- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 April 2015 17:15
- Hits: 1095
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวรับ 1544 และ 1540 แนวต้าน 1560
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1544.86 จุด ลดลง 4.67 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,302 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรหลังจากพยายามทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1550 จุดขึ้นไปยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้
Daily : ปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1550 จุดที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วันตามที่เคยกังวัลก่อนหน้านี้ แต่เมื่อพิจารณาการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ฟื้นตัวขึ้นมาช่วยกลุ่มพลังงาน จึงทำให้แนวโน้มของ SET Index ยังสามารถคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1590-1600 จุด และมีแนวต้านสำคัญในระยะยาวที่ 1650 จุด
กลยุทธ์ : SET Index ถูกขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้านสำคัญ 1550 จุด แต่เมื่อพิจารณาการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคารที่เข้ามาช่วยกลุ่มพลังงาน จึงทำให้แนวโน้มหลักยังสามารถคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1590-1600 จุดได้ และมีแนวรับสำคัญที่ 1540-1544 จุด
Asia Fund Flow : 8 เมษายน 2558
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ซื้อสุทธิ 71 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไต้หวัน ขายสุทธิ 222 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ซื้อสุทธิ 20 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ขายสุทธิ 8 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 62 ล้านเหรียญ
Most Active Value : แนวรับ แนวต้าน
PTTGC ซื้อที่แนวรับสำคัญ 56.00 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 58 และ 60 56.00 / 55.50** 57.00 / 58.00
ADVANC เคลื่อนไหวในกรอบ 240-247 แนวต้านสำคัญ 250-252 243 / 242 245 / 247
TRUE เคลื่อนไหวในกรอบ 12.80-13.20 13.00 / 12.80 13.20 / 13.30
KBANK แนวโน้มขึ้นทดสอบ 240 และ 248 แนวรับ 234 234 / 232 236 / 238
SCB สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 181 ถ้าผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 184 และ 188 179.50 / 179 181 / 184
INTUCH เคลื่อนไหวในกรอบ 78.00-80.00 78.50 / 78.00 79.00 / 79.50
ITD สัญญาณขายระยะสั้น แนวโน้มลงทดสอบ 7.50 และ 7.30 7.80 / 7.60 7.90 / 8.00
JAS แนวรับสำคัญ 5.60 เป็นจังหวะซื้อ แนวต้าน 5.80 และ 6.00 5.60 / 5.50 5.75 / 5.85
PTT ถูกขายที่แนวต้าน 342 แต่ปริมาณการซื้อขายไม่สูงมาก แนวโน้มขึ้นทดสอบ 360 และ 370 340 / 338 345 / 348
BBL แนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 195 188 / 187 190 / 192
Big C Supercenter (BIGC TB; THB 243.00) - ซื้อ
แนวต้าน : 250 และ 254
แนวรับ : 243 และ 242
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลง และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ BIGC โดยมีแนวรับที่ 243 และ 242 และมีแนวต้านที่ 250 และ 254 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 240 ลงไป
IFS Capital (IFS TB; THB 3.92) - ซื้อ
แนวต้าน : 4.10 และ 4.20
แนวรับ : 3.92 และ 3.88
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้แล้ว ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
Hourly: MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ IFS โดยมีแนวรับที่ 3.92 และ 3.88 และมีแนวต้านที่ 4.10 และ 4.20 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.76 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...รอข่าวหนุน
หลังข่าวการมาเยือนของนายกรัสเชียและทางรองนายกไทยไปเยือนจีน ตลาดก็เริ่มที่จะมีการเก็งกันถึงความร่วมมือทางเศษฐกิจระหว่างไทยกัยจีนเรื่องการลงทุนรถไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนรัสเซีย คือความร่วมมือทางด้านพลังงาน หากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลด้านบวกกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน เม.ย. อย่างไรก็ตามยังต้องดูรายละเอียดว่าจะมีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาบ้าง ส่วนปฎิกริยาของต่างชาติต่อการชี้แจงละเอียดของมาตรา 44 ยังต้องดูหลังจากนี้ไป ซึ่งน่าจะส่งผลด้านบวกมากกว่าด้านลบกับประเทศ
บรรยากาศการลงทุนก่อนและหลังสงกรานต์ปีนี้ เดิมเรามองว่าจะซึมๆ แต่หลังจากเกิดการชี้แจงการใช้มาตรา 44 รวมทั้งอาจมีข่าวเชิงบวกจากการเซ็นสัญญาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีนและรัสเชีย ก็น่าจะทำให้ตลาดคึกคักขึ้นมาทันที นอกจากนั้นเริ่มมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานเข้ามา หลังราคาน้ำมันมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่เรามองว่าจะเข้ามาเสริม คือแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์สร้างบ้านและรับเหมา สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์น่าจะเกิดแรงซื้อรายตัว คือหุ้นที่ผลดำเนินงานออกมาดีกว่าคาดหรือกำไรไม่ลดลง
