- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 02 March 2015 16:54
- Hits: 1225
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET กลับมาทรงตัวเพื่อรอรีบาวด์อีกครั้ง แต่ยังต้องระวังแกว่ง
กลยุทธ์ : SET กลับมาแกว่งทรงตัวแคบอีกครั้ง ทำให้คาดว่ามีลุ้นโอกาสรีบาวด์ต่อ ดังนั้นซื้อแล้วยังเน้นถือไว้ก่อนได้ แต่เทรดดิ้งสั้นต้องระวังผันผวน
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MTLS, TCC, SAMART(short)
แนวโน้ม : SET เริ่มกลับมาแกว่งตัวผันผวนในกรอบจำกัดเหมือนเดิม หลังจากวันก่อนหน้าปรับตัวลงรุนแรงจากข่าวที่ว่าสถาบันต่างประเทศบางแห่งได้ออกรายงาน downgrade Thailand เป็น Underweight แต่สุดท้ายก็ยังมีแรงซื้อดันดัชนีให้กลับขึ้นมาปิดได้ดีอยู่ ขณะที่เช้านี้แม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงแรงพอควร หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยข้อมูล GDP ไตรมาส 4/2015 ของสหรัฐลดลงจากที่รายงานเบื้องต้น แต่ก็ยิ่งสนับสนุนความเชื่อที่ว่าเฟดจะยังไม่รีบขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วนัก นอกจากนี้ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมายังมีประเด็นบวกจากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของจีนด้วย ทำให้ตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดเป็นบวก ซึ่ง FSS คาดว่าน่าจะช่วยสนับสนุนให้ SET มีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นต่อเนื่องจากช่วงท้ายสัปดาห์ก่อนได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในบ้านเราที่ยังมีออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดหุ้นและตลาดฟิวเจอร์สอาจจะยังกดดันความมั่นใจของนักลงทุนอยู่และส่งผลให้ SET ยังมีโอกาสผันผวนต่อเนื่องได้ ดังนั้นเทรดดิ้งสั้นจึงยังต้องใช้ความระมัดระวัง แต่ถ้าซื้อลงทุนเรายังแนะให้ถือไว้ก่อน
แนวรับ 1586-1584 , 1582-1576 จุด
แนวต้าน 1590-1595 , 1597-1603 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผานมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 ในปริมาณหนาแน่นขึ้นเป็น US$1,868 ล้าน เพิ่มขึ้นจาก US$101 ล้านเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนศุกร์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$116.8 ล้าน อินโดนีเซีย US$16.2 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$8.9 ล้าน และเวียดนาม US$1.6 ล้าน แต่ขายไทย US$23.7 ล้าน ขณะที่ไต้หวันปิดทำการ ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย Flow น่าจะไหลเข้าต่อเนื่อง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) เศรษฐกิจต้นปีไม่สวยแต่ยังไม่ถอดใจ ธปท.รายงานเศรษฐกิจเดือน ม.ค. ฟื้นตัวช้า มีเพียงการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ส่วนการลงทุนและการบริโภคของภาคเอกชนทรงตัวจากเดือนก่อน เพราะไม่มีแรงกระตุ้นการลงทุนจากภาครัฐ ขณะที่ภาคครัวเรือนยังระมัดระวังการใช้จ่ายเพราะหนี้ยังสูง ส่วนการส่งออกไม่สดใสโดยเฉพาะสินค้าเกษตร แต่เรายังหวังว่า GDP ในปีนี้จะโตเกิน 4% จากการลงทุนเป็นหลัก โดยเริ่มเห็นการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณบ้างแล้ว ส่วนการจับจ่ายใช้สอยโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงน้อยอาจฟื้นใน 2H15 และยังคาดว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 16 มี.ค.นี้
(-) กำไรสุทธิของบมจ. (FSS Coverage) ใน 4Q14 ลดถึง 74% Q-Q และ 75% Y-Y ต่ำกว่าคาดกว่า 30% ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และโรงไฟฟ้าที่กำไรน่าผิดหวังและต่ำกว่าคาดมากที่สุด ฉุดกำไรสุทธิทั้งปีลด 16.2% หลังนักวิเคราะห์ปรับประมาณการปี 2015 แล้วคาดกำไรสุทธิโต 32.5% เป็น 102 บาท/หุ้น (ต่ำกว่าเดิมที่ 105 บาท/หุ้น) กลุ่มที่ฟื้นแรงสุดกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งเราตั้งสมมติฐานว่าไม่มีขาดทุนจากสต๊อก ทำให้ Forward PE ของตลาดอยู่ที่ 15 เท่า ไม่ถูกนักแต่เชื่อว่ายังมีหุ้นรายตัวให้เลือกลงทุนได้เช่น KTB, MTLS, AAV, HMPRO, M, EPCO, PT, BEAUTY
(+) CENTEL กำไรตามคาด กำไรสุทธิ 4Q14 +184% Q-Q, +64% Y-Y ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี +7% แนวโน้มปี 2015 เราคาดโตในอัตราเร่ง +23% จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นเร็ว ส่วนธุรกิจอาหารจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคอย่างช้าๆ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท บริษัทจ่ายปันผล 0.40 บาท/หุ้น (yield 1.3%) XD 29 เม.ย.
(+) TUF กำไรปกติ 4Q14 -37% Q-Q, +22% Y-Y ใกล้เคียงคาด ทำให้กำไรปกติทั้งปี +106% แนวโน้มกำไรปกติใน 1Q15 ยังไม่สดใสนักแต่เราปรับกำไรปกติทั้งปีขึ้น 8% เป็นเติบโต 37% จากการรวมกิจการของ Bumble Bee เข้ามาใน 4Q15 แต่ EPS เพิ่มเพียง 18% เพราะผลของการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม 5.4 : 1 @15 บาท เราปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 25 บาทจาก 24 บาท (หลังเพิ่มทุนเป็น 20-21 บาท) ยังแนะนำซื้อ
(0) KAMART พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 21 ล้านบาทใน 4Q14 จากการตัดขายสินทรัพย์ธุรกิจเก่า แต่ธุรกิจขายเครื่องสำอางค์ยังไปได้ดี เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ฟื้น 142% จากฐานต่ำ และถือว่า Turnaround ยังคงราคาเป้าหมาย 9 บาทและยังคงแนะนำซื้อ
(-) HEMRAJ กำไร 4Q14 ต่ำกว่าคาด -11% Q-Q, -81% Y-Y ทำให้กำไรปกติทั้งปี +16% แม้รายได้จากการโอนที่ดินที่นิคมฯจะลดถึง 159% แต่รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นมากจาก Gheco-One สำหรับปี 2015 บริษัทมี Backlog ต้นปีที่ 1.3 พันล้านบาท และตั้งเป้าว่าปีนี้จะขายได้ 1.4 พันล้านบาท เราคาดกำไรปกติโต 8% แนะนำขายเพราะเต็มมูลค่าที่ 4 บาท แต่ราคาหุ้นระยะนี้น่าจะเคลื่อนไหวตามราคา Tender ที่ 4.50 บาทไปก่อน
(-) CPF ธุรกิจหลักใน 4Q14 พลิกเป็นขาดทุน 467 ล้านบาท แย่กว่าเราและ Consensus คาดเพราะธุรกิจกุ้งขาดทุน ธุรกิจสัตว์บกแย่ลง และธุรกิจต่างประเทศขาดทุนหนัก และจะแย่ต่อใน 1Q15 ปรับลดกำไรปกติปีนี้ลง 32% เหลือ 8.5 พันล้านบาท +44% Y-Y ปรับเป้าหมายลงเป็น 31 บาทจาก 37.50 บาท ชะลอการซื้อจนกว่าจะเข้าสู่ High season ในช่วง 2Q15
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่วันศุกร์ที่ผ่านมาขยับลงอีกเล็กน้อยแม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่มีรายงานว่าตัวเลข GDP 4Q14 ปรับตัวลดลงจากที่เคยรายงานเบื้องต้น
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องและสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปีก่อนการประชุม ECB ทีมีแผนจะออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณในเดือน มี.ค.
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกโดยได้รับแรงหนุนหลังธนาคารกลางจีนมีการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกด้านข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.28-32.46 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 49.79 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.59 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงแรงในวันก่อนหน้า รวมถึงกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุปสงค์รวมถึงอุปทานที่ดีขึ้น
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 1213.10 ดอลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.00 เหรียญ/ออนซ์ หลังมีรายงานตัวเลข GDP 4Q14 ลดลงจากประมาณการเบื้องต้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
2 มี.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
- สหรัฐ: Personal Income (ม.ค.), ISM Manufacturing (ก.พ.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.), Markit Manufacturing PMI (ก.พ.)
3 มี.ค. - ไทย: BIG (เดิมชื่อ SUN) กลับมาเทรดในกลุ่มพาณชย์ ไม่มี Ceiling & Floor
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลางประชุม
4 มี.ค. - จีน: HSBC China Composite PMI (ก.พ.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacturing Composite PMI (ก.พ.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ก.พ.)
5 มี.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.พ.)
- สหรัฐ: รายงาน Beige Book
- ยูโรโซน: ECB ประชุม
6 มี.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.พ.) (ตลาดคาดเพิ่ม 2.45 แสนราย ลดลงจากเดือนก่อนที่เพิ่ม 2.57 แสนราย)
- ยูโรโซน: 4Q14 GDP
8 มี.ค. - จีน: ดุลการค้า (ก.พ.)
10 มี.ค. -จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852