- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 March 2015 16:57
- Hits: 2137
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"หวังว่าจะมี Window Dressing"
Top Picks-Fund March 2015 : Fundamental : AP, AOT, INTUCH, TOP Dark Horse: SEAFCO, VNG
Top Picks -Fund Today: CPN
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, MK, SPALI, AP, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : MAKRO 32%, TTCL 16%, ESSO 15%, TMB 10%
Technical View ภาพระยะสั้นยังเป็นลบ แต่มีโอกาสรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อ
Support Resistance Stop loss
SET 1500,1480-60 1540-1550 ค่าลบ
SET50 980-970 1020-1030 หลุด 1005
Top Picks-Tech Today : SAWAD, CPN, TASCO, PTG, MINT, OFM, SAT, HANA
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index วันศุกร์ปิดอ่อนตัวเล็กน้อย (-2.17 จุดที่ 1529.96 จุด) มูลค่าซื้อขายปานกลาง โดยมีการขายหุ้นขนาดกลาง-เล็กมากขึ้น การปรับลด GDP Growth ของธปท.จาก 4.0% เป็น 3.8% สำหรับปี 58 ไม่กระทบตลาดมากนัก เนื่องจากหลายสำนักได้ปรับลดและต่ำกว่าที่ธปท.ปรับใหม่ไปแล้ว นักลงทุนสถาบันในประเทศนำขายสุทธิ 1.9 พันล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิเกือบ 400 ล้านบาท พอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิ
โดยรวมสัปดาห์นี้ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ในทางเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ความหวังเรื่องการทำราคาปิดสิ้นงวดไตรมาส 1/58 (Window Dressing) เข้ามาช่วยหนุน ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงสั้น ช่วยกระตุ้นตลาดโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะทองคำให้รีบาวด์ขึ้น กลยุทธ์การลงทุน เรายังเน้นการเลือกซื้อเป็นรายบริษัท สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น CPN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ แต่ยังไม่ทิ้งการรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อ แนวต้านระยะสั้น 1540-1550 จุด เน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น ค่าลบดูไม่ดี โดยแนวรับของ SET อยู่ที่ 1500, 1480, 1460 จุด
สำหรับการ SCAN หาหุ้นมีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List เป็น MINT, MEGA, CBG ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SAT, TOP, BLA, OFM หุ้นที่หลุด List เป็น SVI ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น BEAUTY, SIMAT
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลง เห็นได้จากดัชนี ICE Dollar Cash Index ที่ลดลงเป็น 97.793 ในเช้าวันนี้ (23 พ.ค.58) จาก 2 สัปดาห์ก่อนที่แข็งค่าระดับ 100.17 ยังผลให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลกับการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐลง ซึ่งการแข็งค่าของเงินมากๆ เป็นผลลบต่อการส่งออกสุทธิและทำให้ Yield จากการลงทุนในต่างประเทศสหรัฐที่แปลงกลับมาในรูปดอลลาร์สหรัฐลดลง
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้น โดยดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 168.62 จุด หรือ +0.94% ปิดที่ 18,127.65 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 18.83 จุด หรือ +0.90% ปิดที่ 2,108.10 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 34.04 หรือ +0.68% ปิดที่ 5,026.42 จุด หนุนโดยค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงบ้าง ซึ่งนักลงทุนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่อไปได้
