WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : ผันผวนเชิงลบ
      ตลาดไทยวันนี้อาจปรับลงด้วยปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐที่อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าคาด หลังจากที่ตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของญี่ปุ่นออกมาแย่กว่าคาดและราคาน้ำมันดิบปรับลงไปต่ำกว่า 50 เหรียญอีกครั้ง
  แนวรับ/แนวต้าน : 1550/1580
  กลยุทธ์ : ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 50% ในพอร์ต เพื่อรอซื้อหุ้นกลุ่มรับเหมาและสื่อสาร หากดัชนีย่อลงแรง
  สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
  นักลงทุนระยะสั้น : E(1.15), AJD(4.00)
  นักลงทุนระยะยาว : KBANK(290), ADVANC(270)

จับข่าวมาเก็งกำไร
  TRUE : บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2558 ที่มากกว่า 5% และจะใช้เงิน 34,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเครือข่ายไฟเบอร์ออฟติก และขยายการครอบคลุม 3G/4G ทั้งนี้สิ่งนี้จะเป็นบวกต่อ TRUE ในระยะกลางถึงยาวในการขยายส่วนแบ่งตลาด แต่ก็ได้สะท้อนไปยังราคาหุ้นแล้ว คงคำแนะนำ ถือ ราคาพื้นฐานที่ 14 บาท ราคาเหมาะสมที่ควรเข้าซื้อคือ 12 บาท (รายละเอียดอยู่ในบทวิเคราะห์วันนี้)

 

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
ปัจจัยภายในประเทศ
  - "คลัง" ยันที่ดิน "เชิงพาณิชย์-รกร้างว่างเปล่า" ไม่ได้รับการยกเว้น เก็บเต็ม 2% ส่วนที่อยู่อาศัย ดั้งเดิมรับลดหย่อน นักพัฒนาอสังหาฯ จี้รัฐกำหนดภาษีชัดเจน หวั่นกำลังซื้อชะลอ ที่ปรึกษาอสังหาฯระบุภาษีที่ดิน ดันดีมานด์บ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านพุ่ง ขณะที่เจ้าของที่ดินรกร้างใน กรุงเทพฯ-เมืองท่องเที่ยว แห่ปล่อยหนีภาระภาษี คลังเสนอ ครม.แก้ภาษีสรรพสามิต คาดเก็บเพิ่มกว่า 1 แสนล้าน บุหรี่-เครื่องดื่ม ถูกโขกอีก 30-40% ทางด้านศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดโอกาสน้อยที่การบริโภคจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งแรกของปี 58 และปัจจัยที่จะมากระตุ้นการใช้จ่ายให้ฟื้นตัวขึ้นก็ยังคงไม่มีความชัดเจน จึงมองการฟื้นตัวการบริโภคล่าช้าเป็นประเด็นสำคัญเข้าที่ประชุมบอร์ด กนง.วันที่ 11 มี.ค.นี้ ด้านศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี คาด กนง.จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% เหตุไม่ช่วยแก้ปัญหาเงินไหลเข้า เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด และต้องระวังเพิ่มความเสี่ยงหนี้ครัวเรือนสูงอยู่แล้ว

ปัจจัยต่างประเทศ
  - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,856.78 จุด ลดลง 278.94 จุด หรือ -1.54%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงเมื่อวันศุกร์ (6 มี.ค.) หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด ทำให้นักลงทุนวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ แทนที่จะล่าช้าออกไป
  + สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (6 มี.ค.) เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!