โดยปกติหุ้นที่สามารถขึ้นได้ดีในเดือน เม.ย. ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาจะมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ โรงพยาบาลและค้าปลีก คือใน 10 ปี สองกลุ่มนี้ขึ้นติดอันดับ 1 ถึง 5 ถึง 6 ครั้ง สำหรับ เม.ย.นี้หุ้นทั้ง 2 กลุ่มอาจจะไม่เป็นอย่างที่เคยเป็นก็ได้ เนื่องจาก ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขึ้นมาสูง ขณะที่กลุ่มค้าปลีกราคาหุ้นเริ่มแพง จากการที่กำไรชะลอตัวจากแรงกดดันของกำลังซื้อในต่างจังหวัดลดลง นอกจากนั้นถูกบดบังจากการฟื้นตัวของกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ราคาหุ้นยังพอซื้อได้
การกลับมาของหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักอย่าง พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ (เหลือสื่อสาร) กำลังจะไปบดบังการเล่นหุ้นเล็กที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นไปแรง การเปลี่ยนเทรนในครั้งนี้มาจาก 1.การประเมินความถูกความแพง 2. สถานะภาพทางการเงินของหุ้นใหญ่จะแข็งแกร่งกว่าหุ้นเล็ก ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัวและ 3. ข่าวที่เคยหนุนหุ้นขนาดเล็ก ราคาหุ้นรับข่าวไปแล้ว หากหุ้นใหญ่เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาแล้วยืน เรามองว่า ดัชนี SET จะขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรใน Q1/15
จากรูปด้านซ้าย จะพบว่าดัชนีกลุ่มที่ยังติดลบ นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน คือ ธนาคาร สื่อสาร วัสดุก่อสร้าง อาหารและเกษตร ทั้งหมดนี้กลุ่มที่น่าสนใจ คือ ธนาคารและสื่อสาร ส่วน อาหารและเกษตร ยังขึ้นอยู่กับทิศทางในตลาดโลก กลุ่มสื่อสารแม้จะมีความชัดเจนแล้วว่าจะเกิดการประมูล 4G ในปีนี้แต่แรงกดดันยังมาจากผลดำเนินงานในช่วงสั้น ซึ่งเรามองว่าหลังงบ Q1 ออกมาหุ้นกลุ่มนี้จะดีดตัวกลับได้แรงโดยเฉพาะ JAS และ DTAC รูปด้านขวาแสดงการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นในกลุ่มตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน
กลยุทธ์วันนี้ เราคาดว่าตลาดอาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (PTT PTTEP TOP PTTGC IRPC BCP SGP IVL) หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้ปรับตัวลดลงแรง 3.56 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -6.6% เหลือ 50.42 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA เปิดเผยสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 10.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 482.4 ล้านบาร์เรล สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล ในขณะที่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรงอย่าง AAV BA NOK THAI SCC TASCO น่าจะรีบาวน์ได้ในวันนี้ เราคาดว่าดัชนีจะมีโอกาส sideway down ลง ด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบางลงเนื่องจากเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาว วันนี้เราให้แนวรับที่ 1535-1540 และแนวต้านที่ 1550-1555 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,546.20 จุด เพิ่มขึ้น 1.34 จุด (+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย 12,567.46 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวแคบ นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุน เนื่องจากใกล้วันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ การซื้อขายในช่วงเช้ามีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นธนาคารบางตัว อย่าง KTB SCB ขณะที่มีแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT PTTEP หลังราคาน้ำมันปรับตัวลง
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดภาคบ่าย หากหลุดต่ำกว่า 1540 จุด จะเป็นสัญญาณขายในรอบนี้ ระยะสั้นตลาดยังเน้นเก็งกำไรหุ้นรายตัวในหุ้นขนาดเล็ก ในขณะที่หุ้นใหญ่ยังไม่มีทิศทางที่ชดเจน ภาพรวมเรามองว่าตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ทำให้มีโอกาสสูงที่จะเห็นแรงขายทากำไรออกมาเพิ่มในช่วงก่อนที่จะเข้าวันหยุดยาว โดยในกรณีที่หลุดต่ำกว่า 1540 จุด น่าจะเห็นการอ่อนตัวลงไปที่ระดับ 1500-1515 จุดอีกรอบ ช่วงสั้นยังแนะนำแค่เล่นรอบเก็งกำไร ส่วนพอร์ตลงทุนยังแนะนำให้ชะลอไปก่อน
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Turnover List preview (Cash Balance) : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาศติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : TIPCO, UMS, VTE, EIC*, SPA* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Preecha Group (PRECHA TB; THB 3.16) - ซื้อ
Phol Dhanya (PHOL TB; THB 5.05) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]