- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 13 June 2014 14:43
- Hits: 2967
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Rotations (2)
วันนี้ คาดดัชนีฯ แกว่งในกรอบ 1,450 ถึง 1,475 จุด (พักหลังทดสอบแนวต้านแรกบริเวณ 1,475 จุด นักเลนรอบสั้นควรวาง Stop loss บริเวณ 1,450/1,445 จุด ถ้าหลุด ให้ไปรอดูแรงซื้อสู้ บริเวณแนวรับสำคัญ 1,430 จุด)
การหมุนหุ้นเล่นยังคงเป็นกระแสหลักของตลาดช่วงนี้ Rotation theme: โดยวานนี้ กลุ่มอสังหาฯ (ตัวเล็ก) ขึ้นแรง GOLD UV RML PF ตามด้วยกลุ่มรับเหมาฯ (ข่าวโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านลบ.) คาดวันนี้ Flows หมุนเข้า หุ้นกลาง-เล็กที่เราเคยแนะนำ เช่น IFEC EFORL SUTHA RML และหุ้นรับเหมา, วัสดุก่อสร้าง หุ้นได้ประโยชน์หากยกเลิกเคอร์ฟิว (MAJOR AOT)
รายเดือน มิย. คาดดัชนีฯเล่นขึ้นถึงกลางเดือน จากนั้นจะมีการพักฐาน หรือ Rotations: การขายล็อกกำไรหุ้นที่ขึ้นแรง แล้วหมุนหาหุ้นในกระแส เช่น Earning plays คาดกำไร 2Q14 จะออกมาดี, หุ้นมีข่าวบวกหนุน เป็นต้น
กลุ่มเด่นเดือนนี้ คาดได้แก่ รับเหมาก่อสร้าง, งานประมูลรัฐฯ/ แบงก์ บ้าน, ส่งออก, ท่องเที่ยว(การท่า สายการบิน)/เทคนิคคอลคาดแนวต้าน 1,475/1,485 จุด รับ 1,440 จุด
หุ้นแนะนำ SF (ราคาเหมาะสม 8 บ. คาดกำไร Q2/14 ออกมากดี) RML (ราคาเหมาะสม 2.23 บ.) MAJOR
BLS รายงานวันนี้
RS คงคำแนะนำ ขาย ราคาเหมาะสม 8.6 บ. คาดเงินชดเชยราว 427 ลบ. จากการถ่ายทอดบอลโลกให้ดูผ่านฟรีทีวี จะถูก Offset ด้วย 1) ค่า Refund ให้กับทรูวิชั่น 2) กล่อง Set top box ที่ขายร่วมกับ PSI ซึ่งขายไม่ออกอาจถูกเคลมคืน ส่งผลให้ Upside ต่อกำไรปีนี้หากรวมเงินชดเชย จะเพิ่มกำไรไม่เกิน 3-7% แค่นั้น ซึ่งใกล้เคียงกับราคาหุ้นที่ขึ้นรับข่าวไปแล้ว แนะ Sell on fact
MAJOR คงแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 21.8 บ. คาดผลกระทบจากรายได้ฉายหนัง สมเด็จพระนเรศวรฟรี ประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งไม่มีนัยยะเมื่อเทียบกับยอด Ticket sell รวมกว่า 3 พันลบ.คงคาดกำไร 2H14 จะดีขึ้นมาก และการยกเลิกเคอร์ฟิวเร็ว จะส่งผลให้รายได้ไม่กระทบ เราคงคาดกำไรปีนี้ 871 ลบ. ซึ่ง 1Q14 มีกำไรเพียง 140 ลบ. สะท้อนกำไร 2H14 เติบโตสูงเพราะไปรับรู้ในครึ่งปีหลังหมด
JUBILE คงแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 28.75 บ. คาดกำไร 2Q14 ดี และดีมากใน 3Q-4Q14 อิงกำลังซื้อที่อั้นตัวมานาน จะกลับมาเร่งตัวขึ้น เหมือนกับเหตุการณ์ชุมนุม นปช.เมื่อปี 2010 ตอนนั้นกำไรก้าวกระโดดถึง 47% q-q
หุ้นมีข่าว
(*) TUF ราคาลงแรงวานนี้ วิตกบทลงโทษจากคู่ค้า (สหรัฐฯ) หลังมีข่าวลือเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนบนเรือประมง / คาดไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานตรงข้ามมีข่าวขึ้นภาษีจับปลา คาดส่งผลให้ราคาทูน่าสูงขึ้น และหนุนอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจ OEM ของ TUF
(*) SIM ราคาลงแรง จากกระแสข่าว เทเลคอมมาเลย์ ขายหุ้น ซึ่งคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะขายยกบล็อก ราคาต่ำกว่าในกระดาน (ทั้งนี้ต้นทุนอยู่ที่ 1.9 บ./หุ้น) / แต่การขายหุ้น ไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน
(+) STEC ITD CK PYLON SCC SCCC รับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง เมื่อวานคมนาคมชง 5 ยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานทางราง-บก-น้ำ-อากาศ เสนอ คสช.ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี วงเงิน 3 ล้านล้านบาท รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า 10 สาย การปรับปรุงทางหลวง ฯลฯ
(+) SCB KBANK KTB LPN SPALI กลุ่มแบงก์ บ้าน: รับกระแส กนง.ลดดอกเบี้ย 18 มิ.ย.
