- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 03 April 2015 18:50
- Hits: 1486
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Slow Down
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ขยับขึ้นเป็นวันที่ 4 ผลักดันด้วยหุ้นหลักในกลุ่มพลังงาน / ICT / ธนาคาร อย่าง PTT / ADVANC / BBL อีกทั้งบรรยากาศรอบเอเชียเป็นบวก เอื้อต่อการไต่ระดับของ SET INDEX ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันที่ 4 อีก 6.65 จุด มาอยู่ที่ 1,532.23 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,331 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นจุดที่น่าสนใจไม่น้อย กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย 762 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 4,388 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิทั้งสิ้น 20,211 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ไทย 6,399 ล้านบาท สะท้อนสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินโลก ทำให้ต่างชาติกลับมาสนใจตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ตลาดหุ้นฮ่องกง / สิงคโปร์ / ฟิลิปปินส์ / อินโดนีเซีย / ไต้หวัน / สหรัฐฯ ปิดทำการ เนื่องในวัน Good Friday
•ติดตามการปิดขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์อีก 3 กองทุน วงเงิน 3.0 พันล้านบาท
•การลงนามโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตอนเหนือ ในวันนี้
•ติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ คืนนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
•ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย
•ติดตามการเจรจาระหว่างกรีซ และ อียู แต่แผนการช่วยเหลือฉบับใหม่
•ติดตามการประชุม BoJ อาจส่งสัญญาณเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หลังเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าเป้าหมายต่อเนื่อง
•ติดตามรายงานการประชุม FOMC ในวันที่ 17-18 มี.ค. ซึ่งจะเปิดเผยอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 เม.ย.
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” วันที่ 11 พร้อมประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,520-1,535/40 จุด อีกทั้งเป็นการเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย Financial Hub ของเอเชียอย่างฮ่องกง และ สิงคโปร์ ปิดทำการในวันนี้ ทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มชะลอตัว อาจทำให้มูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 3.0 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
เพียงแต่ Downside risk ของ SET INDEX ยังเป็นไปอย่างจำกัด เพราะด้วยทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติที่กลับเข้าตลาดหุ้นไทยทั้งตลาด Spot และ SET50 Index Futures ทำให้คาดหวังว่าจะเห็นFund Flow เข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในสัปดาห์หน้า เมื่อภาพเป็นเช่นนี้ กองทุนภายในประเทศที่ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไปในช่วงเดือนก.พ-มี.ค. ย่อมกลับมาสะสมหุ้นเช่นกัน หากหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / พลังงาน / ICT ยังสามารถทรงตัวได้แข็งแกร่ง เชื่อว่าประเด็นที่เราประเมินนี้ น่าจะมีน้ำหนักไม่น้อย อีกทั้งภาพรวมผลการดำเนินงาน 1Q58 ของ 3 กลุ่มหลักมีแนวโน้มเติบโต yoy และ qoq ย่อมเป็นปัจจัยสนับสนุนการไต่ระดับของ SET INDEX ในรอบนี้สู่ 1,550 จุด +/- อาจเห็นในช่วงคาบเกี่ยววันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 2 สัปดาห์ข้างหน้าได้
ขณะที่ปัจจัยในสัปดาห์หน้า น้ำหนักตกอยู่ในต่างประเทศเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการของกรีซ หรือ รายงานการประชุม FOMC เพื่อประเมินโอกาส/ช่วงเวลาที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน ตลาดประเมินไว้ในเดือนก.ย. แต่ที่น่าสนใจคือ การประชุม BoJ ในวันที่ 9 เม.ย. อาจสร้างความประหลาดใจเชิงบวกด้วยการส่งสัญญาณเพิ่มมาตรการเชิงปริมาณ หลังภาพรวมเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังห่างไกลจากเป้าหมายของ BoJ อยู่ไม่น้อ หากเป็นไปตามคาด บรรยากาศการลงทุนรอบโลกจะกลับมาสดใส เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยทางอ้อมเช่นกัน
ตลาด Nikkei-Kospi (7.23 น.) เปิดบวกเล็กน้อย แม้ค่าเงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนที่ทยอยขายทำกำไรไปบางส่วนช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา อาจเริ่มพิจารณาสะสมหุ้นเป้าหมายบริเวณ 1,520 จุด +/- “ โดยเฉพาะหุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานเด่นใน 1Q58 หรือมีการประชุมผู้ถือหุ้นที่สำคัญรอการพิจารณาในช่วงนี้
Portfolio Top Pick in 2Q15: ITD / TASCO / TPIPL/ WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: BJCHI/TASCO
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.BJCHI: ราคาปิด 34.00 บาท ราคาเหมาะสม 45.00 บาท
a)ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ โดยคาดว่าจะทราบผลการประมูลงานขนาดใหญ่ในบราซิลมีความเป็นไปได้สูงที่มูลค่างานอาจสูงกว่า 4.0 พันล้านบาท คาดว่าจะประกาศในช่วงกลางเดือนเม.ย. และหาก BJCHI ชนะงานนี้ จะทำให้ BJCHI มีโอกาสที่จะได้รับงานต่อเนื่องในช่วง 4Q58 ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่างานรอบนี้ เป็นการต่อยอด Backlog ที่มีนัยยะสำคัญให้แก่ BJCHI ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
