 บริษัทจดทะเบียน น่าจะสามารถแสดงฐานกำไรที่ดีขึ้น ใกล้เคียงกับ 1Q57 ซึ่งมีฐานกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 2.23 แสนล้านบาท ถือเป็นไตรมาสที่มีฐานกำไรสูงที่สุดของปี 2557 ทั้งนี้หากแยกเป็นรายกลุ่ม และ เติบโตจากงวดก่อนหน้า (YoY) ดังนี้
วัสดุก่อสร้าง มีหลายบริษัทที่คาดว่าผลประกอบการจะโดดเด่น เช่น TASCO ได้ประโยชน์จากราคาขายยางมะตอยที่อยู่ในระดับสูง และความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ต้นทุนปรับลดลงตามราคาน้ำมัน ตามมาด้วย VNG อยู่ในภาวะที่ได้ประโยชน์จากราคาวัตถุดิบปรับลดลง ภายใต้ภาวะที่ราคาขายทรงตัวระดับสูง MCS ที่ส่งมอบสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น และยังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง และ SCC คาดกำไร 1Q58 เพิ่ม 16% YoY ส่วนหนึ่งเกิดจากการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนใน บจ.สยามมิชชิลิน
หุ้นก่อสร้าง หุ้น STPI อาจจะมีกำไรงวดนี้เด่น หากสามารถสรุปค่าเร่งงานได้ทันเดือนเม.ย. 2558 จะสามารถนำบันทึกเป็นรายได้ในงวด 1Q58
โรงแรม และโรงพยาบาล เป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่แนวโน้มการทำกำไรดีขึ้นชัดเจน โดยดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยว 1Q58 ที่คาดจะเติบโต 22% YoY
ขนส่งทางอากาศ ทั้ง THAI และ AAV ผลประกอบการดีขึ้นชัดเจนจากผลประโยชน์ของราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และ การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตามประเด็นปัญหาเรื่อง ICAO จะเข้ามาสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นในช่วง 2Q58
ICT การย้ายฐานลูกค้าจากระบบ 2G มา 3G ทำให้ต้นทุนการให้บริการลดลง ขณะที่มีการบันทึกรายการพิเศษของ JAS ที่มีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ตรงกันข้ามกลุ่มที่คาดว่ากำไรชะลอตัว YoY ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าโภคที่ปรับลดลง เริ่มจากกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งในงวด 1Q58 คาดว่าจะยังเห็นการบันทึกด้อยค่าสินค้าคงเหลือ เทียบกับ 1Q57 ที่ไม่มี ส่วน Operation ก็อยู่ในระดับที่ทรงตัวทำให้ภาพรวมน่าจะมีกำไรสุทธิที่ลดต่ำลง และอีกกลุ่มหนึ่งได้แก่ กลุ่มเกษตร ซึ่งปรากฏว่าทั้งราคาเนื้อหมู และเนื้อไก่ปรับตัวลดลง อีกทั้งในงวดไตรมาสที่ 1 ก็เป็นช่วง Low Season ของการส่งออก ทำให้คาดว่าฐานกำไรจะลดต่ำลง
โดยสรุปหากใช้ theme Earnings play เลือก Top picks คือ TASCO และ VNG
VNG (FV@B 10.25) : อยู่ในภาวะที่ราคาขายสินค้าอยู่ในระดับสูงจากความต้องการที่มากขึ้น ด้วยแรงหนุนจากความต้องการสินค้าไม้บอร์ดที่มากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ Supply ใหม่ในเอเซียมีจำกัด จึงทำให้ราคา Particle Board และ MDF ไม่ได้ปรับลงเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ขณะที่ต้นทุนการผลิตหลัก อย่างเช่น เศษไม้ยางฯ และกาว ปรับตัวลดลงและทรงตัวในระดับต่ำตลอดทั้งปี บวกกับการดัดแปลงสายการผลิตใหม่ เพิ่มมูลค่าสินค้าให้มี margin สูง ขึ้น คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 เติบโตสูงถึง 42%YoY
TASCO(FV@152) ได้รับประโยชน์จากการ เร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างถนน ตามงบประมาณพิเศษที่ได้รับเพิ่มเติมอีก 4 หมื่นล้านบาท ทำให้เกิดภาวะยางมะตอยขาดแคลนในประเทศ แต่เนื่องจาก TASCO มีโรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซียและมีเรือขนส่งยางมะตอยเป็นของตนเอง จึงสามารถนำเข้ายางมะตอยมาขายในประเทศได้ โดยคาดว่างวด 1Q58 TASCO จะมีปริมาณการขายยางมะตอยในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 80%YoY และหนุนให้กำไรงวด 1Q58 เติบโตอย่างก้าวกระโดด และน่าจะต่อเนื่องในงวด 2Q58
ต่างชาติซื้อหุ้นเอเซียต่อเนื่องเป็นบวกที่ 4 และกลับมาซื้อไทยอีกครั้ง
วานนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 มูลค่ารวม 467 ล้านเหรียญ โดยเป็นการซื้อสุทธิในทุกๆ ประเทศ แต่ยังคงเน้นหนักไปที่การซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ต่อเนื่องวันที่ 11 ขณะที่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ สลับกลับมาซื้อเป็นวันแรกหลังจากขายสุทธิติดต่อกัน 8 วันทำการ แต่ปริมาณเบาบางเพียง 5.8 ล้านเหรียญเท่านั้น ส่วนทางด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 72.48 ล้านเหรียญ หรือ 2,346 ล้านบาท (รวมตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. ซื้อสุทธิ 8,962 ล้านบาท) เช่นเดียวกับบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิต่อเนื่องวันที่ 11 (รวมตั้งแต่ต้นเดือน ซื้อสุทธิ 8,480 ล้านบาท) และสถาบันในประเทศ สลับกลับมาซื้ออีกครั้งที่ 585 ล้านบาท ส่งผลให้ปิดตลาดวานนี้ดัชนีหุ้นไทยสามารถรักษาระดับบวก 9 จุด ได้ใกล้เคียงช่วงเช้า
ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
มาราพร กี้วิริยะกุล