(+) หลุด Cash balance สุดสัปดาห์นี้ IFEC OCEAN EVER SUPER
(+/-) SET50 ปรับประจำรอบครึ่งปี คาด M เข้า/ THAI ออก
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+)ตลาดคาดคสช.ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศเร็วๆนี้
(0/-) เมื่อวาน เกาหลีใต้ คงดอกเบี้ย 2.5% อินโดนีเซีย คงดอกเบี้ย 7.5%, US retail sale (พค.) +0.3% แย่กว่าคาดที่ +0.6%
(+) ศุกร์ US เงินเฟ้อ PPI (พค.) คาด +0.1% จาก +0.6% m-m ธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) คาด คงดอกเบี้ย 0-0.1% ไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม, จีนดัชนีการผลิต (Industrial production) (พค.) +8.8% จาก 8.7% y-y
(-) ข่าว World bank ลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลง คาดกระทบจำกัด (ขณะที่ MS คาดผ่านจุดต่ำสุดปีนี้) และ Consensus (Quarterly service survey) ลดคาดการณ์ GDP US ไตรมาส 1 ลง (หลังประกาศครั้งที่ 2 แล้วแย่กว่าคาด)
(+) 18 มิย. การประชุม กนง.คาดส่งสัญญาณไม่ปรับลด GDP ลงอีก และ ถ้อยแถลงเชิงบวกจากการประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกนาน เพราะ ECB กำลังออก QE)
(+) MS มอง หุ้นยุโรปเข้าภาวะกระทิง (คาดมึผลกระทบเชิงบวกต่อหุ้นภูมิภาค across the board) โดยปรับ GDP ยุโรปขึ้นหลังจาก ECB ออก QE บางส่วนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และกลับมา Overweight แบงก์, หุ้นวัฎจักร และ ลดน้ำหนักกลุ่ม Defensive (Sentiment บวกหุ้นไทย กลุ่ม Financial (แบงก์ บ้าน) และ หุ้นวัฎจักร (เรือเทกอง))
สรุปหุ้นในกระแส :
หุ้นเชื่อมโยงการลงทุนและบริโภคในประเทศ : รับเหมาก่อสร้าง แบงก์ บ้าน สายการบิน
หุ้น Story Turnaround ของปีนี้ EFORL IFEC RML PSL (TTA) CFRESH CPF
นักวิเคราะห์ : วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด
จีนประกาศตัวเลขสินเชื่อใหม่เดือนพ.คสูงเกินคาด
ธนาคารกลางจีนได้ประกาศตัวเลขสินเชื่อใหญ่เดือนพ.คที่ 870.8 พันล้านหยวน หรือ 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยฐานเงิน M2 ขยายเพิ่มขึ้น 13.4% โดยทางการจีนกำลังผ่อนคลายการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์เฉพาะในบางพื้นที่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้โตไปเป็นเป้า 7.4% ปีนี้ (Bloomberg)
ประยุทธ์สั่งจัดทำแผนบริหารใหม่บริหารน้ำ 3 แสนล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการน้ำของคสช. เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวกับเรื่องน้ำ 36 หน่วยงานเข้าร่วม "ประยุทธ์" สั่งนับหนึ่งใหม่ ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแก้ปัญหาทั้งระบบยึดหลักประชาชนต้องยอมรับ ตั้งพล.อ.ฉัตรชัยนั่งประธานคุม (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยฉลุย สัญญาณเศรษฐกิจดีขึ้น
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจปีนี้คงเติบโตไม่สูง แต่ไม่ถือว่าแย่ โดยแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังมีสัญญาณทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นหนุนปีหน้าโตสูง ค้าปลีกเชื่อสิ้นปีโตทะลุ 10% แต่แรงส่งในการใช้จ่ายยังไม่แสดงพลังอะไรมากในปีนี้ เพราะผู้บริโภคมีหนี้เก่าค้างอยู่ (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
สหรัฐจ่อขึ้นแบล็กลิสต์ไทยอ้างใช้แรงงานทาส
มะกันเตรียมแบล็กลิสต์ไทย หลังมีรายงานละเมิดการค้ามนุษย์ใช้แรงงานทาสในอุตสาหกรรมกุ้ง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เปิดเผยว่า กำลังพิจารณาขึ้นบัญชีดำการค้ามนุษย์ประเทศไทย หลังมีรายงานเปิดเผยตามสื่อต่างๆว่าอุตสาหกรรมกุ้งไทยที่ส่งออกไปขายในต่างประเทศ รวมถึงในสหรัฐ อังกฤษ และตลาดยุโรป มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซื้อขายแรงงานผิดกฎหมายและใช้แรงงานต่างด้าวเยี่ยงทาสในเรือประมง โดยทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐยืนยันว่าตั้งใจจะทบทวนสถานะของไทยในช่วงราวกลางเดือน มิ.ย.นี้ (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
คอนโดขึ้นราคา 3% ไนท์แฟรงค์ชี้ขยับตัวรับเศรษฐกิจฟื้น
ไนท์แฟรงค์ชี้หลังเกิดรัฐประหาร คอนโดราคาขายขยับขึ้นแน่ 3% เหตุทรงตัวนาน 6 เดือน นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากเกิดรัฐประหารในไทยทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมที่ราคาขายจะสามารถขยับขึ้นได้เฉลี่ย 2-3% ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า หลังจากที่ทรงตัวมานานกว่า 6 เดือน โดยเฉพาะในทำเลศูนย์ธุรกิจ ในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองเพราะปริมาณการซื้อชะลอตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
นักวิเคราะห์ : ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ Tel. (662) 618-1330-1