WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

คาด SET เข้าสู่รอบรีบาวด์ให้ดูจังหวะทำกำไรสำหรับเทรดดิ้ง!

  กลยุทธ์ : หลังจาก SET ปรับลงมาแล้วถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยเฉพาะสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงต่อเนื่องทั้งสัปดาห์อีก ทำให้คาดว่าสัปดาห์นี้ SET มีสิทธิอยู่ในช่วงรีบาวด์กลับขึ้นด้านบวกได้ ดังนั้นเทรดดิ้งตามรอบหลังจากเลือกหุ้นซื้อช่วงลบแล้ว แนะนำให้รอจังหวะขายทำกำไรในช่วงบวกต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : STPI, CBG, AOT(buy back)
  แนวโน้ม : เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET เริ่มมีจังหวะฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างในช่วงบ่าย หลังจากดัชนีไหลลงไปเป็นลบกว่า 10 จุดแต่ยังกลับมาปิดเป็นลบเพียง 1 จุดเศษๆ ได้ ขณะที่เช้านี้น่าจะยังพอมีแรงหนุนจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปลายสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้ปิดเลวร้ายนัก ถึงแม้ว่าภาวะการซื้อขายจะเป็นไปอย่างค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา แต่ข่าวการควบรวมกิจการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐก็ยังพอที่จะช่วยกระตุ้นแรงซื้อได้บ้าง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังมีลักษณะแกว่งทรงตัวกันได้อยู่เป็นส่วนใหญ่ ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็ยังมีโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นไปแกว่งตัวด้านบวกได้ หลังจาก SET แกว่งลงมาแล้วกว่าเดือน โดยเฉพาะสัปดาห์ที่แล้วก็ปรับตัวลงต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ด้วย ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นซื้อไปแล้ว เราแนะนำให้เน้นเป็นถือไว้ก่อน เพื่อรอรอบรีบาวด์ขึ้นไปจึงจะมาพิจารณาหาจังหวะขายทำกำไรกันอีกครั้ง
  แนวรับ 1493-1490 , 1485-1483 จุด
  แนวต้าน 1500-1506 , 1510-1515 จุด
  Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาค US$1,299 ล้าน จากที่ไหลเข้า US$1,630 ล้านเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนศุกร์ที่ผ่ามมาไหลออกต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในไต้หวัน US$628.4 ล้าน เกาหลีใต้ US$144.3 ล้าน อินโดนีเซีย US$44.6 ล้าน ไทย US$32.1 ล้าน และเวียดนาม US$6.3 ล้าน ขณะที่ซื้อฟิลิปปินส์ US$10.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อย Flow น่าจะยังไหลออกต่อเนื่อง

