- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 March 2015 19:25
- Hits: 1322
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ MPC Meeting
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับฐานลงแรงหลุดแนว 1,550 จุด บวกกับบรรยากาศรอบเอเชียและยุโรป ถูกกดดันจากกรณีกรีซอีกครั้ง ส่งผลให้เกิด จิตวิทยาการลงทุนเชิงลบ อีกทั้ง นายกฯ ยืนยันไม่แทรกแซงกลไกการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกนง.วันที่ 11 มี.ค.นี้ ภายใต้มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 46,254 ล้านบาท ยิ่งกดดัน SET INDEX ปิดลบมากถึง 28.67 จุดมาอยู่ที่ 1,531.04 จุด
ด้านต่างชาติ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 เร่งขึ้นเป็น 1,143 ล้านบาท แต่ที่น่าสนใจตรงที่ SET50 Index Futures กลับมา Short สุทธิหนาแน่นถึง 5,579 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 8,355 ล้านบาท อาจเป็นไปได้ที่นักลงทุนต่างชาติต้องการขายทำกำไรในตลาดตราสารหนี้บางส่วน ก่อนที่จะรู้ผลการประชุมกนง.วันที่ 11 มี.ค.
ปัจจัยสำคัญวันนี้
การประชุม กนง.วันนี้ Bloomberg consensus คาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 2%
การประชุมระหว่างคณะทำงานของไทย - จีน หารือโครงการรถไฟรางคู่ หนองคาย - มาบตะพุด - กทม. วันที่ 10-12 มี.ค.
ติดตามการหารือระหว่างกรีซและรมว.คลัง อียู เกี่ยวกับแนวทางปฎิรูปการคลังของกรีซ เริ่มการประชุมวันนี้วันแรก
ติดตามการขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ของ SCBAM วงเงิน 1,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 11-13 มี.ค.
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าสุดในรอบ 12 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 3 พร้อมคาดการประชุม กนง. วันนี้จะคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 2.00% แม้ว่าอาจจะไม่เป็นมติเอกฉันท์ก็ตาม แต่ประเด็นนี้จะกดดัน SET INDEX ได้อีกไม่มากนัก เพราะตลาดได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ภาวะการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขาดความน่าสนใจ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน เพื่อรอดูทิศทางการลงทุนให้ชัดเจนมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลของการถอดหุ้น BAY ออกจากการคำนวณดัชนี FTSE ณ ราคาปิดวันที่ 20 มี.ค.
ขณะที่ประเด็นความเสี่ยงของกรีซ กลับมากดดันจิตวิทยาการลงทุนรอบโลกอีกครั้ง แต่เราเชื่อว่าผลกระทบดังกล่าวเป็นไปอย่างจำกัด ท้ายที่สุดแผนปฎิรูปการคลัง/ เศรษฐกิจของกรีซ จะถูกประนีประนอมจากทั้ง 2 ฝ่าย เพื่ออนุมัติเงินกู้ช่วยเหลือแก่กรีซภายในสิ้นเดือนนี้หรือต้นเดือนเม.ย.เป็นอย่างช้า
อย่างไรก็ตาม ประเด็นค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง หลังจากที่ ECB ประกาศโครงการ QE ด้วยการซื้อสินทรัพย์ 6.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน เริ่มวันที่ 9 มี.ค. ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวานนี้แตะระดับ US$1.0671/Euro ย่อมส่งผลกระทบต่อดุลการค้าของสหรัฐฯ ทางอ้อม และอาจกลายเป็นจุดที่เฟดใช้เป็นข้ออ้างในการประวิงเวลาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายกลางปีนี้ก็เป็นไปได้ เพราะหากเฟดยังคงยืนยันขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ยิ่งเท่ากับว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยิ่งแข็งค่าในอัตราเร่ง กดดันภาคการส่งออกของสหรัฐฯ รวมถึงราคาน้ำมันดิบ / สินค้าโภคภัณฑ์ อื่นๆ
เมื่อภาพทางเทคนิคมีความอ่อนแอ บวกกับ ประเด็นกดดันของหุ้น BAY ทำให้ช่วงสั้น SET INDEX มีโอกาสซึมตัวลงสู่แนว 1,520 จุด+/- ก่อนที่จะเกิด Technical Rebound ในช่วงวันที่ 20 มี.ค. ต่อเนื่องถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค. จากการทำ Window Dressing ซึ่งระดับปิดของ SET INDEX ณ สิ้นปี 2557 เท่ากับ 1,497.67 จุด
ตลาด Nikkei - Kospi (7.20น.) เปิดลบเล็กน้อย ขณะที่ DJIA Futures ฟื้นตัว แม้ว่า DJIA คืนวานนี้จะปรับตัวลงแรงกว่า 1.85% ก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายในช่วงก่อนหน้าที่ราคาปรับตัวลงแรง อาจพิจารณาขายทำกำไรเล่นรอบ เมื่อผลตอบแทนจากการลงทุนรอบสั้นราว 5-10% เป็นเกณฑ์ตัดสินใจ แทนการตัดสินใจจากการพิจารณาบน SET INDEX"
Portfolio
Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: AAV / INTUCH
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. INTUCH : ราคาปิด 77.25 บาท ราคาเหมาะสม 114.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง จะเป็นตัวเลือกที่ดีเพื่อพักเงินภายใต้ภาวะตลาดที่ผันผวน จาก Dollar Index ที่แข็งค่าทำระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี และส่งผลลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
b) INTUCH จะขึ้น XD เงินปันผล 2H57 หุ้นละ 2.23 บาท วันที่ 31 มี.ค. คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีที่ 2.8%
c) และมี Discount 15.7% จาก NAV ของมูลค่าเงินลงทุนใน ADVANC และ THCOM จึงเชื่อว่า Downside Risk ค่อนข้างจำกัด
d) คาดการณ์เงินปันผลปี 2558 หุ้นละ 5.29 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.8%
2. AAV : ราคาปิด 5.15 บาท ราคาเหมาะสม 5.50 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสายการบินจะตอบรับเชิงบวกในวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ US$50.00/barrel อีกครั้ง และลดลง -9.8% QTD เหลือ US$48.29/barrel
b) คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบินและท่องเที่ยวในปี 2558 จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมสะท้อนผ่านจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
c) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโตสูงถึง +1,149.2% yoy เป็น 2,024 ล้านบาท จากต้นทุนราคาน้ำมันอากาศยานที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากเฉลี่ย US$124.00/barrel เหลือ US$85.00/barrel ในปี 2558
d) Valuation ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 12.3 เท่า ต่ำกว่า NOK ที่ 15.6 เท่า และ THAI ที่คาดว่าจะยังขาดทุนสุทธิปี 2558
e) นอกจากนั้น เชื่อว่าแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของ THAI จะส่งผลให้ Supply ของอุตสาหกรรมลดลง และเป็นบวกต่อ AAV ที่มีเส้นทางบินครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$193 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$441 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติทยอยขายทำกำไรตลาดตราสารหนี้หนาแน่นขึ้น
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 เร่งขึ้นเป็น 1,143 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ซื้อสุทธิ 4,645 ล้านบาท เทียบกับ เทียบกับ 12 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิมากถึง 14,759 ล้านบาท และ YTD ขายสุทธิลดลงเล็กน้อย เหลือ 6,424 ล้านบาท
แต่กลับ Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง มากถึง 5,579 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาเพิ่มสถานะ Short อีกครั้ง หลัง S50H15 ปิดหลุดแนว 1,000 จุด และกดดันให้ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 7 เท่ากับ 10.75 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 10.62 จุด
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 8,355 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ขายสุทธิรวม 11,951 ล้านบาท เทียบกับ 10 วันทำการ ซื้อสุทธิ 27,691 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 มากถึง 5.79bps ปิดที่ 2.774% อาจเป็นไปได้ว่า นักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรในตลาดตราสารหนี้ ก่อนทราบผลการประชุม กนง. วันที่ 11 มี.ค.
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นอีกเป็น 1,587 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,129 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 คงเน้นกลุ่มธนาคาร หาก กนง.ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยย่อมเป็นบวกต่อกลุ่มนี้
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 เร่งขึ้นเป็น 655 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 255 ล้านบาท รวม 8 วันทำการ ซื้อสุทธิ 7,386 ล้านบาท โดยคงสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น สรุปภาพ NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 5 อีก 646 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 453 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 194 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 189 ล้านบาท กลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 117 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 41 ล้านบาท
2. ขณะที่กลุ่มพลังงาน ขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 อีก 152 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 244 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 95 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 105 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
Fitch ประเมินยูเครนอาจยกเว้นการตัดหนี้สูญตามแผนปรับโครงสร้างหนี้: ณ ปัจจุบัน ยูเครน อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อปรับปโครงสร้างหนี้ อาจออกมาในรูปแบบของการปรับตารางการชำระหนี้ แต่ไม่มีการ Haircut เป็นเพียงการยืดเวลาการชำระหนี้เท่านั้น ส่วน IMF น่าจะพิจารณาอนุมัติเงินช่วยเหลือ 1.75 หมื่นล้านให้แก่ยูเครนในวันที่ 11 มี.ค.นี้
ประธาน BoE ส่งสัญญาณธนาคารหลางแห่งเกี่ยวข้องกับการทุจริต: ณ ปัจจุบันได้มีการตรวจสอบ External traders และ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง ที่เกี่ยวข้องกับการประมูลในตลาดเงิน
จีน
อัตราเงินเฟ้อของจีนออกมาสูงกว่าคาด: อัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.4% yoy สูงกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 1.0% yoy ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตกลับหดตัว 4.8% yoy ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 36 จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนตัว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง น่าจะเป็นผลจากเทศกาลตรุษจีนในเดือนก.พ.
เอเชียแปซิฟิก
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นขยายตัว: อยู่ที่ 1.9% yoy ในเดือน ม.ค. แม้ว่าจะชอลตัวจากเดือน ธ.ค.ที่ขยายตัว 11.4% yoy แต่ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินว่าจะหดตัว 1.0% yoy นอกจากนี้เป็นการหดตัว 1.7% mom ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนการใช้จ่ายลงทุนที่จะเกิดขึ้นใน 1-3 เดือนข้างหน้า
ไทย
ไฟเขียวพ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย: ครม. มีมติให้ทบทวนการเจรจาเอกชนรายเดิม เข้ามาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค โดยให้คงตามมติครม.เดิมปี 2553 คือเป็นการให้เอกชนร่วมทุนแบบ PPP Gross Cost หรือการลงทุนแบบเอกชนร่วมทุน โดยรัฐเป็นผู้รับความเสี่ยงค่าโดยสาร และจ้างเอกชนเป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุง โดยรัฐจ่ายค่าจ้างเดินรถ และให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณารายละเอียดตามพ.ร.บ.ร่วมทุนเอกชนปี 2535 ส่วนการเปิดประมูลหรือการเจรจาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายนั้น เป็นอำนาจในการตัดสินใจของคณะกรรมการมาตรา 13 ซึ่งก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการ รฟม. ได้มีมติให้การเดินรถแบบต่อเนื่อง ซึ่งครม.ไม่ขัดข้องในเรื่องนี้ "งานโยธาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย จะดำเนินงานแล้วเสร็จภายในปี 2560 กระทรวงคมนาคมไม่ต้องการให้กระบวนการจัดหาผู้เดินรถล่าช้า เพราะจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปีในการจัดหาผู้ดำเนินงานและต้องจัดหารถด้วย หากงานล่าช้าก็จะเป็นภาระ
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530