b)Backlog สิ้นปี 2557 สูงถึง 3,307 ล้านบาท และคิดเป็น Secured Revenue ราว 60% จากประมาณการรายได้ปี 2558 ที่ 5,175 ล้านบาท (+15% yoy) ดังนั้น หากชนะงานประมูลขนาดใหญ่ในรบราซิลจะส่งผลให้ประมาณการรายได้ปี 2558 มี Backlog รองรับทั้งจำนวน
c)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +18.2% เป็น 1,184 ล้านบาท ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash และ PER 2558 ต่ำเพียง 9.19 เท่า
d)การขึ้น XD ในวันที่ 11 พ.ค. ได้แก่ Cash Dividend หุ้นละ 0.25 บาท และ Stock Dividend สัดส่วน 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ รวมทั้งการแตกพาร์จาก 1.00 บาท เหลือ 0.25 บาท ที่รออนุมัติในการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 27 เม.ย.
2.TASCO: ราคาปิด 106.00 บาท ราคาเหมาะสม 120.00 บาท
a)วันที่ 7 เม.ย. มีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขอมติอนุมัติการแตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ จะทำให้สภาพคล่องการซื้อขายของหุ้น TASCO หลังแตกพาร์ดีขึ้น และอาจทำให้กองทุน / สถาบัน สามารถเข้าลงทุนในหุ้น TASCO ได้
b)คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2558 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่ลดง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตยางมะตอย ขณะที่ราคาขายยางมะตอยปรับตัวลงในอัตราที่ช้ากว่าต้นทุนที่ลดลง จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปี 2558 ให้เร่งตัวขึ้น
c)ประเมินเบื้องต้น คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q58 จะเติบโต qoq เป็น 550 – 600 ล้านบาท และเป็นระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสของบริษัทอีกครั้งต่อเนื่องจาก 4Q57 ที่ผ่านมา
d)Valuation น่าสนใจ เนื่องจากซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 9.79 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ 15.59 เท่า และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโต +24.8% yoy เป็น 1,500 ล้านบาท
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ US$227 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$287 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 191.3 -208.7 4,210.9 13,190.4 9,188.0
KOSPI -20.1 -67.5 2,531.7 6,165.50 4,875.1
JSE 20.7 37.5 494.2 3,750.60 -1,806.4
PSE 11.6 11.6 1,079.6 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 0.2 7.8 20.3 135.6 263.2
SET INDEX 23.5 -67.7 -300.9 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +762 -2,204
SET50 Index Futures (สัญญา) +4,388 +11,379
SSF (สัญญา) +333 +256
Metal Futures (สัญญา) +152 -122
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +6,399 -867
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 762 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้เหลือขายสุทธิเพียง 9,898 ล้านบาท
และคงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 4,388 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 20,211 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเร่งปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อ SET50 Index กลับมายืนเหนือ 1,000 จุด แต่ S50M15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 7.30 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 2.34 จุดเท่านั้น ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเหลือ 2,424 สัญญา
ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง 6,399 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยขยับขึ้นเป็นวันที่ 9 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงอีก 1.45bps จากวันก่อนหน้าที่ลดลง 1.51bps ปิดที่ 3.6538%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 454 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 578 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
AOT 99.62 9.45% 293.87
ADVANC 87.97 4.91% 243.69
SCC 60.90 6.84% 516.52
IRPC 37.08 2.52% 4.46
PTT 27.48 0.82% 330.33
NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิหนาแน่น เน้นกลุ่ม Domestic Play
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิ 1,430 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 515 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการซื้อสุทธิในกลุ่ม Domestic Play อย่าง ICT / ธนาคาร / อสังหาฯ อย่างโดดเด่น สรุปภาพการลงทุนผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1.กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 481 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 288 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 254 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 273 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 198 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีกซื้อสุทธิ 126 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มพลังงานถูกขายสุทธิสูงสุด 363 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 42 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
ADVANC 496.65 24.33 TOP -180.30 20.21
BBL 299.27 58.96 PTT -108.14 15.23
CPN 177.70 31.23 SCB -68.48 13.04
AOT 123.62 8.38 TRUE -57.29 6.76
CPALL 88.16 8.07 SCN -34.65 8.39
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong