- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 March 2015 15:59
- Hits: 1528
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ BAY Effect
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันอังคารที่ผ่านมา อ่อนตัวลงทดสอบแนว 1,570 จุดอีกครั้ง กดดันด้วย BAY เป็นสำคัญ แม้ว่าหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร เริ่มทรงตัวถึงฟื้นตัวเด่น ทั้ง KBANK / SCB รวมถึง SCC ก็ตาม แต่เกิดแรงขาย ณ ราคาปิดอย่างหนาแน่น กดดันให้ SET INDEX ปิดต่ำสุดของวันที่ 1,562.84 จุด ลบ 19.30 จุด หรือ 1.22% มูลค่าการซื้อขาย 60,891 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 13 วันทำการ 1,856 ล้านบาท คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 9 อีก 3,478 ล้านบาท แม้ว่าจะคงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 มากถึง 6,329 สัญญา สะท้อนกระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังมีทิศทางไม่ชัดเจนในการลงทุนตลาดหุ้นไทย
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ครม. อนุมัติ
oงบซ่อมแซม และก่อสร้างถนน วงเงิน 4.0 หมื่นล้านบาท
oและให้ผู้บริหารจัดการระบบรถไฟใต้ดินเดิม คือ BMCL เป็นผู้วางระบบและบริหารจัดการรถไฟสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ในรูปแบบของ Net Cost
•FTSE ประกาศเอาหุ้น BAY ออกจากการคำนวณดัชนีทุกประเภท มีผล ณ ราคาปิดวันที่ 20 มี.ค. ทั้งนี้ทุกๆ 1 บาทของการปรับตัวลง จะส่งผลกระทบต่อ SET INDEX ราว 0.79 จุด
•ติดตามการแถลงเป้าหมายเศรษฐกิจจีนของผู้นำจีน ต่อสภาฯ วันนี้
•วันนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางที่สำคัญ ECB / BOE โดยเฉพาะ ECB ต่อแนวทางการเข้าซื้อสินทรัพย์วงเงิน 6.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน เริ่มเดือนมี.ค.นี้
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 8 แม้ว่าภาพ SET INDEX ในวันนี้จะถูกลวงตาด้วย BAY หลัง FTSE ประกาศถอดหุ้น BAY ออกจากการคำนวณดัชนีทุกประเภทของ FTSE ย่อมส่งผลกระทบต่อ SET INDEX และ SET50 Index ในวันนี้อย่างมีนัยยะสำคัญ หากประเมินจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น BAY ที่เริ่มปรับตัวลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ย่อมสะท้อนถึงมุมมองของต่างชาติต่อหุ้น BAY ที่มีโอกาสถูกถอดถอนออกจากการคำนวณดัชนีดังกล่าว ส่งผลให้ ต่างชาติ เร่งเปิดสถานะ Short ใน SET50 Index อย่างหนาแน่นตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา น่าจะเป็นด้วยเหตุนี้
ขณะที่ภาพรวมของหุ้นหลักตัวอื่นๆ มีแนวโน้มทรงตัวได้ดี โดยเฉพาะหุ้นหลักกลุ่มธนาคาร เช่น KBANK / BBL / KTB ด้วยประเด็นเงินปันผลเป็นสำคัญ รวมถึงกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น
ดังนั้นการมอง SET INDEX ในภาพรวมเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิด “ภาพลวงตา” จากการปรับตัวลงของ BAY เพียงตัวเดียวในความเห็นของเรา
ปัจจัยต่างประเทศ ติดตามการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจจีนในมุมมองของผู้นำจีนในวันนี้ รวมถึงรายละเอียดการเข้าซื้อสินทรัพย์วงเงิน 6.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน ของ ECB ในวันนี้
ดังนั้นการลงทุนในปีนี้ เราจึงเน้นหุ้นขนาดกลาง / เล็ก ที่มีประเด็นการลงทุนเด่นเฉพาะตัวเป็นทางเลือกของการลงทุนมาตลอดนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพราะหุ้นใหญ่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับกระแสเงินทุนต่างชาติเป็นสำคัญ ซึ่ง SET INDEX ณ ปัจจุบันอยู่ในโซนที่แพง โอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างจริงจัง อาจเป็นการเข้ามาเก็งกำไรเงินปันผลในช่วงสั้นๆ เท่านั้น
ตลาด Nikkei – Kospi (7.32น.) เปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่า DJIA จะปิดลบตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนที่ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย ควรถือเพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,620 จุด +/- หรือผลตอบแทนจากการลงทุนระยะสั้นราว 5-10% เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจขายทำกำไรรอบสั้น”
Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: BMCL / KTB
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.BMCL : ราคาปิด 2.20 บาท ราคาเหมาะสม 2.42 บาท
a)MBKET ประเมินว่าราคาหุ้น BMCL จะตอบรับเชิงบวก หลังการประชุมครม.ในวันอังคารที่ผ่านมามีมติเห็นชอบได้แก่
I.ให้เจรจากับผู้บริหารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินรายเดิม คือ BMCL เพื่อบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย บางซื่อ – ท่าพระ และ หัวลำโพง – บางแค เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการเดินรถ รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุน
II.เสนอเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนจาก PPP แบบ Gross Cost เป็น PPP แบบ Net Cost คือให้สิทธิเอกชนในการเก็บค่าโดยสารและแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับรัฐฯ ซึ่งเป็นรูปแบบผลตอบแทนเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในปัจจุบัน
b)และเชื่อว่าการควบรวมกับ BECL จะส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เนื่องจากบริษัทใหม่ (BEM) ภายใต้การควบรวมแบบ Amalgamation จะมีความแข็งแกร่งมากทั้งฐานะการเงิน และโครงสร้างธุรกิจที่ครบวงจร และเปิดโอกาสในการเข้าประมูลงานระบบขนส่งมวลชนของประเทศได้มากขึ้น
c)แนะนำ “ทยอยสะสม” เพื่อใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นบริษัทใหม่ (BEM) และราคาเหมาะสมของเรามี Upside Risk จากการควบรวมกิจการ และการจ้างเดินรถแบบ Net Cost ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
d)อิงราคาปิดหุ้น BMCL วันอังคารที่ 2.20 บาท และส่วนต่าง Swap Ratio ระหว่าง BECL และ BMCL ที่ 20.58 เท่า จะเทียบเท่าราคา BECL ที่ 45.28 บาท เทียบกับราคาปิดหุ้น BECL ที่ 44.75 บาท ดังนั้น การซื้อ BECL เพื่อนำไปแลกเป็นบริษัทใหม่ (BEM) เป็นอีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนระยะกลางขึ้นไป
2.KTB : ราคาปิด 22.80 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)KTB ประกาศเงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 0.90 บาท ขึ้น XD 21 เม.ย. คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.9% จะช่วยจำกัด Downside Risk ให้กับราคาหุ้นในกระดาน
b)คาดสินเชื่อปี 2558 เติบโต +8% yoy จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ผลักดันให้สินเชื่อรายย่อย และ SME ขยายตัว นอกจากนั้น KTB ยังได้ประโยชน์โดยตรงจากการปล่อยกู้สินเชื่อโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในปีนี้
c)Coverage Ratio อยู่ในระดับสูงที่ 127% สิ้นสุด 4Q57 จาก 108% ใน 3Q57 จากการตั้งสำรองพิเศษจำนวนมากในปี 2557 ที่ผ่านมา
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +9.2% yoy เป็น 3.62 หมื่นล้านบาท และซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 1.25x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ PBV 1.42x และหุ้นในกลุ่ม ได้แก่ BAY 2.30x, KBANK 1.80x, SCB 1.78x และ TMB 1.73x
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติซื้อสุทธิอีก US$216 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$209 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 210.3 47.5 5,742.6 13,190.4 9,188.0
KOSPI 0.0 113.2 651.2 6,165.50 4,875.1
JSE 1.4 48.3 920.9 3,750.60 -1,806.4
PSE 0.1 -2.9 897.1 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 3.8 3.0 65.4 135.6 263.2
SET INDEX Closed -0.0 -283.4 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
นักลงทุนต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทยอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,856 -1
SET50 Index Futures (สัญญา) -6,329 -4,989
SSF (สัญญา) -1,667 -705
Metal Futures (สัญญา) -95 -43
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +3,478 +2,838
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 13 วันทำการ 1,856 ล้านบาท เทียบกับ 12 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิมากถึง 14,759 ล้านบาท และ YTD ขายสุทธิลดลงเหลือ 9,313 ล้านบาท
แต่ยังคงการ Short ใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 มากถึง 6,329 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิ 21,073 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Short เพิ่มขึ้น โดย YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิ 12,335 สัญญา กดดันให้ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 3 เท่ากับ 7.09 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.87 จุด
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 อีก 3,478 ล้านบาท รวม 9 วันทำการ ซื้อสุทธิ 24,393 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 2.98bps ปิดที่ 2.6798%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เร่งขึ้นเป็น 1,242 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 541 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 216.85 6.34% 14.19
AOT 119.71 15.31% 298.90
KBANK 86.90 4.20% 223.10
ADVANC 85.87 6.91% 234.44
PTT 70.13 6.06% 342.10
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 กลับมาสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างหนาแน่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 มากถึง 1,102 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 870 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ซื้อสุทธิ 3,727 ล้านบาท โดยกลับมาสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างหนาแน่น สรุปภาพ NVDR ได้ดังนี้
1.กลุ่มธนาคาร ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 1,089 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 281 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 186 ล้านบาท และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 157 ล้านบาท
2.กลุ่มพลังงาน กลับถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 227 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 433 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 156 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 97 ล้านบาท และกลุ่มเหล็ก ขายสุทธิ 98 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 883.46 41.36 PTT -345.15 18.61
STEC 187.93 36.51 PTTGC -115.47 11.55
SCB 184.35 18.67 MAX -100.82 13.63
SCC 164.00 28.10 AOT -74.28 11.56
JAS 135.63 6.49 INTUCH -68.87 25.22
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong