- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 March 2015 16:47
- Hits: 1855
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงแรงทดสอบหลุดแนว 1,550 จุดในช่วงบ่าย กดดันด้วย BAY ที่ถูกประกาศถอดจากการคำนวณดัชนี FTSE รอบนี้ และการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้น JAS อีก 1.50 บาท รวมถึงแรงขายหุ้น TPIPL อย่างหนาแน่นในช่วงบ่าย กดดันจิตวิทยาการลงทุน ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,553.33 จุด ลบทั้งสิ้น 9.51 จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,024 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 1,018 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 10 อีก 3,298 ล้านบาท แต่คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 สูงถึง 12,839 สัญญา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ECB เตรียมเข้าซื้อสินทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. จนถึงเดือนก.ย. 2559 วงเงิน 6.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน
•ติดตามภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯ คืนนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
•การประชุม กนง. วันที่ 11 มี.ค. ณ ปัจจุบัน ตลาดเริ่มประเมินถึงโอกาสที่ กนง.จะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps เป็น 1.75% หลังตัวเลขเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด
•การประชุมหารือคณะทำงานไทย – จีน ถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟรางคู่ วันที่ 10-12 มี.ค.
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 9 ถึงแม้ว่า SET INDEX วานนี้จะหลุดแนว 1,550 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แต่ก็สามารถกลับมาปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ และทำให้ภาพรวมของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอ่อนแอก็ตาม แต่หากพิจารณาในรายละเอียดพบว่า หุ้นใหญ่ที่กดดัน SET INDEX วานนี้ยังคงเป็นหุ้นหลักเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น BAY / PTT / AOT ขณะที่ปัจจัยทั้งในและต่างประเทศเป็นกลาง นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุม ECB
การประชุม ECB คืนวานนี้ ประกาศเริ่มโครงการ QE ในวันที่ 9 มี.ค. ต่อเนื่องถึงเดือนก.ย. 2559 วงเงิน 6.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน ส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีครึ่ง นั่นย่อมหมายความว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีทิศทางของการแข็งค่าต่อเนื่อง กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน ให้ฟื้นตัวลำบากมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ปริมาณเงินในระบบการเงินโลกมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เราคาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะเลือกเข้าลงทุนในอียูเป็นหลัก กระแสเงินทุนบางส่วนอาจเลือกลงทุนในเอเชียเป็นทางเลือก ซึ่งรวมถึงไทย แต่เราไม่คาดหวังที่จะเห็นเม็ดเงินซื้อสุทธิจากต่างชาติอย่างจริงๆ จังๆ ในรอบนี้ เพราะสินทรัพย์ในไทย ทั้งตลาดเงิน และ ตลาดทุน ไม่ถูกเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยจึงมีแนวโน้มทรงตัว จะเด่นเฉพาะหุ้นหลักที่ปันผลสูงในรอบนี้เท่านั้น
ประเด็นสำคัญในสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับการประชุม กนง. ณ ปัจจุบัน Bloomberg consensus ยังคงให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเท่าเดิมที่ 2.0% แต่หากพิจารณาจากทิศทางผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยทั้งระยะสั้น – กลาง – ยาว ต่างปรับตัวลง สะท้อนโอกาสของการลดอัตราดอกเบี้ยไปบ้างแล้ว จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจและมีน้ำหนักต่อทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า
ตลาด Nikkei – Kospi (7.31น.) เปิดบวกเล็ก โดยเฉพาะ Nikkei เปิดบวกถึง 0.80% หลังค่าเงินเยนหลุดแนว Yen120/US$
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนที่ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย ควรถือเพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,620 จุด +/- หรือผลตอบแทนจากการลงทุนระยะสั้นราว 5-10% เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจขายทำกำไรรอบสั้น”
Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: ITD / TPIPL
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.ITD : ราคาปิด 8.80 บาท ราคาเหมาะสม 10.50 บาท
a)ITD ประกาศออก Warrant ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 Warrant อายุ 4 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 : 1 และราคาแปลงสภาพ 14.00 บาท โดยจะนำเข้าพิจารณาในการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 8 เม.ย.2558
b)MBKET มีมุมมองเชิงบวกต่อการออก Warrant ดังกล่าว เนื่องจากราคาแปลงสภาพที่ 14.00 บาท จะไม่ส่งผลกระทบให้เกิด Share Dilution ในระยะเวลาอันใกล้ และเป็นจัดโครงสร้างทางการเงินเพื่อรองรับการลงทุนใหญ่อย่างเหมืองโปรแตซที่คาดว่าจะได้ประทานบัตรใน 1H58 รวมทั้งโครงการอื่นๆในอนาคต