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (+) ถ้อยแถลงของ Yellen เป็นบวกกับหุ้น แม้ว่า Yellen จะระบุว่าดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นในปีนี้แน่นอนแต่ย้ำว่าการปรับขึ้นจะค่อยเป็นค่อยไป และเป็นไปอย่างช้าๆ โดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก ขณะที่ GDP 4Q14 (ตัวเลข final) เพิ่มขึ้น 2.2% Q-Q น้อยกว่าคาดที่ 2.4% คำกล่าวของ Yellen ทำให้ตลาดคลายกังลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย เป็นบวกกับหุ้นและโภคภัณฑ์ แต่ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงหลังมีความหวังว่าอิหร่านและ 6 ชาติมหาอำนาจ (สหรัฐ จีน รัสเซีย เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ) จะบรรลุข้อตกลงการเจรจาควบคุมการทดลองพลังงานนิวเคลียร์ของอิหร่านได้
  (-) กรีซต้องหาเงินชำระหนี้ 7.2 พันล้านยูโรภายใน 31 มี.ค.นี้ กรีซได้ส่งแผนปฏิรูปชุดใหม่ให้เจ้าหนี้ไปแล้วหลังจากแผนฯถูกปฏิเสธหลายครั้ง ขณะที่ Fitch ได้ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลง 2 ขั้นเหลือ CCCC ซึ่งต่ำกว่า Investment grade 7 ขั้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สะท้อนโอกาสผิดนัดชำระหนี้ระยะสั้น
  (+) ครม.เห็นชอบแผนลงทุนคมนาคมพื้นฐาน 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งมี 5 ด้านหลักคือการพัฒนารถไฟระหว่างเมือง (รถไฟรางคู่) ขนส่งสาธารณะ (รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ) ขนส่งทางน้ำ ทางอากาศ และขยายถนน โดยมีแหล่งเงินรองรับในปีนี้ 5.6 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นวงเงินผูกพันข้ามปีตั้งแต่ปี 2016-22 ทั้งหมดนี้จะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศจากปัจจุบัน 14.4% สูงกว่าสิงคโปร์และมาเลเซียที่ 8% และ 12% ให้เหลือ 2% ใน 12 ปีข้างหน้า ถือเป็นข่าวดีที่แผนการลงทุนได้รับอนุมัติแล้ว จากนี้ไปเหลือแต่การผลักดันให้โครงการต่างๆ ออกมาเป็นรูปธรรมได้ตามระยะเวลาที่ตั้งเป้า
  (+) KBANK เราคาดกำไรสุทธิ 1Q15 จะอยู่ในระดับที่ดีมากและอาจเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีนี้ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท +30% Q-Q, +8% Y-Y โดยคาดสินเชื่อ +2% YTD สูงกว่ากลุ่มที่เพิ่มเพียง 0-1% YTD และได้อานิสงส์จากต้นทุนการเงินที่ต่ำในปีก่อนซึ่งทำให้ NIM น่าจะอยู่ในระดับสูงที่ 3.7% แต่เราปรับกำไรสุทธิปีนี้ลง 3% เหลือโต 5% Y-Y โดยปรับลดการเติบโตของสินเชื่อจากเดิม 9% เป็น 8% NIM จาก 3.74% เป็น 3.70% และการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมจาก 14% เป็น 12% ราคาเป้าหมายปรับลงเป็น 260 บาทจาก 271 บาท แนะนำซื้อและยังเป็น Top pick ของกลุ่ม
  (+) GUNKUL ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระให้ความเห็นว่าการที่ GUNKUL ซื้อหุ้น 99.98% ใน บจก.โคราชวินด์เอ็นเนอร์ยี่ (KWE) ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้า (พลังงานลม) 52.5MW ด้วยเงินลงทุน 4.35 พันล้านบาท จะเริ่มขายไฟภายใน ธ.ค. 2016 และการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม 60MW ของบจก.พัฒนาพลังงานลม (WED) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GUNKUL มูลค่าการลงทุน 5.25 พันล้านบาท โรงไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการมีความเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐกิจและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นได้ เรารวมทั้ง 2 โครงการไว้ในราคาเป้าหมาย 43 บาทแล้ว ราคาหุ้นปรับลงมา 14% จากจุดสูงสุดใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำกว่าราคาเป้าหมายหลัง XD (จ่ายหุ้นปันผล 4 : 1 XD 21 เม.ย.) ที่จะ dilute ลงเหลือ 34.40 บาท เปิดโอกาสให้ซื้อสะสมรอบใหม่

  ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมากลับมาปิดบวกได้เล็กน้อยหลังจากร่วงลงติดต่อกันหลายวันก่อนหน้า โดยนักลงทุนกังวลและจับตาดูผลประกอบการ 1Q15 ที่จะเริ่มประกาศในเดือน เม.ย.
  ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดสลับมีทั้งบวกและลบ โดยนักลงทุนวิตกกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบในเยเมน
  ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้เป็นส่วนใหญ่จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายมากขึ้น โดยราคาน้ำมันที่ลดลงชดเชยได้ด้วยการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
  ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอีกเล็กน้อย ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.54-32.67 บาท/ดอลลาร์
  ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ปิดที่ 48.87 เหรียญ/บาร์เรล ร่วงลง 2.56 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากพุ่งขึ้นแรงในวันก่อนหน้า รวมถึงข่าวการเจรจาระหว่าง 6 ชาติมหาอำนาจกับอิหร่านเรื่องปัญหาโครงการนิวเคลียร์ซึ่งอาจทำให้อุปทานของน้ำมันเพิ่มขึ้น
  ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 1,199.80 ดอลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.00 เหรียญ/ออนซ์ โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 วันทำการ แต่การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในอนาคตยังเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในระยะยาว
ปัจจัยที่ต้องติดตาม

30 มี.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.พ.)
- สหรัฐ Pending home sales (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
31 มี.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.พ.
- สหรัฐ: S&P/CaseShiller 20-City Index (ม.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)      
1 เม.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
- จีน: Manufacturing PMI (มี.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (มี.ค.), การจ้างงานภาคเอกชน (มี.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (มี.ค.)
2 เม.ย. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์และอินเดีย ปิดทำการ
- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, Factory orders (มี.ค)
3 เม.ย. - วัน Good Friday ตลาดหุ้นที่ปิดทำการมีสหรัฐ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน สิงคโปร์
- จีน: HSBC China Composite PMI (มี.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon 
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research  

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!