- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 03 March 2015 18:16
- Hits: 1144
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงปรับฐานลงสวนทางกับที่คาด โดยลงไปทดสอบแนวรับบริเวณ 1,575 จุด +/- กดดันด้วย ADVANC / AOT / BBL ขณะที่หุ้นพลังงานทางเลือกกลับขยับขึ้นเด่น ไม่ว่าจะเป็น SUPER / EA / IFEC รวมถึงหุ้นขนาดกลางอื่นๆ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบเล็กน้อย 4.87 จุด มาอยู่ที่ 1,582.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 61,003 ล้านบาท
ทั้งนี้ ต่างชาติยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 12 เพียง 1 ล้านบาท คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 4,989 สัญญา ทั้งนี้นักลงทุนกลุ่มนี้เลือกลงทุนในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 8 อีก 2,838 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•อัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.ของไทย -0.52% yoy ใกล้เคียงคาดที่ -0.50% yoy สร้างโอกาสต่อการประชุม กนง. วันที่ 11 มี.ค. อาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้
•ติดตามการประชุมครม. เตรียมพิจารณา
oงบซ่อมแซม และก่อสร้างถนน วงเงิน 4.0 หมื่นล้านบาท
oการหาผู้เข้ามาวางระบบและบริหารจัดการ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย
•กระแสเงินทุนต่างชาติยังอยู่ในไทย เพียงแต่โยกจากตลาดหุ้นเข้าตลาดตราสารหนี้
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 7 แม้ว่าภาพรวมของ SET INDEX จะยังอ่อนแอ แกว่งแคบบริเวณ 1,580 จุด +/- หากพิจารณาจะพบว่าหุ้นหลัก 5 ตัวที่เป็นตัวกำหนดทิศทาง SET INDEX และ SET50 Index นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้แก่ AOT / BAY / KBANK / PTT / SCC อาจกลายเป็นเครื่องมือของการเก็งกำไรต่อ SET50 Index Futures ผ่านหุ้นหลักดังกล่าว กลายเป็น “ภาพลวงตา” ของจิตวิทยาการลงทุนนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
หากพิจารณาการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างชาตินับตั้งแต่กลางเดือนก.พ.ที่ผ่านมาพบว่า ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยตลอด 12 วันทำการ 14,759 ล้านบาท เร่งปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้าใน SET50 Index Futures ด้วยการมีสถานะ Short สุทธิหนาแน่นในช่วงหลังๆที่ผ่านมา แต่กลับซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ไทยตลอด 8 วันทำการ 20,915 ล้านบาท เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจเดือนม.ค.ส่งสัญญาณอ่อนแอ และอาจกลายเป็นแรงกดดันให้ กนง. พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 11 มี.ค.นี้ นักลงทุนกลุ่มนี้จึงเข้าไปเก็งกำไรในตลาดตราสารหนี้ช่วงสั้น เราเชื่อว่าเมื่อการประชุมกนง.เสร็จสิ้น เงินทุนดังกล่าวจะกลับเข้าตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นปันผลเด่น ทั้งในกลุ่มธนาคาร / ICT / อสังหาฯ
ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัวจะขยับขึ้นเด่นกว่าค่าเฉลี่ย ในวันนี้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการประชุม ครม.ในวันนี้ได้แก่ TASCO / BMCL มีแนวโน้มเกิดภาวะเก็งกำไรหนาแน่น นอกเหนือจากหุ้นขนาดกลางอื่นๆ ที่มีประเด็นเชิบวกเฉพาะด้าน
ตลาด Nikkei – Kospi (7.24 น.) เปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่าค่าเงินเยนจะอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และ DJIA ปิดทำระดับสูงสุดใหม่
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนที่ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย ควรถือเพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,620 จุด +/- หรือผลตอบแทนจากการลงทุนระยะสั้นราว 5-10% เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจขายทำกำไรรอบสั้น”
Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: BMCL / TASCO
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.TASCO : ราคาปิด 97.00 บาท ราคาเหมาะสม 110.00 บาท
a)MBKET คาดว่าราคาหุ้น TASCO จะ Outperform ตลาดในวันนี้ เนื่องจากครม.จะพิจารณาอนุมัติแผนพัฒนาระบบขนส่งทางถนนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทโดยใช้วงเงินกู้ 4 หมื่นล้านบาท และเป็นบวกโดยตรงต่อยอดขายยางมะตอยของ TASCO ผู้ผลิตยางมะตอยรายใหญ่ของประเทศ
b)คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2558 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่ลดง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตยางมะตอย ขณะที่ราคาขายยางมะตอยปรับตัวลงในอัตราที่ช้ากว่าต้นทุนที่ลดลง จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปี 2558 ให้เร่งตัวขึ้น
c)ผลักดันให้ผลประกอบการปี 2558 เติบโต +24.8% yoy เป็น 1,500 ล้านบาท และเติบโต +11.9% yoy เป็น 1,679 ล้านบาท
d)Valuation ยังถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 9.9 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 15.2 เท่า และจะขึ้น XD เงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 1.00 บาท ในวันที่ 6 มี.ค. พร้อมทั้งเสนอแตกพาร์จาก 10.00 บาท เหลือ 1.00 บาทในการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 7 เม.ย.
