- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 01 April 2015 15:25
- Hits: 1537
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET มีสิทธิปรับพักแต่คาดกรอบลงจำกัดและยังลุ้นขึ้นต่อได้
กลยุทธ์ : ถึงแม้จะคาดว่า SET ยังมีลุ้นโอกาสแกว่งบวกต่อเนื่องได้อีก แต่ระยะสั้นอาจมีจังหวะผันผวนและปรับพักตัวลงบ้าง โดยกรอบการปรับตัวน่าจะถูกจำกัดพอควร ดังนั้นยังแนะนำให้เลือกหุ้นซื้อช่วงลบ แล้วเน้นถือรอทำกำไรช่วงบวกต่อไปได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : PTG, PSTC, ROBINS(buy back)
แนวโน้ม : SET ยังขยับบวกต่อเนื่องเมื่อวานนี้ ถึงแม้ว่าจะมีจังหวะแกว่งผันผวนตลอดทั้งวัน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติก็ยังมียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องและดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้ FSS คาดว่าโอกาสที่ SET จะยังแกว่งบวกต่อได้อีกมีความเป็นไปได้สูง อย่างไรก็ตามเนื่องจากดัชนีดีดตัวขึ้นมา 3 วันติดต่อกันด้วยระยะทางพอควร ประกอบกับเช้านี้บรรยากาศการลงทุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศกลับมาปรับตัวลงกันเป็นส่วนใหญ่อีกครั้ง หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ปิดปรับตัวลงกันค่อนข้างแรง จากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐและยุโรป ทำให้ SET มีสิทธิที่จะปรับพักตัวลงก่อนได้ตามภาวะตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ FSS คาดว่ากรอบการลงน่าจะถูกจำกัดพอควร เพราะตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็ไม่ได้ปรับลงรุนแรงมากนัก หลังตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนเดือน มี.ค.ฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง ดังนั้นเราจึงยังแนะนำเลือกหุ้นซื้อช่วงลบ แล้วถือรอขายช่วงบวกต่อได้
แนวรับ 1504-1502 , 1498-1496 จุด
แนวต้าน 1510-1513 , 1515-1520 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ในปริมาณเบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเกาหลีใต้ US$119.9 ล้าน อินโดนีเซีย US$67.3 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$39.4 ล้าน ไทย US$31.7 ล้าน ขณะที่ขายไต้หวัน US$44.7 ล้าน และเวียดนาม US$0.3 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) การเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่านอาจยืดเยื้อต่อถึงวันที่ 1 เม.ย. เพราะไม่สามารถยุติได้วานนี้ หากการเจรจาแบบมาราธอนนี้ยุติได้ ราคาน้ำมันจะปรับลง (กดดันกลุ่มพลังงาน) เพราะประเทศมหาอำนาจจะยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน ทำให้อุปทานน้ำมันจากอิหร่านเพิ่มเข้ามายังตลาดโลกที่มีปัญหาอุปทานล้นตลาดอยู่แล้ว
(-) เศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ.ยังฟื้นช้า ภาพรวมใกล้เคียงเดือนก่อนคือการจับจ่ายใช้สอยทรงตัว การลงทุนภาคเอกชนทรงตัวเพราะธุรกิจยังมีผลผลิตส่วนเกินเหลือ การส่งออกอ่อนแอเพราะเศรษฐกิจจีนและอาเซียนชะลอ และราคาสินค้าส่งออกที่เกี่ยวกับน้ำมันและโภคภัณฑ์ปรับลง มีเพียงการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีตามฤดูกาล แนวโน้มผลประกอบการ 1Q15 ของหลายธุรกิจจึงยังไม่ดีนัก เช่นกลุ่มค้าปลีก รับเหมา วัสดุก่อสร้าง ที่อยู่อาศัย นิคมฯ เกษตร แบงก์ และมีเดีย ส่วนกลุ่มที่กำไรน่าจะทรงตัวในเกณฑ์ดี คือกลุ่มท่องเที่ยว สื่อสาร ลีสซิ่ง โรงพยาบาล และพลังงาน (ไม่มี stock loss)
(-) แนวโน้มตลาดหุ้น เม.ย. ยังถูกดดันจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้ GDP ปีนี้ที่ธปท.คาด 3.8% มี downside เป็นความเสี่ยงต่อการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ ภาพเหล่านี้ยังกดดันตลาดระยะนี้ เราหวังว่าการใช้มาตรา 44 จะช่วยร่นขั้นตอนการทำงานและทำให้การเบิกจ่ายลงทุนของภาครัฐเร่งตัวขึ้น หากการลงทุนมาตามนัด ภาพจึงจะสดใสขึ้น มุมมองทางเทคนิคมองว่าดัชนีน่าจะอยู่ในช่วงรีบาวด์ แต่ต้องระวังความผันผวน ไม่แนะนำให้ซื้อไล่ราคา แต่เน้นซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวและถือรอรอบ หุ้นแนะนำเดือนนี้มี CK (เป้าหมาย 33 บาท), CSS (เป้าหมาย 9.20 บาท), GL (เป้าหมาย 15 บาท), GUNKUL (เป้าหมาย 43 บาท) และ TPIPL (เป้าหมาย 3.50 บาท)
