- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 12 March 2015 15:21
- Hits: 1301
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดปรับฐานลงต่อ สู่ระดับต่ำสุดของวันที่ 1,520 จุด ก่อนเกิด Technical Rebound แบบอ่อนๆ บวกกับ กนง. ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps เป็น 1.75%
สวนทางกับที่ตลาดคาด และตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัว ช่วยทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาดีขึ้น SET INDEX ฟื้นตัวกลับมาปิดบวกอีกครั้ง 12.80 จุด มาอยู่ที่ 1,543.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,834 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 1,800 ล้านบาท และ short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 1,846 สัญญา และขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 1,542 ล้านบาท เนื่องจากกนง.ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สวนทางกับที่ตลาดคาด ทำให้นักลงทุนต่างชาติขายเงินลงทุน เพื่อปิดความเสี่ยงจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
กนง. ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 1.75% จาก 2.00% สวนทางกับที่คาด แนวโน้ม
ค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตราเร่ง แต่น่าจะเป็นบวกต่อภาคการส่งออกไทย
ติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
ติดตามการขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ของ SCBAM วงเงิน 1,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 11-13 มี.ค.
เช้านี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps เป็น 1.75%
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” วันที่ 4 เพราะ Upside gain ของ SET INDEX จะยังจำกัดที่ 1,560-1,570 จุดเท่านั้น เพราะแรงกดดันจากการถอดหุ้น BAY ออกจากการคำนวณ FTSE ซึ่งจะมีผล ณ ราคาปิดวันที่ 20 มี.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า ภายหลังจากผลกระทบ BAY เสร็จสิ้น SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบ 1,600 จุด +/- จากเม็ดเงินใหม่ของกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ บวกกับ การทำ Window Dressing ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาสที่ 1 เมื่อเทียบกับ SET INDEX ณ สิ้นปี 2557 เท่ากับ 1,497 จุด
การตัดสินใจของกนง.วานนี้ ถือเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย เราประเมินว่า การตัดสินใจดังกล่าว กนง. คาดหวังที่จะเห็นค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตราเร่ง เพื่อไปชดเชยกับราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำในรูปของดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ภาพรวมของการส่งออกใน 1H58 ของไทยจะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า กนง.มิได้คาดหวังที่จะเห็นการบริโภค และ/หรือ การลงทุนภาคเอกชนที่จะฟื้นตัวจาก ตัวแปรดังกล่าว หากภาคการส่งออกฟื้นตัว ภายใต้การนำเข้าทรงตัวในระดับต่ำ จากราคาน้ำมันดิบ จะช่วยให้ GDP ใน 1H58 จะทรงตัว เพื่อรอผลของการเร่งการใช้จ่ายภาครัฐในช่วง 2H58 โดยเฉพาะการพิจารณา / อนุมัติแผนการลงทุนขนาดใหญ่
และจากนี้ไปต้องติดตามว่า ธนาคารพาณิชย์จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยตามผลกนง.หรือไม่ หากลดอัตราดอกเบี้ย เราเชื่อว่าจะลดน้อยกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 25bps เพื่อประคอง NIM ของธนาคารพาณิชย์ หากเป็นไปตามนี้ หุ้นขนาดใหญ่กลุ่มพาณิชย์จะมี Downside risk จำกัด ขณะที่หุ้นปันผล / กลุ่มอสังหาฯ / กลุ่มเช่าซื้อ / กลุ่มธนาคารขนาดเล็ก จะได้อานิสงค์เชิงบวกต่อการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้
ตลาด Nikkei (7.19น.) เปิดบวก ขณะที่ Kospi เปิดย่อตัวเล็กน้อยเท่านั้น
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนที่ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายในช่วงก่อนหน้าที่ราคาปรับตัวลงแรง อาจพิจารณาขายทำกำไรเล่นรอบ เมื่อผลตอบแทนจากการลงทุนรอบสั้นราว 5-10% เป็นเกณฑ์ตัดสินใจ แทนการตัดสินใจจากการพิจารณาบน SET INDEX”
Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: KTB
Speculative Buy: NWR
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530