WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ FOMC Meeting
ตลาดหุ้นวานนี้:
    ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดหุ้นในเอเชียและยุโรปจะขยับขึ้นเด่น รวมถึงหุ้นหลักกลุ่มธนาคาร / ICT จะฟื้นตัวลักษณะ Technical Rebound รวมกับปันผลก็ตาม แต่หุ้นขนาดกลาง High Beta ที่ปรับตัวลงแรง อย่าง ITD / TPIPL กลับกลายเป็นตัวกดดันบรรยากาศการลงทุน ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบอีก 2.73 จุด มาอยู่ที่ 1,512.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,799 ล้านบาท
ขณะที่ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 เร่งเป็น 1,977 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 5,147 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง เมื่อ S50H15 ปิดต่ำกว่า 1,000 จุด เป็นวันที่ 2 แต่คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 8 อีก 4,708 ล้านบาท สะท้อนมุมมองต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นกลางต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญวันนี้
    ติดตามการประชุมเฟดคืนวันนี้ ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะสามารถขึ้นได้กลางปีนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้หรือไม่
กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางต่อเนื่อง ด้วยการเลือกสะสมหุ้นไทย และทยอยปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures
บ่ายนี้ ติดตามการประชุม คณะกรรมการ เศรษฐกิจดิจิตอล อาจมีความคืบหน้า

มุมมองต่อตลาด
    เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลางถึงบวก" วันที่ 2 แม้ว่า SET INDEX จะยังคงอ่อนแอ แกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,510-1,520 จุด พร้อมโอกาสที่จะปรับฐานลงไปทดสอบแนว 1,500 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายก็ตาม แต่เราเชื่อว่า Downside risk ของ SET INDEX ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับจำกัด แต่เราให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound เพื่อกลับขึ้นไปทดสอบแนว 1,550-1,560 จุดได้ หลังผ่านสัปดาห์นี้ ที่เต็มไปด้วยปัจจัยสำคัญที่กดดันจิตวิทยาการลงทุน สังเกตได้จากมูลค่าการซื้อขายที่เหลือเพียง 4.0-5.0 หมื่นล้านเท่านั้น
หากเราพิจารณายอดสุทธินับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวานนี้ใน SET และ MAI ของนักลงทุนรายกลุ่มพบว่า สถาบันภายในประเทศ กลับมาเป็นการขายสุทธิ 800 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ขายสุทธิ 2,198 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิในช่วง 2M58 ดังนั้นแรงขายจาก 2 กลุ่มนี้เริ่มจำกัดมากขึ้น บวกกับเงินใหม่ที่ระดมผ่านการขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันดในช่วงนี้ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,525 ล้านบาท เริ่มทยอยสะสมหุ้นหลักของไทยต่อเนื่อง ย่อมเป็นสัญญาณ "กลางถึงบวก" ที่น่าสนใจ แน่นอนว่านักลงทุนทั่วไปเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิ 9,523 ล้านบาท
    ผลการประชุมเฟดในคืนนี้ นักเศรษฐศาสตร์ในต่างประเทศ ต่างคาดเฟดจะยกเลิกใช้คำว่า "อดทน" ต่อการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่น่าจะมี "คำใหม่" ที่ให้เป็นแนวทางของอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน ตลาดยังคงคาดเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกลางปีนี้เป็นอย่างเร็ว แต่จุดที่น่าสนใจคือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทยอยประกาศตลอดเดือนมี.ค. ออกมาต่ำกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ อาจกลายเป็นข้ออ้างของเฟดในครั้งนี้ ก็มีความเป็นไปได้
    ตลาด Nikkei - Kospi (7.33 น.) เปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่า DJIA ปิดลดลง ทั้งนี้นักลงทุนน่าจะรอผลการประชุมเฟดคืนนี้

กลยุทธ์การลงทุน
     ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรในหุ้นเป้าหมายที่แนะนำทยอยสะสมไปก่อนหน้านี้ โดยพิจารณาจากผลตอบแทนการลงทุนรอบสั้นราว 5-10% เป็นเกณฑ์ตัดสินใจ แทนการตัดสินใจจากการพิจารณาบน SET INDEX"

