- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 March 2015 16:38
- Hits: 1396
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ไหลลงแล้วยังมีแรงซื้อดันกลับ คาดลุ้นแกว่งบวกได้…
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังไหลลงต่อเนื่องอีกเมื่อวานนี้ แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนตลาดได้ดีพอควร ทำให้ยังคาดว่ามีลุ้นรอบรีบาวด์กลับไปแกว่งบวกได้ ดังนั้นส่วนลงทุนยังเน้นถือต่อเนื่อง แต่ถ้าเป็นเทรดดิ้งตามรอบ ควรดูจังหวะขายทำกำไรช่วงบวกบ้าง เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : ITD, SPA, BIGC(short)
แนวโน้ม : หลังจาก SET ยังปรับตัวลงแรงต่อเนื่องเมื่อวานนี้ในช่วงครึ่งวันแรก แต่ในภาคบ่ายก็ถือว่าเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาให้เห็นได้บ้าง ทำให้ดัชนีในครึ่งวันหลังค่อยๆ ไต่ระดับกลับขึ้นมาปิดลบไม่มากนัก โดยเป็นแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มพลังงานและสื่อสารเป็นหลัก ทำให้โอกาสที่วันนี้ SET จะมีรอบรีบาวด์ขึ้นไปแกว่งบวกให้เห็นยังเป็นไปได้อยู่ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดลบกว่า 100 จุดจากความกังวลอีกครั้งว่าเฟดอาจจะพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือน ก.พ.ซึ่งเป็นการขยับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ ต.ค.ปีที่แล้วและเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. ด้วย แต่ FSS คาดว่าประเด็นนี้น่าจะกดดัน SET ไม่มากนัก เพราะผลประชุมเฟดรอบล่าสุดที่ยืนยันว่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็วนักนั้นเพิ่งผ่านมาไม่นาน โดยจะเห็นได้จากตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดเป็นบวกอยู่ได้ ดังนั้นยังถือหุ้นไว้รอรอบรีบาวด์ต่อไปได้
แนวรับ 1512-1510 , 1505-1500 จุด
แนวต้าน 1518-1526 , 1530-1535 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบางมาก โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดอินโดนีเซีย US$73.4 ล้าน ไต้หวัน US$16.4 ล้าน ไทย US$12.0 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$2.4 ล้าน และเวียดนาม US$1.9 ล้าน แต่ซื้อสุทธิเกาหลีใต้ US$70.7 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อเนื่อง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 อีก 7.3% M-M และ 7.2% Y-Y โดยเพิ่มทั้งยอดขายรถในประเทศ 7.2% M-M และยอดส่งออกที่ยังเพิ่มแรง 9.9% M-M และ 11.3% Y-Y ยอดส่งออกยังคงได้ผลดีจาก ECO Car ในตะวันออกกลางและเอเชียที่ได้รับการสนับสนุนด้านภาษี และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆจากผู้ใช้ที่มีกำลังซื้อต่ำ ยอดผลิตรถ 2M15 ที่ฟื้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เป้าการผลิตทั้งปีของ ส.อ.ท. ที่ 2.15 ล้านคัน (+14% Y-Y) เป็นไปได้มากขึ้น ตลาดส่งออกจะเป็นพระเอก ส่วนตลาดในประเทศคาดว่ายอดขายจะเร่งตัวขึ้นในช่วงปลายปี เรายังคง Neutral แม้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในปีก่อนแต่การฟื้นตัวยังช้า ปีนี้จะได้แรงหนุนจากการออกรถรุ่นใหม่ เช่น Toyota Vigo, Mazda2 และ Ford Everest แนะนำทยอยซื้อหุ้นที่ราคา Underperform กลุ่มและยังมี Upside เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของเรา ซึ่งได้แก่ AH (เป้าหมาย 18 บาท) และ STANLY (เป้าหมาย 225 บาท) โดยเฉพาะ AH ที่คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q15 จะฟื้นทั้ง Q-Q และ Y-Y จาก Order ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
(+) CSS เราคาดบริษัทมีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาทใน 1Q15 ชะลอ 13% Q-Q ตามฤดูกาล แต่เพิ่มถึง 283% Y-Y กำไรใน 2Q15 จะยิ่งดีขึ้นหลังรวมกิจการของ NWC ที่ซื้อมาตั้งแต่ปลาย ก.พ. เราเห็นด้วยกับการที่ CSS จะขายใบอนุญาตโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นให้ BANPU แล้วหันมาประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในไทย เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนเกินตัว เพราะอาจมีดีลซื้อกิจการในไทยอีก 1 แห่ง ซึ่งจะรู้ผลในเวลาใกล้เคียงกันคือปลาย มี.ค. ถึงต้น เม.ย. เราปรับกำไรลงเล็กน้อยโดยเอาธุรกิจโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นออกไป แต่กำไรปีนี้ยังโต 65.2% Y-Y ปรับเป้าหมายลงเป็น 9.20 บาทจากเดิม 10.20 บาท เพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากถือ หลังราคาหุ้นปรับลงจนมี PE 22.5 เท่า (full dilution) ต่ำกว่ากลุ่มและการเติบโตของบริษัท
(+) ITD ราคาหุ้นที่ปรับลงมา 26% จากจุดสูงสุดของปีนี้ ปรับลงแรงกว่าหุ้นรับเหมาตัวอื่น แต่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทไม่ได้เปลี่ยน ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PBV 2.5 เท่าต่ำใกล้เคียงปลายปี 2013 ที่บริษัทมี Backlog 1 แสนล้านบาท เทียบกับปัจจุบันที่ Backlog สูงถึง 2.2 แสนล้านบาท ปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นคือโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือที่ ITD ประมูลได้สัญญาที่ 1 มูลงานงานสูงกว่าสัญญาอื่นคือ 1.5 หมื่นล้านบาท จะเซ็นสัญญา 3 เม.ย. นี้ เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.10 บาท
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังตัวเลขเศราฐกิจที่แข็งแกร่งกลับมาสร้างความกังวลในเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่อาจเร็วกว่าคาด
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกหลังมีรายงานว่า PMI รวมภาคการผลิตและบริการเดือนมี.ค.ของยูโรโซนปรับตัวพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 46 เดือน
ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวในกรอบแคบๆโดยไร้ซึ่งปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.45-32.60 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ปิดที่ 47.51 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.06 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ EIA จะรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในคืนนี้
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 1,191.40 ดอลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.70 เหรียญ/ออนซ์ โดยนักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นจากการร่วงลงของตลาดหุ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 มี.ค. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
27 มี.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.พ.)
- สหรัฐ: 4Q14GDP (final) (ตลาดคาด 2.4% ดีขึ้นจากครั้งก่อนที่ 2.2%)
30 มี.ค. - สหรัฐ Pending home sales (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
31 มี.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.พ.
- สหรัฐ: S&P/CaseShiller 20-City Index (ม.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
1 เม.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
- จีน: Manufacturing PMI (มี.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (มี.ค.), การจ้างงานภาคเอกชน (มี.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (มี.ค.)
2 เม.ย. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์และอินเดีย ปิดทำการวันนี้
- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, Factory orders (มี.ค)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research