(+) AAV ผลกระทบต่อผลประกอบการมีจำกัดมากเพราะ AAV ไม่มีการบินแบบเช่าเหมาลำไปจีน เส้นทางที่ไปจีนทั้งหมด 10 เมืองรวม 21 เที่ยวบินต่อวันล้วนเป็นเส้นทางประจำ ซึ่งจีนยังคงให้บินปกติ แต่ไม่ให้ขยายเพิ่ม ขณะที่บริษัทมีแผนเปิดเส้นทางบินเพิ่มในช่วง ต.ค.-พ.ย. ยังมีเวลาแก้ปัญหา ส่วนเส้นทางไปญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ AAV ไม่มีไฟล์บินตรง จึงไม่กระทบ (แต่กระทบ Thai Air Asia X ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ AAV) ราคาหุ้นที่ปรับลงกว่า 10% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาสะท้อนข่าวร้ายมากเกินไป เพราะหากรายได้จากตลาดจีนหายไปทั้งหมดซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ ราคาเป้าหมายจะเหลือประมาณ 5.00-5.50 บาท จึงเป็นโอกาสในการซื้อ ยังคงราคาเป้าหมาย 6.90 บาท
(0) HMPRO กำลังซื้อที่อ่อนแอและ Cannibalization ของสาขาใหม่ในจังหวัดเดิมที่เพิ่งเปิดปลาย 4Q14 จะกดดันกำไร 1Q15 ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 24% Q-Q แต่เพิ่มขึ้น 8% Y-Y แนวโน้มกำไรใน 2Q15 อาจทรงหรือฟื้นเล็กน้อย แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นใน 2H15 ซึ่งเป็น High Season ของธุรกิจ เรายังคงเป้าหมาย 10 บาท และแนะนำซื้อ
(+) WHA-HEMRAJ WHA จะเริ่มรวมงบการเงินของ HEMRAJ ตั้งแต่ 17 มี.ค. หลังซื้อหุ้น HEMRAJ (ที่ 4.50 บาท) ได้ 59% และยังคงทำ Tender offer ต่อถึง 10 เม.ย. กำไรของ WHA ในปีนี้จะเพิ่มเท่าตัวจากปีก่อนบนสมมติฐานถือ HEMRAJ 75% เราคาด EPS ปีนี้ 1.50 บาท ราคาเป้าหมายจึงน่าจะเป็น 35 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันยัง undervalued แต่ HEMRAJ ราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้วที่ 4 บาท
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้กว่า 200 จุด หรือคิดเป็น -1.11% เพราะได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ รวมทั้งเฟดสาขาริชมอนด์ยังส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่เร็วขึ้นด้วย
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ก็ปรับตัวลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะซบเซาในตลาดแรงงานของยูโรโซน หลังรายงานอัตราว่างงานเดือน ก.พ. ลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์กันไว้
ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน
ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวผันผวน แต่ก็มีลักษณะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยล่าสุดมาแกว่งตัวในกรอบ 32.46-32.53 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ปิดที่ 47.6 เหรียญ/บาร์เรล ปรับลงอีก 1.08 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานในตลาดโลกยังสูงเกินไป หลังปริมาณการผลิตของโอเปกยังเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือน มี.ค.
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดที่ 1,183.2 ดอลาร์/ออนซ์ ร่วงลงอีก 2.1 เหรียญ/ออนซ์ เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1 เม.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
- จีน: Manufacturing PMI (มี.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (มี.ค.), การจ้างงานภาคเอกชน (มี.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (มี.ค.)
2 เม.ย. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์และอินเดีย ปิดทำการ
- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, Factory orders (มี.ค)
3 เม.ย. - วัน Good Friday ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมีสหรัฐ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน สิงคโปร์
- จีน: HSBC China Composite PMI (มี.ค.)
6 เม.ย. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมี จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และไทย
7 เม.ย. - ฮ่องกง: ตลาดหุ้นปิดทำการ
- อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI) ประชุม
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (มี.ค.)
8 เม.ย. - ญี่ปุ่น: ธนาคารกลาง (BOJ) ประชุม
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research