Portfolio
Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: MONO/ TPIPL

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. TPIPL : ราคาปิด 2.80 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกหลังเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของ TPIPL วานนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะที่จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการเติบโตในระยะยาวอย่างต่อเนื่องของบริษัท
b) คาดผลประกอบการ 1Q58 จะพลิกกลับจากขาดทุนใน 4Q57 และเติบโตสูง yoy เนื่องจากคาดว่าจะไม่มีการตั้งสำรองด้อยค่าสต็อกสินค้าธุรกิจปิโตรเคมี และจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะจำนวน 18 MW ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างพื้นฐานของ TPIPL
c) นอกจากนั้น TPIPL ยังได้ประโยชน์โดยตรงจากการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร เนื่องจากมีเงินกู้สกุลยูโรราว 160 ล้านยูโร (ราว 30% ของเงินกู้ระยะยาว) ดังนั้น การอ่อนค่าลงของค่าเงินยูโรจากสิ้นสุด 4Q57 ที่ 39.76 บาท / ยูโร เหลือ 34.86 บาท / ยูโร จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงกว่า 600 ล้านบาท ใน 1Q58
d) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโตถึง +60.8% yoy เป็น 2,143 ล้านบาท และต่อเนื่อง +79.0% เป็น 3,836 ล้านบาท ในปี 2559 ที่รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าทั้ง 73 MW เต็มปี
e) มี Upside Risk ที่ยังไม่รวมในประมาณการ คือ โรงไฟฟ้าจำนวน 90 MW ที่ได้รับการตอบรับจาก EGAT แล้ว และอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาขายไฟ (PPA) รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังความร้อนทิ้งโรงละ 18MW จำนวน 2 โรงของสายการผลิตปูนซีเมนต์ที่ 2 และ 3 ที่อยู่ระหว่างขอ Adder และ PPA ซึ่งจะส่งผลให้ TPIPL ก้าวขึ้นเป็นผู้นำโรงไฟฟ้าขยะ SPP รายใหญ่สุดของไทยกำลังผลิตรวม 199 MW
2. MONO : ราคาปิด 4.02 บาท ราคาเหมาะสม 6.30 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมโฆษณาสื่อทีวีดิจิตอลซึ่งเป็นธุรกิจเกิดใหม่ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากเม็ดเงินที่โยกออกจากสื่อทีวีแบบอนาล็อค หลัง Neilsen รายงานเม็ดเงินโฆษณาสื่อดิจิตอล เดือน ก.พ.เติบโต +13.4% mom เป็น 2,846 ล้านบาท
b) ขณะที่สื่อทีวีแบบอนาล็อคลดลง yoy ต่อเนื่อง เหลือ 4,544 ล้านบาท หรือ -8% yoy
c) MONO เป็นช่องดิจิตอลทีวีที่ได้รับความนิยมสูง โดยปัจจุบันมี DTV Rating ของช่อง DTV เกิดใหม่เป็นอันดับ 3 รองจาก RS และ WORK
d) คาดผลประกอบการปี 2558 เติบโตสูงถึง +560% yoy เป็น 282 ล้านบาท จากการปรับขึ้นค่าโฆษณาเฉลี่ยเป็น 23,000 บาทต่อนาที ในปี 2558 จากปี 2557 ที่ 5,000 บาทต่อนาที และเนื่องด้วยต้นทุนส่วนใหญ่กว่า 90% เป็นต้นทุนคงที่จึงคาดว่าธุรกิจ Digital TV ของ MONO จะเข้าสู่จุดคุ้มทุนใน 2H58
e) ราคาหุ้นยัง Laggard เมื่อเทียบกับกลุ่มดิจิตอลทีวีเกิดใหม่ ที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ สิ้นเดือน ก.ย. 2557 ที่ผ่านมาหลังเริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการ ได้แก่ RS +122% และ WORK +82% แต่ MONO ยัง -3.4%

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ US$431 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$311 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติสะสมหุ้นไทย พร้อมปิดสถานะ short ใน SET50 Index Futures ต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 1,977 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 3,327 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 2,214 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเหลือ 5,441 ล้านบาท
และคงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 5,147 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 10,544 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 8,925 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ short ใน SET50 Index Futures ทั้งหมดที่เปิดไว้ก่อนหน้า ขณะที่ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเหลือ 24,971 สัญญา เมื่อ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นอีกเล็กน้อย เป็น 7.93 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.29 จุด
แต่คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ เป็นวันที่ 8 อีก 4,708 ล้านบาท รวม 8 วันทำการ 36,686 ล้านบาท เทียบกับ 10 วันทำการ ซื้อสุทธิ 27,691 ล้านบาท กดดันให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเผชิญกับแรงขายต่อเนื่อง โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 อีกเล็กน้อย 0.15bps ปิดที่ 2.745%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เป็น 798 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,055 ล้านบาท

