WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)

 


SET...รีบาวน์ขึ้นต่อแต่อยู่ในกรอบจำกัด
  แรงสั่นจากภายนอกเริ่มปรากฏให้เห็น หลังตลาดคาดกันว่าในการประชุม FOMC ในวันที่ 17-18 นี้ ทางประธานธนาคารกลางคงจะพูดในทำนองการขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้า ซึ่งตลาดคาดว่าจะเป็นในเดือน มิ.ย. ส่งผลให้เกิดแรงซื้อเงินดอลลาร์ ซึ่งดูได้จากค่าเงินดอลลาร์เทียบสกุลหลัก หรือเทียบเยนหรือยูโร แข็งตัวขึ้นในรอบหลายๆ ปี การแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์ยิ่งไปกดราคาน้ำมันให้ดิ่งลงรอบใหม่
  ปฎิกริยาการตอบสนองของตลาดหุ้น พันธบัตรและสินค้าโภคภัณฑ์ เริ่มแรงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะยังดำเนินงานต่อไปจนถึงช่วงการประชุม FOMC หากเกิดสัญญาณชัดเจนว่าทาง FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. แรงสั่นดังกล่าวน่าจะลดลง แต่ตลาดจะเริ่มซึมและเกิดการโยกย้ายเม็ดเงินจากตลาดหุ้นไปยังตลาดพันธบัตร/ฝากเงิน หรือโยกจากตลาดแพงไปยังตลาดที่ถูกกว่า ปัจจัยที่บ่งชี้ว่าเม็ดเงินจะไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ดูได้จาก การปรับตัวลงของดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกในเดือน มี.ค.โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชีย ส่วนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในเดือน มี.ค.ถึงปัจจุบัน คือค่าเงินดอลลาร์ ดูจากรูปด้านซ้าย
  แรงสั่นที่กำลังเกิด เรามองว่าจะยังดำเนินงานต่อไป อีกระยะ แต่คงไม่แรง เนื่องจาก FED ส่งสัญญาณมาตลอดและไม่อยู่นอกความคาดหมาย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่อาจกดดันตลาดหุ้นไทย คือ การดิ่งลงของราคาน้ำมัน หากสร้าง จุดต่ำสุดใหม่ จะอันตราย แต่หากลงไปใกล้ Low เดิม คงไม่ส่งผลอะไรมาก เรามองว่าการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในรอบนี้ คือโอกาศในการซื้อหุ้นพลังงาน เพราะมองว่าในครึ่งปีหลังราคาน้ำมันน่าจะเริ่มฟื้นตัวหลังหัวขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้จะค่อยๆฟื้นตัว อย่างไรก็ตามการดีดตัวกลับของราคาน้ำมันรอบนี้ในระดับเกิน 60 ดอลลาร์ คงจะยังเห็นได้ยากเหมือนกัน
  เหตุที่มองว่าการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐ จะส่งผลต่อดัชนี SET ไม่มาก ก็ดูจากเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐ เทียบกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนี โดยใช้การเปลี่ยนแปลงรายวัน โดยดูค่าสหสัมพันธ์ของทั้ง 2 พบว่าตลาดหุ้นไทยให้ผลในเชิงลบ คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐขึ้น จะส่งผลให้ดัชนี SET ลง (ต่ำกว่าอินโดนีเชีย) ค่าสหสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างฟิลลิปปินส์ แสดงว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่ม ดัชนีตลาดหุ้นจะขึ้น (ดูจากรูปด้านขวา)
  หลัง การประชุมกนง. มีการลดดอกเบี้ย เรามองว่ายิ่งจะทำให้หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ น่าสนใจมากขึ้น เนื่องจาก ยังมีโอกาสที่ทาง กนง.อาจลดดอกเบี้ยได้อีก ส่วนทิศทางดัชนี SET คาดยังผันผวน จนกว่าจะเห็นความชัดเจนในการประชุม FOMC วันที่ 17-18 ส่วนการดีดตัวในระยะสั้นขึ้นอยู่กับทิศทางดัชนีในต่างประเทศ วันนี้คาดดัชนีเปิดขึ้นมาจะรีบาวน์ขึ้นต่อแต่อยู่ในกรอบจำกัดจากแรงหนุนของการปรับตัวขึ้นของดัชนีหุ้นในยุโรป ขณะที่ดัชนีหุ้นสหรัฐยังทรงและซึมลง ส่งผลให้วันนี้ดัชนีจะแกว่งทั้งแดนบวกและลบ แนวต้านวันนี้อยู่ที่ 1550-1555 จุด ส่วนแนวรับที่ 1535-1530 จุด

Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)

Technical highlights
SET Index : แนวรับ 1540 แนวต้าน 1560
  ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1543.84 จุด เพิ่มขึ้น 12.80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,834 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือแนวรับสำคัญที่ 1540 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง
  Daily : ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปปิดเหนือแนวรับสำคัญที่ 1540 จุด เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันอีกครั้งหลังจากถูกขายลงมาเมื่อวันก่อน ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่ 1560 จุด ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1580 จุด ในขณะที่แนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวยังไม่เสียไป และมีแนวรับสำคัญที่ 1515-1520 จุด
  กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปเหนือแนวรับสำคัญที่ 1540 จุด ทำให้แนวโน้มขาขึ้นยังไม่เสียไป แต่การฟื้นตัวในระยะสั้นมีแนวต้านที่ 1560 จุด ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1580 จุด แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1540 จุดลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 1515-1520 จุด

Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
TRUE แนวโน้มลงทดสอบ 12.80 และ 12.50 แนวต้าน 13.50-13.60 13.20 / 13.00 13.60 / 13.80
BBL แนวต้าน 184 แนวต้านสำคัญ 188 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้จะเป็นสัญญาณซื้อ 183 / 182 184 / 186
JAS ซื้อเพิ่มที่แนวรับ 6.60-6.70 แนวต้าน 7.00 6.70 / 6.60 6.80 / 7.00
IFEC แนวรับ 16.00 ถ้าหลุดแนวโน้มลงทดสอบ 14.00 16.00 / 15.70** 16.50 / 16.80
PTT แนวรับ 330 แนวต้าน 340 ถ้าผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 350 330 / 327 334 / 336
SCB สัญญาณฟื้นตัว แนวต้านสำคัญ 180 ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะเป็นสัญญาณซื้อ 178 / 177 180 / 182
KBANK เคลื่อนไหวในกรอบ 225-230 แนวต้านสำคัญ 234 227 / 225 228 / 230
ADVANC ซื้อที่แนวรับ 230-232 แนวต้าน 238 232 / 230 236 / 238
KTB ซื้อที่แนวรับ 22.80-23.00 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 24.00 23.00 / 22.80 23.40 / 23.70
INTUCH แนวรับ 77.00 แนวต้าน 79.00 77.50 / 77.00 78.50 / 79.00

Jasmine International (JAS TB; THB 6.70) - ซื้อ
  แนวต้าน : 7.00 และ 7.20
  แนวรับ : 6.70 และ 6.60
  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับสำคัญของกรอบแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง และแนวโน้มในระยะยาวยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น
  MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงทดสอบระดับ 30
  แนะนำซื้อ JAS โดยมีแนวรับที่ 6.70 และ 6.60 และมีแนวต้านที่ 7.00 และ 7.20 เป็นจุดขายทำกำไร
  STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 6.30 ลงไป

Vintage Engineering (VTE TB; THB 3.02) - ซื้อ
  แนวต้าน : 3.28 และ 3.48
  แนวรับ : 3.02 และ 2.98
  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
  แนะนำซื้อ VTE โดยมีแนวรับที่ 3.02 และ 2.98 และมีแนวต้านที่ 3.28 และ 3.48 เป็นจุดขายทำกำไร
  STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.88 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected] 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!