+ สัญญาน้ำมันดิบบวกขึ้น โดยสัญญา WTI ส่งมอบเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ ปิดที่ 55.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้เบเกอร์ ฮิวส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านน้ำมันรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ณ วันที่ 20 มี.ค.ปรับตัวลดลง 56 แท่น มาอยู่ที่ 1,069 แท่น นักวิเคราะห์คาดว่าแท่นขุดเจาะที่ปิดส่วนใหญ่เป็น Shale Oil ซึ่งมีต้นทุนการผลิตสูง
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.พุ่งขึ้นอีก 15.6 ดอลลาร์ หรือ +1.33% ปิดที่ 1,184.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหนุน คือ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
กลยุทธ์การลงทุน 2Q58 : เลือกซื้อท่ามกลางความท้าทาย สำหรับSET Index 1Q58 มีความผันผวน โดยปรับขึ้นในช่วงครึ่งแรกของไตรมาส แล้วอ่อนลงตั้งแต่กลางก.พ.58 หลังจบรายงานกำไรปี 2557 และกังวลวิกฤตการเงินกรีซ & เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว โดยโครงการ QE ยูโรโซนยังไม่ช่วยหนุนตลาดเท่าใดนัก
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังอยู่ในแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบสกุลหลัก แม้จะอ่อนค่าลงบ้างในระยะสั้นก็ตาม ปัจจัยนี้ยังเป็นแรงจูงใจให้ลงทุนในสหรัฐต่อทั้งในตลาดเงินและตลาดทุน ด้านอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ เราคาดว่าจะปรับขึ้นไม่เร็ว DBS ประมาณการไว้ในช่วง 4Q58 ด้านเศรษฐกิจไทยใน 1H58 ยังซบเซา แต่หวังว่าจะกระเตื้องขึ้นใน 2H58 และเติบโตดีขึ้นในปี 2559
ประเมินเป้าหมาย SET Index ปี 2558 เท่ากับ 1597 จุด (อิง Forward P/E ปีนี้ที่ 16.7 เท่า - Mean+1SD) กลยุทธ์ : เลือกซื้อลงทุนรายบริษัท หุ้น Top Picks ของ 2Q58 เป็น AP, BTS, CENTEL, CK, INTUCH และ TOP
/- ธปท.ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 2558 เป็น 3.8% (เดิม 4.0%) โดยปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตส่งออกปีนี้เป็น 0.8% (เดิม 1.0%) ปรับลดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเป็น 0.2% (เดิม 1.2%) ซึ่งต่ำกว่ากรอบล่างของอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายในนโยบายการเงินที่ 1.0% สำหรับปี 2559 ประมาณการเศรษฐกิจไทยเติบโต 3.9% โดยมาจากการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4% การลงทุนและการบริโภคที่ดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.2%
ความเห็น Retail Research : ตัวเลขคาดการณ์ GDP ใหม่ในปี 2558-2559 ของธปท.ไม่ได้ Surprise ตลาด และปรับลดลงไม่มากจากประมาณการเดิม อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าตัวเลขคาดการณ์ใหม่ยังมีความเสี่ยงทางลงได้อีกถ้าอุปสงค์ภายในยังฟื้นตัวช้าต่อในช่วง 2H58 เม็ดเงินลงทุนภาครัฐเข้าระบบได้ไม่เร็วอย่างที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากประสิทธิภาพของหน่วยงานราชการ และอีกส่วนมาจากการปรับค่างานก่อสร้างให้ลดลงตามราคาน้ำมัน ทำให้หลายโครงการลงทุนต้องล่าช้าออกไป สำหรับ DBS Bank เราประมาณการ GDP Growth ของไทยปี 2558 ไว้ที่ 3.6%
จับตาการลงมติของกสท.ในปม SLC เข้าถือหุ้น NMG วันนี้ (23 มี.ค.58) ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งการตัดสินวันนี้จะเป็นบรรทัดฐานในการกำกับดูแลกิจการสือและทีวีดิจิตอลในระยะต่อไปด้วย ทางด้าน NMG กล่าวว่าจะฟ้องกสท.ต่อศาลปกครองหากไม่ยึดเกณฑ์ประมูล โดยทาง NMG มองว่าการเข้ามาซื้อหุ้นของ SLC เป็นเรื่องของการเข้าครอบงำกิจการ
+ สัปดาห์นี้อาจมี Window Dressing คือ การทำราคาปิดงวดไตรมาสแรกของปี 2558 เข้ามาช่วยหนุนตลาด
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]