WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
ขายเพื่อรับรู้กำไร
  SET ปรับตัวขึ้นปิดจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือน โดยมีแรงส่งจากด้านปัจจัยต่างประเทศเช่นตัวเลขเศรษฐกิจ จีน สหรัฐ และญี่ปุ่น โดย SET ปิดที่ 1469.19 จุด (+11.89 จุด, +0.82%) นำโดยกลุ่ม SETHD +1.13% และเป็นการปรับตัวขึ้นในกลุ่มหลักรอง มีเพียงกลุ่มสื่อสาร, ท่องเที่ยว และเหมืองแร่ปรับตัวลดลง มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 64,973 ล้านบาท และต่างชาติเริ่มขายสุทธิ 814 ล้านบาทหลังซื้อสุทธิตลอด 6 วันทำการ และกองทุนในประเทศขายสุทธิต่อเนื่องอีก 349 ล้านบาท

 

ปัจจัยการลงทุนวันนี้
  ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 217,000 ตำแหน่งซึ่งใกล้เคียงกับคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวได้ 215,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานในเดือนพ.ค.ทรงตัวในระดับเดิมที่ 6.3% ดีกว่าคาดที่ 6.4%
  อัตราเงินเฟ้อของจีนเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 2.5% YoY เป็นผลมาจากการปรับขึ้นของราคาอาหารราว 4.1%YoY อัตราเงินเฟ้อซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีของรัฐบาลจีนที่ระดับ 3.5
  ครม.ญี่ปุ่นรายงานเศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัว 6.7% เทียบรายปีในไตรมาสแรกของปี 2557 สูงจากการประมาณการในเบื้องต้นที่ระดับ 5.9%
  แบงก์ชาติมองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ชัดเจนไตรมาส 3 หลังนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คสช. คาดว่าจะไม่เกิดภาวะถดถอยทางเทคนิคและไตรมาส 2 เริ่มกลับมาเป็นบวกได้ยังห่วงภาคการท่องเที่ยวมองส่งออกบริโภค-ลงทุนดีขึ้นครึ่งปีหลัง

  แนวโน้ม SET ระยะ 6-12 เดือน หากอิงจากนโยบายเชิงมหภาคและการเร่งใช้จ่ายงบประมาณฯและการลงทุนภาครัฐฯ และอื่นๆของ คสช. เราเชื่อว่าจะเริ่มส่งผลบวกต่อการเติบโตจีดีพีในช่วงไตรมาส 4/57 เป็นต้นไป และมีแนวโน้มว่าการเติบโตจีดีพีในปี 58 นั้นจะสูงกว่าปี 57 KSS จึงได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET ปี 57 เหลือ 8.32 แสนล้านบาท (+6.8% จากเดิมที่ 9.5%) หรือEPS = 92.94 บาท (+5.5%) แต่ได้ปรับเพิ่มคาด การณ์กำไรสุทธิปี 58 ที่ 9.36 แสนล้านบาท(+12.4% เดิม 9.4%) หรือ EPS = 104.45 บาท (+12.4%) พร้อมกับปรับเพิ่มดัชนี SET เป้าหมายปี 57 นี้จากเดิมที่ 1425 จุดเป็น 1487 จุด (Prospective P/E 16x)

  แนวโน้มวันนี้ เราอยู่ฝั่งขาย - การที่ SET ปรับตัวขึ้นหลังวันที่ 23 พ.ค. หรือ 8 วันทำการคิดเป็น 5.2% มีผลให้การประเมินระยะสั้นหรือวันนี้ ซึ่งเรามองว่าตลาดได้เข้าสู่ระยะที่เป็น Overheating ซึ่งแรงผลักดันทางขึ้นอาจมีจำกัด แสดงได้ความเสี่ยงว่าด้วยราคาหุ้นที่สูง (High Price Risk) เราแนะนำขายทำกำไร (เช่น DELTA, HANA, BH) หรือรอดู

แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
ลดพอร์ตลงทุนเหลือ 70% ถือสด 30%
  ด้วยราคาหุ้นที่ได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้รับรู้ถึงนโยบายการเมืองและเศรษฐกิจไปในระดับที่ค่อนข้างมาก (SET +5.2% ใน 12 วันทำการ) ในหลักการว่าด้วย Price Risk วันนี้เราปรับลดลงพอร์ตลงเหลือ 70% ในหุ้นกลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP, และ PTTGC) และถือครองเงินสด 30%

  Trading : เลือกซื้อเก็งกำไรเหนือ 1460 จุด ต่ำกว่า รอดูการปรับฐาน
  ก่อนปรับลดพอร์ตหุ้นกลุ่มพลังงาน

  ก่อนลดพอร์ต มีผลตอบแทนต่ำกว่า SET 1.2%

  สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่ม 25 พ.ย. 56)
  พอร์ตหุ้น 70% ถือเงินสด 30%

ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (100%) = +10.5%
ผลตอบแทน SET = + 8.6%
พอร์ตจำลองสุทธิ > SET

  หมายเหตุ : Cash/Equity weighting เป็นการแสดงมุมมองของ KSS Research เพื่อใช้เป็นแนวทางว่าด้วยแนวโน้มระยะกลาง (3-6 เดือน) ว่าจะมีแนว โน้มเชิงบวก หรือ เชิงลบ โดยหุ้นที่แนะนำในพอร์ตจำลองเป็นหุ้นพื้นฐานที่เราประเมินว่าจะมีแนวโน้มที่ดี ไม่มีนัยสำคัญเพื่อคำแนะนำว่าควร “ซื้อ” หรือ “ขาย” หุ้นดังกล่าวในเวลาใด
Analysts :
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!