- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 21 April 2015 18:26
- Hits: 2636
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"มีรีบาวด์ตามภูมิภาค"
Top Picks-Fund Apr 2015 : Fundamental : BTS, INTUCH, KBANK, RATCH, TRUEIF Dark Horse: GL, SYNTEC
Top Picks -Fund Today:SCB (ดูรายละเอียดใน Company Focus วันนี้)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, MK, SPALI, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : GLOBAL 28%, M 21%, KKP 15%
Technical View ภาพระยะสั้นเป็นบวกเล็กๆ แต่ก็พร้อมเปลี่ยนเป็นลบ จึงเน้นซื้อตามค่าบวก
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อตามค่าบวก 1570-1580 หลุด 1550
SET50 ซื้อตามค่าบวก 1040-1050 หลุด 1030
Top Picks-Tech Today :TASCO, TTCL, SIRI, IRPC, CBG, CPALL, PTTGC, CENTEL
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : NOBLE (จากซื้อเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลง 6.53 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่วนกลุ่มธ.พ.มีแรงขายใน SCB และ TMB แต่ซื้อ BBL และ KTB ซึ่งประเด็นหลักที่มีผลต่อกลุ่มนี้คือรายงานผลประกอบการ 1Q58 นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1.6 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อ-ขายใกล้เคียงกัน พอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิ
ในระยะสั้นคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะมีรีบาวด์เช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค โดยได้รับแรงหนุนจากการเด้งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งตอบรับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของทางการจีนด้วยการลด RRR อีก 1% นอกจากนั้นยังมีการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ซึ่งทยอยประกาศผลประกอบการออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งที่รายงานออกมาแล้วพบว่า SCB มีกำไรสุทธิ 1Q58 ดีกว่าที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้ราว 5% ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสเด้งขึ้นในช่วงสั้น ดังนั้นหุ้นหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้จึงเป็น SCB ปัจจัยจับตาคือ ผลประชุม Fed สัปดาห์หน้า, ความคืบหน้าเรื่องกรีซ และรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/58
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1570-1580 จุด ค่าลบควรชะลอการลงทุน ดัชนีอ่อนตัวต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ที่ 1550 จุด ควรลดพอร์ตตาม หรือ Stop Loss
สำหรับการ Scan หาหุ้นสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ STPI, CBG, CENTEL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TCC, CSS, PLANB, PPP หุ้นที่หลุด List คือ SAWAD, HANA, VIBHA และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ SENA, IRPC, EARTH
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแรง โดยดัชนี DJIA +1.17% และ S&P500 ปิด +0.92% รับข่าวจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ และเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q58
จับตาการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า ซึ่งตลาดจับตาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหลังจากอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นเมื่อเทียบ m-o-m สองเดือนต่อเนื่องในช่วงก.พ.-มี.ค.58
จีน : ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงอีก 1% (หลังจากเมื่อ 4 ก.พ.ปรับลดไปแล้ว 0.5%) เพื่อเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจาก GDP ใน 1Q58 ขยายตัวลดลงเป็น 7%YoY (น้อยที่สุดในรอบ 6 ปี) จาก 7.3%YoY ใน 4Q57
- แต่ตลาดหุ้นจีน & ฮ่องกงวิตกมาตรการสกัดการเก็งกำไรในหุ้น เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นจีน & ฮ่องกงละเลยการตอบรับข่าวดีเรื่องการลด RRR และร่วงลงแรงเพราะวิตกกับมาตรการควบคุมการเก็งกำไรในตลาดหุ้น
- ประเด็นเสี่ยง & กดดันตลาดยังเป็นเรื่องกรีซ ซึ่งอาจผิดนัดชำระหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนพ.ค.นี้ แต่...ทางรองประธาน ECB คือ นายวิเตอร์ คอนแสตนซิโอเชื่อว่ากรีซจะไม่ถูกบีบให้ออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซนแม้ว่าจะผิดนัดชำระหนี้ก็ตาม
- ยูโรโซน : การก่อสร้างก.พ.ชะลอตัวลง สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปหรือยูโรสแตท เปิดเผยว่าการก่อสร้างในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโรร่วงลง 1.8%m-o-m ในเดือนก.พ. และลดลง 3.7% y-o-y แม้เศรษฐกิจในภูมิภาคฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบอยู่ในกรอบแคบ โดย WTI ส่งมอบพ.ค.เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ ปิดที่ 56.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบมิ.ย.ทรงตัวอยู่ที่ 63.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐปรับตัวลดลง 34 แท่น มาอยู่ที่ 954 แท่น ขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า การผลิตน้ำมัน Shale Oil ในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ
- ราคาทองคำร่วงลง โดยการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐกดดัน ทั้งนี้สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบมิ.ย.58 ลดลง 9.4 ดอลลาร์ หรือ -0.78% เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
/+ ผลประกอบการกลุ่มธ.พ.ทยอยออกมา...SCB กำไรดีกว่าคาดราว 5% เมื่อวานนี้มี KBANK, SCB และ TCAP รายงานกำไรสุทธิ 1Q58 ซึ่งพบว่า KBANK มีกำไรสุทธิเติบโตดีตามคาด (+4% y-o-y, +24% q-o-q เป็น 12.4 พันล้านบาท) ส่วน SCB มีกำไรสุทธิดีกว่าคาด (+0.2% y-o-y, +7.5% q-o-q เป็น 13.2 พันล้านบาท) และ TCAP มีกำไรสุทธิตามคาด (+0.6% y-o-y, -2% q-o-q เป็น 1.3 พันล้านบาท) ซึ่งเราประเมินว่าราคาหุ้น SCB มีโอกาสปรับขึ้นในช่วงสั้น หลังกำไร 1Q58 ดีกว่าที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้ราว 5%
+ รัฐบาลให้เร่งทำสัญญาระบบน้ำและซ่อมถนนมูลค่า 7.8 หมื่นล้านบาทภายในมิ.ย.58 ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีเม็ดเงินบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและขนส่งทางถนนเข้าระบบรวม 3.3 หมื่นล้านบาทในปี 58 สำหรับในส่วนของงบประมาณด้านถนนมูลค่า 4 หมื่นล้านบาท จะมีทำสัญญาโครงการมูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท หรือราว 55% ของทั้งหมดในช่วงกลาง-ปลาย 2Q58 ส่วนที่เหลือจะทยอยทำสัญญาและดำเนินการในช่วง 2H58-1H59
ความเห็น Retail Research : นับเป็นข่าวบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะ TASCO ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายที่แข็งแกร่งมากขึ้น และประเมินกว่าผลประกอบการ 1Q58 ของบริษัทจะออกมาดี โดยได้อานิสงค์ทางบวกจากต้นทุนที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบด้วย ขณะที่ราคาขายยางมะตอยในตลาดสิงคโปร์ขยับขึ้นเป็น 400 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน (จาก 370 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน) ทาง DBS ยังคงคำแนะนำซื้อ TASCO โดยให้ราคาพื้นฐาน 143 บาท
WHA จะเพิกถอน HEMRAJ ออกจากตลาดฯ ทั้งนี้ WHA เปิดเผยผลการเข้าซื้อกิจการ HEMRAJ หลังทำเทนเดอร์ฯ ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม ถึง 10 เมษายน 2558 ว่าได้จำนวนหุ้นมาเท่ากับ 9,014,154,410 หุ้น คิดเป็น 92.88% และมีแผนจะเพิกถอน HEMRAJ ออกจากตลาดฯ สำหรับกระบวนการในการทำเทนเดอร์ฯ รอบใหม่เพื่อ Delist หุ้น HEMRAJ คาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
ความเห็น Retail Research : เราแนะนำซื้อ WHA โดยเห็นว่ากำไรสุทธิปี 58-59 จะเติบโตได้แข็งแกร่งหลังจากทำงบการเงินรวมกับ HEMRAJ และเชื่อว่าจะมี Synergies Benefit จากการควบรวมกิจการครั้งหนี้ เพราะทาง WHA มีความเชี่ยวชาญด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ ขณะที่ HEMRAJ มีความโดดเด่นในเรื่องนิคมอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]