2.BMCL : ราคาปิด 2.16 บาท ราคาเหมาะสม 2.42 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวก หลังเข้าร่วม Roadshow กับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในวันศุกร์ที่ผ่านมา
b)ราคาหุ้นมีประเด็นบวกระยะสั้นรออยู่ โดยคาดว่ากระทรวงคมนาคมจะนำเสนอที่ประชุมครม.ในวันนี้
I.เพื่อเสนอให้เจรจากับ BMCL ผู้ให้บริการรถไฟฟาสายสีน้ำเงินในปัจจุบันได้เดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดความต่อเนื่องในการเดินรถ และประหยัดค่าก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง รวมทั้งระบบควบคุมการเดินรถ
II.และอาจเปลี่ยนการจ้างงานแบบ Gross Cost คือการจ้างเอกชนทำหน้าที่เดินรถแล้วจ่ายเงินเป็นค่าจ้างแบบกำหนดราคาคงที่ เป็นแบบ Net Cost คือให้สิทธิเอกชนในการเก็บค่าโดยสารและแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับรัฐฯ ซึ่งเป็นรูปแบบผลตอบแทนเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในปัจจุบัน
c)และเชื่อว่าการควบรวมกับ BECL จะส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เนื่องจากจะส่งผลให้บริษัทใหม่ (BEM) ภายใต้การควบรวมแบบ Amalgamation มีความแข็งแกร่งมากทั้งฐานะการเงิน และโครงสร้างธุรกิจที่ครบวงจร และเปิดโอกาสในการเข้าประมูลงานระบบขนส่งมวลชนของประเทศได้มากขึ้น
a)แนะนำ “ทยอยสะสม” เพื่อใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นบริษัทใหม่ (BEM) และราคาเหมาะสมของเรามี Upside Risk จากการควบรวมกิจการ และการจ้างเดินรถแบบ Net Cost ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 อีก US$209 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$284 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 47.5 280.6 5,389.7 13,190.4 9,188.0
KOSPI 113.2 -0.2 246.0 6,165.50 4,875.1
JSE 48.3 16.2 897.2 3,750.60 -1,806.4
PSE -2.9 8.9 897.8 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 3.0 1.6 58.0 135.6 263.2
SET INDEX -0.0 -23.7 -340.8 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
นักลงทุนต่างชาติยังคงเลือก เก็งกำไรการประชุม กนง. ผ่านตลาดตราสารหนี้
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -1 -767
SET50 Index Futures (สัญญา) -4,989 -9,755
SSF (สัญญา) -705 +182
Metal Futures (สัญญา) -43 -678
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +2,838 +9,582
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 12 เหลือเพียง 1 ล้านบาท ผลักดันให้ 12 วันทำการขายสุทธิขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 14,759 ล้านบาท และ YTD ขายสุทธิ 11,169 ล้านบาท
พร้อมคงการ Short ใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 4,989 สัญญา คาดเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 6.87 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 5.70 จุด
ทั้งนี้นักลงทุนกลุ่มนี้นำเงินสดเข้าพักที่ตลาดตราสารหนี้ ด้วยการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 อีก 2,838 ล้านบาท รวม 8 วันทำการ ซื้อสุทธิ 20,915 ล้านบาท ผลักดันให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยขยับขึ้นเด่นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 3.99bps ปิดที่ 2.650%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 541 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 235 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 138.67 3.97% 14.46
ADVANC 118.13 7.04% 230.22
AOT 65.20 6.15% 303.10
IRPC 28.17 3.20% 4.40
LH 26.83 46.14% 10.25
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เน้นสะสมกลุ่มพลังงานเกือบครึ่ง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 870 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 871 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 2,625 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นสะสมกลุ่มพลังงานอย่างหนาแน่น ขณะที่กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิลดลงอย่างเห็นได้ชัด สรุปภาพ NVDR ได้ดังนี้
1.กลุ่มพลังงาน ถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 433 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 324 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 139 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 922 ล้านบาท กลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 135 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้างซื้อสุทธิ 125 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 97 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ขายสุทธิ 49 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
INTUCH 282.20 33.61 ADVANC -413.32 26.89
JAS 281.89 8.48 BBL -193.50 22.81
SCC 217.45 30.23 PTTGC -91.92 14.66
KBANK 200.71 56.35 TPIPL -63.22 7.99
IRPC 196.35 15.38 TISCO -56.38 45.97
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong