- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 16 April 2015 15:25
- Hits: 1366
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET แกว่งตัวรอดูผลประกอบการกลุ่มแบงค์
SET View
แนวโน้มวันนี้มองแกว่งตัว กรอบ 1,540 – 1,550 จุด
เราประเมินว่าวันนี้ SET ยังมีโอกาสผันผวนไร้ทิศทาง โดยปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นตัวหนุนสำคัญเนื่องจากตลาดหุ้นไทยปิดทำการหลายวันติดต่อกัน โดยวันนี้เราประเมินว่า SET จะได้รับแรงหนุนของกลุ่มพลังงานหลังจากที่เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นเกือบ 6% ทำสถิติสูงสุดของปีนี้หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ออกมารายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับขึ้นน้อยเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคาร คาดว่านักลงทุนจะยังรอดูรายงานผลประกอบการ 1Q58 ที่กำลังจะทยอยประกาศในปลายสัปดาห์นี้จนถึงกลางสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ดี เรายังกังวลต่อเรื่องการเติบโตของสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยและสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงหลังจากผู้บริหารธนาคารหลายๆแห่งได้ออกมาแสดงความกังวลต่อระดับหนี้สินครัวเรือนที่สูงขึ้นมาก จนทำให้ธนาคารเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังไม่เอื้ออำนวยให้เกิดการขยายตัวของภาคการลงทุน เราจึงมองโอกาสของการถูกปรับลดประมาณการของกลุ่มธนาคารยังมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงมาก
กลยุทธ์การลงทุน ในทางเทคนิค SET โดยอาจจะลงไปที่บริเวณแนวรับ 1,540 จุด เราจึงแนะนำให้นักลงทุน “Selective Buy” ในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานที่จะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงนี้
Top Daily Pick : SEAFCO (มูลค่าเหมาะสม 12.60 บาท) มีโอกาสรับงานเสาเข็มจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม คาดกำไรปี 58 จะทำสถิติสูงสุดจากอดีต เติบโต 16% YoY / TUF (มูลค่าเหมาะสม 24.30 บาท) คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป และมูลค่าเพิ่มการควบรวมกิจการในสหรัฐที่จะมีความชัดเจนในปีนี้
Technical Pick : (ITD GENCO SAMCO COLOR PERM) (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical โดยละเอียดก่อนลงทุน)
Theme Play : หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนเดือน เม.ย. (PTTGC BANPU BCP PS WORK) / กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ (RS WORK MONO) ครบ 1 ปีหลังประมูลใบอนุญาติ Digital TV อันดับความนิยมของช่องใหม่ได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก / กลุ่มโรงแรม (MINT ERW) การท่องเที่ยวในไตรมาสแรกฟื้นตัวสูง 23% YoY
Strategy Talk
JAS กับธุรกิจใหม่ที่ท้าทาย
ช่วงต้นสัปดาห์ ผู้บริหาร JAS ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงกลยุทธ์ธุรกิจสื่อสารหลังจากนี้ซึ่งส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกับข้อมูลที่บริษัทได้เคยจัดแถลงข่าวเมื่อปลายเดือน มี.ค.ว่าจะเข้าประมูลคลื่นความถี่ 4G แข่งขันกับผู้ประกอบการรายเดิม โดยตั้งงบลงทุน 2.5 – 3.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นค่าใบอนุญาตธุรกิจราว 1.5 – 2 หมื่นล้านบาทและค่าลงทุนอุปกรณ์โครงข่ายอีก 1 – 1.5 หมื่นล้านบาท โดย JAS จะไม่ลงทุนสร้างเสาโทรคมนาคมเองแต่จะเป็นการเช่าแทน แหล่งเงินทุนจะมาจาก 3 ส่วน คือ เงินที่เหลือจากการขาย JASIF ราว 1 หมื่นล้านบาท เงินจากการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศอีก 1 หมื่นล้านบาท (อยู่ระหว่างเจรจา 2-3 ราย เป็นผู้ประกอบการมือถือในญี่ปุ่นและเกาหลี) และ เงินที่คาดจะได้จากการออก JAS-W3 อีกราว 1.5 หมื่นล้านบาท เราประเมินว่าธุรกิจใหม่ที่ JAS ตัดสินใจเลือกยังเป็นสิ่งท้าทายมากเพราะนอกจากจะต้องชนะการประมูลใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ที่ต้องต่อสู้กับผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือรายเดิมทั้ง 3 รายที่ถือว่ามีฐานเงินทุนสูงกว่า JAS และต้องสร้างฐานลูกค้าใหม่ขึ้นมา โดยหาก JAS ชนะประมูลใบอนุญาต 4G ได้ จะมีผลกระทบต่อบริษัทดังนี้
• ระยะเริ่มต้น เราคาดว่ากำไรของ JAS จะถูกกดดันด้วยค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ได้แก่ ค่าใบอนุญาตตัดจำหน่ายราว 1 - 1.3 พันล้านบาท/ปี (สมมติฐาน ใบอนุญาตอายุ 15 ปี ราคา 1.5 – 2 หมื่นล้านบาท) ค่าเช่าเสาอีกราว 2.4 พันล้านบาท/ปี (กรณีเช่า 10,000 ต้น) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับอุปกรณ์และค่าเสื่อมราคา รวมทั้งค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพื่อสร้างฐานลูกค้า หากอิงกับ ARPU ที่ 690 บาท (เท่ากับที่บริษัทตั้งเป้า) และลูกค้า 1 ล้านรายในปีแรก คาดจะสร้างรายได้ให้ JAS ราว 4.1 พันล้านบาท ซึ่งยังไม่น่าจะเพียงพอที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายต่างๆ
• ระยะยาว การจะถึงจุดคุ้มด้วยการมีลูกค้า 4G จำนวน 1 - 2 ล้านราย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป้าจะให้บริการภายใต้การเช่าเสา 10,000 ต้น ยังถือว่าต่ำกว่าผู้ให้บริการมือถือในปัจจุบัน นอกจากนี้ลูกค้าเป้าหมายจะต้องเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือถือที่รองรับ 4G ด้วย ซึ่งปัจจุบันเครื่องที่รองรับ 4G ยังมีไม่มากนัก
ส่วนธุรกิจหลัก คือ บรอดแบนด์อินเตอร์เน็ต ของ JAS ดูไม่สดใสในระยะยาว เพราะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่มีแนวโน้มจะหันมาใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือมากกว่าบรอดแบนด์และการแข่งขันมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น หลังมีคู่แข่งรายใหม่อย่าง ADVANC ที่จะเริ่มเข้าสู่ธุรกิจนี้ตั้งแต่ต้นปี 58 ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งจะเร็วกว่า 4G แม้ระยะสั้นจะยังไม่มีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรม แต่เชื่อว่าในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการรายเดิมทุกรายรวมทั้ง JAS เอง ก็มีโอกาสที่จะสูญเสียฐานลูกค้าบางส่วนไป เพราะปัจจุบันยังใช้เทคโนโลยีที่ต่ำกว่า
ในเชิงกลยุทธ์ แม้ว่าราคาหุ้น JAS จะปรับลงมาแล้ว 25% YTD แต่เราประเมินว่า JAS ยังมีความเสี่ยงจากการถูกปรับลดประมาณการได้อีก ทั้งเพื่อสะท้อนผลกระทบจากการออก JAS-W3 และแผนลงทุน 4G ขณะที่เราเห็นว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินปัจจัยบวกของใบอนุญาตใหม่เข้าไปในมูลค่าหุ้นตอนนี้
Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.28
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.12
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.79
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.58
หุ้นใน Smart Port ที่จะจ่ายปันผลได้แก่
10/04/2015 BANPU 0.70 Baht
17/04/2015 BBL 4.50 Baht per share
17/04/2015 MINT 0.25 Baht per share
27/04/2015 EFORL 0.01 Baht per share
27/04/2015 ROJNA 0.02 Baht per share
29/04/2015 SRICHA 1.55 Baht per share
30/04/2015 MODERN 0.30 Baht per share
30/04/2015 IVL 0.19 Baht per share
30/04/2015 IRPC 0.20 Baht per share
06/05/2015 AGE 0.0019 Baht per share
07/05/2015 KAMART 0.06 Baht per share
08/05/2015 CK 0.35 Baht per share