- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 16 March 2015 16:33
- Hits: 1366
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
??(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -145.91, NASDAQ -21.53, S&P -12.55, FTSE -20.49, CAC +23.13 และ DAX +102.22 หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ (1) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น – มีค. อยู่ที่ 91.2 ลดลงจาก 95.4 เมื่อกพ. และต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 95.3 และ (2) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - กพ. ลดลง 0.5%MoM โดยลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และลดลง 0.6%YoY สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%MoM และคาดทรงตัว YoY อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างผลการประชุมเฟด (เช้าพฤ. ตามเวลาไทย) โดยเฉพาะการส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย? และสถานการณ์ในกรีซ โดยเฉพาะการเจรจาประเด็นหนี้ในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้ามากนัก
??…..ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน เมย. -US$2.21 อยู่ที่ US$44.84 ต่อบาร์เรล โดยยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากอุปทานน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลก
??......ราคาทองคำส่งมอบเดือน เม.ย. +US$0.5 อยู่ที่ US$1,152.4 ต่อออนซ์ โดยอยู่ระหว่างผลการประชุมเฟด 17 – 18/3/58 นี้
??(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +638 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -8,129 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด
??ทิศทางตลาด : ผันผวน? ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศที่คาดอยู่ระหว่างผลการประชุมเฟด (เช้าพฤ. ตามเวลาไทย) โดยเฉพาะต่อประเด็นการส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดว่าจะเร็วขึ้นหรือไม่ จากก่อนหน้าคาดหมายว่าจะอยู่ในช่วงเดือนกย.? ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีทั้ง + / - และยังแนะติดตามสถานการณ์ในกรีซต่อเนื่อง ภายใต้ประเด็นต่อรองเพิ่มเติมก่อนหนี้จะครบกำหนดอีกครั้งประมาณมิย.’58 ซึ่งอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดฯ ต่อมาตรการรัดเข็มขัดซึ่งเป็นเงื่อนไขในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อกรีซ รวมถึงแผนปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่ทาง EU, ECB และ IMF จะพิจารณา
??.....ขณะที่ประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยบวกบ้างจาก Fund Flow หลังต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ อีกกว่า 600 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดยังมีความผันผวนแรงซื้อขายสุทธิสลับกัน และแนะติดตามค่าเงินบาท โดยล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.89 บาท แข็งค่าเล็กน้อยจาก 32.90 บาท (เมื่อวันศุกร์)
??.....รวมถึงประเด็นที่กระทรวงการคลังจะนำแผนการกู้เงินเพื่อลงทุนเพิ่มเติมในปีงบประมาณ’58 ต่อครม. ในสัปดาห์หน้า จำนวน 57,000 ล้านบาท แบ่งเป็น (1) โครงการบริหารจัดการน้ำ ประมาณ 23,000 ล้านบาท และ (2) โครงการซ่อมสร้างถนน ของกระทรวงคมนาคม อีกประมาณ 34,000 ล้านบาท ซึ่งคาดทำให้มีความต้องการยางมะตอย และคาดมีแรงเก็งกำไรในหุ้น TASCO ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายยางมะตอยรายใหญ่ในประเทศ นอกจากนี้ยังแนะเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะ ITD, STEC และ UNIQ ที่ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และกำหนดลงนามในสัญญาก่อสร้างในวันที่ 3 เมษายนนี้
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.11% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.58 อยู่ที่ 16.00
หุ้นแนะนำ : NOK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (16 – 20 มีค.’58)
??16/3/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีการผลิต (Empire State Index) - มีค. (2) ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิต -กพ. (3) ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย - มีค. (4) เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติ - มค.
??17/3/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง - กพ. (2) เฟด เริ่มการประชุมกำหนดนโยบายการเงินวันแรก
??18/3/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) สต็อกน้ำมัน (2) มติการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟด
??19/3/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดุลบัญชีเดินสะพัด – 4Q/57 (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (3) ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ - กพ. (4) ดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติก - มีค.
??20/3/58 : ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
หุ้นแนะนำ
NOK : ราคาเป้าหมาย (ปี’58) 20.00 บาท
??คาดผลการดำเนินงานในปี’58 โดดเด่น คาดกลับมามีกำไรสุทธิ 948 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 460 ล้านบาท เมื่อปี’57 ภายใต้สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัว และภายหลัง NOK ร่วมทุนกับ Scoot เปิดสายการบิน NokScoot ที่จะบุกตลาด medium-haul ของสายการบินราคาประหยัดในภูมิภาคเอเชีย คาดทำให้ได้รับประโยชน์ทั้งคู่ โดย NOK มี Connectivity ภายในประเทศ ในขณะที่ Scoot มี Connectivity ในภูมิภาค คาดช่วยหนุนจำนวนผู้โดยสารภายในประเทศของ NOK ซึ่งปัจจุบัน NOK มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด
??NOK มีแผนลดสัดส่วนของสัญญาป้องกันความเสี่ยง เพื่อให้ต้นทุนสะท้อนราคาน้ำมันที่ลดลงได้อย่างเต็มที่ ซึ่งคาดราคาน้ำมันจะยังคงถูกกดดันด้วยอุปทานส่วนเกิน จากการที่สหรัฐมีปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากน้ำมันชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ในขณะที่เศรษฐกิจโลกเติบโตช้าลง โดย NOK คาดใน 3Q/58 ร์จะมีสัญญาป้องกันความเสี่ยงคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 10% ของน้ำมันที่ใช้ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะทำให้ต้นทุนน้ำมันเครื่องบินของ นกแอร์ ลดลงเหลือประมาณ 70 ดอลล่าร์/บาร์เรล และคาดว่าต้นทุนน้ำมันเฉลี่ยทั้งปี’58 ของนกแอร์จะอยู่ที่ 85 ดอลล่าร์/บาร์เรล
??ประเมินราคาเป้าหมายที่ 20.00 บาท
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788