NVDR Movement

NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เน้น ICT เช่นเดิม
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเล็กน้อย 473 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 3,546 ล้านบาท คงการสะสมกลุ่ม ICT เด่นต่อเนื่อง สรุปภาพ NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 444 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 260 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 177 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทิ 150 ล้านบาท และกลุ่มโรงพยาบาล ซื้อสุทธิ 144 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ถูกขายสุทธิสูงสุด 107 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ขายสุทธิ 97 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 1,044 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ตลาดคาดเฟดจะเลิกใช้คำว่า "อดทน": ในผลการประชุมเฟดคืนนี้ Bloomberg survey คาดว่า เฟดจะไม่ใช้คำ "อดทน" เหมือนที่เคยใช้มา ในการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเปิดโอกาสให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ในกลางปีนี้ เป็นอย่างเร็ว ทั้งนี้ 69% ที่มีการสำรวจ คาดว่าเฟดจะใช้คำใหม่ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาเป็นลบ
ยอดก่อสร้างบ้าน เดือนก.พ. เท่ากับ 0.897 ล้านหลัง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 1.048 ล้านหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 1.081 ล้านหลัง หรือหดตัวลง 17.0% mom จากเดือนก่อนหน้าที่ทรงตัว โดยยอดก่อสร้างบ้านเดี่ยวลดลง 14.9% mom จากเดือนม.ค.ที่ชะลอตัว 3.9% mom ส่วนยอดก่อสร้างบ้าน multifamily หดตัว 20.8% mom จากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 7.9% mom

ยุโรป
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมันเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด: เท่ากับ 54.8 จุด ในเดือนมี.ค. ดีขึ้นจากเดือนก.พ.ที่ 53.0 จุด เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2557 และเป็นเดือนที่ 5 ที่เพิ่มขึ้น แต่ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 59.4 จุด เนื่องจากความไม่แน่นอนของกรีซกดดันแนวโน้มต่อเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

จีน
ธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นผ่านตลาดเงิน: การประมูล Reverse-Repurchase 7 วันของธนาคารกลางจีนวานนี้ อัตราดอกเบี้ย 3.65% ลดลงจาก 3.75% ในสัปดาห์ก่อน
ยอดการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศเดือน ก.พ.เติบโตเล็กน้อย: +0.9% yoy อยู่ที่ระดับ US$8.56 พันล้าน อย่างไรก็ตามยอดลงทุนจากสหรัฐฯใน 2M58 หดตัวแรง 31.8% yoy ขณะที่การลงทุนจากฝรั่งเศสและอังกฤษขยายตัว 366.7% yoy และ 3.9% yoy

เอเชียแปซิฟิก
BoJ ยังคงให้น้ำหนักกับความเสี่ยงเงินเฟ้อต่ำ: การประชุม BoJ คงเป้าหมายการเพิ่มปริมาณเงิน Yen80 ล้านล้าน/ปี สอดคล้องกับ Bloomberg consensus คาด พร้อมทั้งให้ภาพของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวปานกลาง และคงเป้าหมายด้านอัตราเงินเฟ้อ จากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำ ซี่งอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงอยู่บริเวณ 0% ไปจนกว่า ทิศทางราคาน้ำมันจะมีการขยับ
รายงานการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย ครั้งก่อน ส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยอีก: การประชุมวันที่ 3 มี.ค. ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% เพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจไปอีกระยะหนึ่ง ว่าจะเป็นไปตามที่ประเมินไว้หรือไม่
ธนาคารกลางอินโดนีเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก Overnight ที่ 5.50% และอัตราเงินกู้ 8.00% สอดคล้องกับระดับอัตราเงินเฟ้อและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของอินโดนีเซีย และเป็นไปตามที่ Reuters Consensus คาด
ยอดส่งออกญี่ปุ่นขยายตัวดีกว่าคาด: เดือน ก.พ.ส่งออกขยายตัว 2.4% yoy แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากเดือน ม.ค. +17.0% yoy แต่ยังดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด +0.3% yoy ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัว 3.6% yoy ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุลต่ำกว่าที่ตลาดคาดอยู่ที่ระดับ 4.25 แสนล้านเยน

ไทย
ครม.อนุมัติเงินกู้ 8 หมื่นล้าน เพื่อบริหารจัดการน้ำ และสร้างถนน: ครม. อนุมัติโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ภายใต้กรอบวงเงิน 78,294.85 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ 2558 วงเงิน 37,602.84 ล้านบาท และแผนพัฒนาระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วนวงเงิน 40,692.01 ล้านบาท ตามที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีเสนอ
สศค. เล็งลดภาษีหัก ณ ที่จ่าย เหลือ 2%: สศค.อยู่ระหว่างศึกษาและมีแผนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ทั้งในส่วนของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เพื่อเป็นหนึ่งในมาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้เสียภาษีทั้งที่อยู่ในระบบของภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ ที่ผ่านมา อัตราภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลนั้น ได้ทยอย ปรับลดลง แต่ปัจจุบัน อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย ยังอยู่ที่จำนวน 3% ของรายได้ เท่ากับอัตราภาษีเงินได้และนิติบุคคลที่ยังไม่ได้มีการปรับลด ดังนั้น สศค.จึงมีแนวคิดที่จะปรับลดลง เพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้เสียภาษี และจะช่วยให้ผู้เสียภาษีไม่ต้องเสียเวลามาขอคืนเงินภาษีที่ได้หัก ณ ที่จ่ายไว้ล่วงหน้าด้วย


Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!