c)คาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปรับตัว Outperform ตลาดได้ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากจะมีการประชุมระหว่างคณะทำงานไทย – จีน เพื่อหารือแผนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ระหว่างวันที่ 10 – 12 มี.ค. 2558
d)คาดกำไรปกติปี 2558 เติบโต +56.9% yoy เป็น 904 ล้านบาท และราคาเหมาะสมมี Upside Risk จากโครงการเหมืองแร่โปรแตซอีก 11.00 บาทอต่อหุ้นที่ยังไม่ได้รวมไว้ในการประเมินมูลค่า
2.TPIPL : ราคาปิด 2.96 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a)ราคาหุ้น TPIPL วานนี้ปรับตัวลง -14.5% และทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ 2.58 บาท หรือ ลดลง -25.4%
b)จากแรงขายทำกำไรเนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นถึง 102.3% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแต่อย่างใด
c)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2558 ที่จะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะ โดย 18MW เริ่มจ่ายไฟแล้วตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา และอีก 55MW จะเริ่มจ่ายไฟในช่วงกลางปี 2558 และเป็นปัจจัยผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2558 เติบโตถึง +60.9% yoy เป็น 2,143 พันล้านบาท
d)และมีปัจจัยบวกรออยู่คือการเซ็นสัญญาขายไฟฟ้า (PPA) รวม 90 MW กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากเชื้อเพลิงขยะเพิ่มเติมอีก 60MW และโรงไฟฟ้าความร้อนทิ้งโรงงานปูนซีเมนต์แห่งที่ 4 อีก 30MW ได้ Adder 3.50 บาทระยะเวลา 7 ปี กำหนดขายไฟต้นปี 2560 และยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการของเรา
e)Valuation ยังถูกกว่าหุ้นในกลุ่มปูนซีเมนต์มาก เนื่องจากซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 1.0 เท่า ต่ำกว่า SCC ที่ 3.2 เท่า และ SCCC ที่ 3.9 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติซื้อสุทธิอีก US$116 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$216 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -4.9 210.3 5,737.2 13,190.4 9,188.0
KOSPI 101.7 0.0 752.1 6,165.50 4,875.1
JSE -16.0 1.4 905.0 3,750.60 -1,806.4
PSE 2.8 0.1 899.9 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 1.2 3.8 66.6 135.6 263.2
SET INDEX 31.4 Closed -252.0 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
นักลงทุนต่างชาติสะสมหุ้นไทยเป็นวันที่ 2
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,018 +1,856
SET50 Index Futures (สัญญา) -12,839 -6,329
SSF (สัญญา) +543 -1,667
Metal Futures (สัญญา) -153 -95
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +3,298 +3,478
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 1,018 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 2,874 ล้านบาท เทียบกับ 12 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิมากถึง 14,759 ล้านบาท และ YTD ขายสุทธิลดลงเหลือ 8,295 ล้านบาท
แต่ Short ใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 สูงถึง 12,839 สัญญา รวม 4 วันทำการ Short สุทธิสูงถึง 33,912 สัญญา และผลักดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิ เท่ากับ 25,174 สัญญา แม้ว่า S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 4 เท่ากับ 7.69 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 7.09 จุด
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 10 อีก 3,298 ล้านบาท รวม 10 วันทำการ ซื้อสุทธิ 27,691 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยจะทรงตัว โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี ลดลงเพียง 0.09bps ปิดที่ 2.679%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 983 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,242 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 93.56 4.11% 226.91
IRPC 88.71 9.73% 4.23
AOT 84.07 10.20% 293.56
ADVANC 83.90 6.30% 234.15
SCC 69.20 6.34% 536.03
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 คงสะสมกลุ่มธนาคารอย่างหนาแน่นต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 สูงถึง 1,933 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,102 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ซื้อสุทธิ 5,660 ล้านบาท โดยเร่งสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง สรุปภาพ NVDR ได้ดังนี้
1.กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 1,623 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,089 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้างซื้อสุทธิอีก 280 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 186 ล้านบาท กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 203 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 117 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด 184 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มเหล็ก ขายสุทธิ 174 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 1,466.77 60.74 BAY -190.31 30.70
STEC 285.36 33.98 MAX -175.06 30.05
KTB 200.96 22.41 INTUCH -170.22 33.13
SCC 198.14 42.77 DTAC -149.12 36.47
TOP 174.93 19.74 PTT -136.03 19.04
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong