- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 27 February 2015 16:52
- Hits: 2547
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อตามด้วยค่าบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยผันผวนมาก โดยในวันลงไปต่ำสุด 1566.96 (-22.37 จุด) เพราะวิตกกับตัวเลขส่งออกเดือนม.ค.58ที่อ่อนแอและกำลังซื้อภายในที่ฟื้นตัวช้า แต่ตลาดก็ดีดกลับขึ้นมาปิด +4.22 จุดที่ 1593.55 ได้ด้วยแรงซื้อหุ้นพื้นฐานดี โดยกลุ่มที่ซื้อกลับโดดเด่นอยู่ในกลุ่มสื่อสาร โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะหม่อมอุ๋ยแถลงว่ารัฐบาลจะเร่งผลักดันการเปิดประมูล 4G ให้เป็นไปได้ตามแผนคือปลาย 3Q58 นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อ 2.8 พันล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิ 1.6 พันล้านบาท พอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิตลาดยังจับตารายงานผลประกอบการปี 57 ในวันนี้ต่อเนื่องถึงต้นสัปดาห์หน้า โดยจากข้อมูลที่ออกมาแล้วพบว่ากำไรสุทธิ 4Q57 หดตัวแรงกว่า60%YoY และกว่า 60%QoQ ส่วนทั้งปี 57 ทรงตัว ซึ่งใกล้เคียงกับที่เราประเมินไว้ สำหรับปี 58 คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิบจ.จะขยายตัวได้ 10-12% โดยหลักมาจากการฟื้นตัวของกำไรกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี และขนส่ง รวมถึงการเติบโต & Turnaround ของกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ส่วนปัจจัยภายนอกโดยรวมค่อนไปทางบวกเล็กๆ จากความคาดหวังเกี่ยวกับการใช้ QE ของยูโรโซน ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่มี.ค.58 และไปสิ้นสุดก.ย.59 โดยเข้าซื้อพันธบัตรภาครัฐและเอกชนเดือนละประมาณ 6 หมื่นล้านยูโร กลยุทธการลงทุน : เลือกและทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยเฉพาะจังหวะที่ราคาหุ้นอ่อนตัว หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น INTUCH
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวกเล็กๆ แนวต้านระยะสั้นให้ไว้ที่ 1600-1610, 1620 จุด ค่าลบควรชะลอการลงทุน การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น (แนวรับที่ 1580-1570 จุดได้ถูกทดสอบไปแล้วเมื่อวานนี้ ถ้าอ่อนตัวต่อจะมีแนวรับถัดไป 1560-1550 จุด)การปรับขึ้นของ SET แล้วไม่ผ่าน High เดิม คือ 1620 จุด ให้ขายออกไปก่อน สำหรับการ Scan หุ้นมีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ Newhigh พบว่าหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ WORK, RCI, WHA, TGCI, TVD หุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ ANAN, UWC, AAV ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Takeprofit คือ TFD
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ยูโรโซน : การเข้าซื้อพันธบัตรตามโครงการ QE ของ ECB จะเริ่มในเดือนมี.ค.58 นี้ ซึ่งประเมินว่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดได้ แม้ว่าประสิทธิผลของ QE ยูโรโซนจะไม่มากเท่ากับ QE สหรัฐก็ตาม
- สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานชะลอตัวลง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 21 ก.พ. เพิ่มขึ้น 31,000 รายสู่ระดับ 313,000 ราย ซึ่งสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์
+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน +2.8% ในเดือนม.ค.58 มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ +0.6% ซึ่งส่งสัญญาณว่าภาคธุรกิจได้เพิ่มการลงทุนในช่วงต้นปีนี้
• ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ได้แก่ ประมาณการ GDP ประจำ 4Q57ครั้งที่ 2, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.58 จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pendinghome sales) เดือนม.ค.58 เป็นต้น
•/- รัสเซีย vs ยูเครน : บริษัท ก๊าซพรอม (บริษัทก๊าซของรัสเซีย) จะตัดการส่งจ่ายก๊าซไปยังยูเครนภายในปลายสัปดาห์นี้ หากยูเครนไม่ทำการชำระค่าก๊าซให้แก่ทางบริษัท คำขู่ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากยูเครนระงับการส่งก๊าซไปยังภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นเขตที่กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนยูเครนยึดครองไว้
• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดเปลี่ยนไม่มาก ดัชนี DJIA ปิดลดลง 10.15 จุด หรือ-0.06% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 20.75 จุด หรือ +0.42% และดัชนีS&P500 ลดลง 3.12 จุด หรือ -0.15% โดยหุ้นกลุ่มพลังงานถ่วงตลาด แต่กลุ่มเทคโนโลยียังปรับขึ้นดี โดยมีรายงานว่ากูเกิลจับมือกับแบล็คเบอร์รี่และซัมซุง อิเล็กทรอนิก เพื่อนำเสนอโซลูชั่นจัดการอุปกรณ์พกพาสำหรับองค์กรให้สามารถรันบนระบบแอนดรอยด์ได้ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วช่วยพยุงตลาด
- สัญญาน้ำมันดิบดิ่งลงตามคาด โดยเป็นผลจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นทำ New High อีกรอบ & ผลิตเพิ่มสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 2.82 ดอลลาร์ปิดที่ 48.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ร่วงลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่60.05 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐรอบสัปดาห์สิ้นสุด 20 ก.พ. พุ่งขึ้น 8.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่434.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันในรอบสัปดาห์ดังกล่าวเพิ่มเป็น 9.285 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.พุ่งขึ้น 8.6 ดอลลาร์หรือ +0.72% ปิดที่ระดับ 1,210.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหนุนในช่วงสั้นคือ รายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติฮ่องกงที่ระบุว่า ยอดการนำเข้าทองคำของฮ่องกงพุ่งขึ้นแตะระดับ 76.118 ตันในเดือนม.ค.58 แต่การปรับขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• SCB : รับผิดชอบความเสียหายเงินฝากที่หายไป 1.5 พันล้านบาท แต่มีเงื่อนไขขอเป็นเจ้าหนี้ร่วมกับสจล.เพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำความผิดต่อไป โดยผู้บริหารธนาคารและสจล.จะมีการแถลงรายละเอียดร่วมกันในวันนี้ (27 ก.พ.58) 10.00-11.00 น.
ความเห็น Retail Research : ผลกระทบต่องบกำไรขาดทุนของ SCBจากกรณีนี้ไม่มาก โดยจำนวนเงินที่จะรับผิดชอบ 1.5 พันล้านบาทคิดเป็น2.5% ของประมาณการกำไรสุทธิ และคิดเป็น 0.44 บาท/หุ้น
- THAI : แจงเที่ยวบิน TG 641 นาริตะ-กรุงเทพเจอสภาพแปรปรวน บาดเจ็บ 11 คน โดยกัปตันได้ควบคุมเครื่องบินลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยความปลอดภัยในเวลา 15.51 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)
ความเห็น Retail Research : เป็น Sentiment ทางลบกับหุ้น THAI แต่กระทบผลดำเนินงานจำกัดมาก อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 57-58 ผลประกอบการบริษัทยังไม่ดีเพราะปีก่อนถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ (ปี 57 ขาดทุนสุทธิ 15.6 พันล้านบาท : -7.15 บาท/หุ้น ด้านBVS ณ สิ้นธ.ค.57 เท่ากับ 18.88 บาท/หุ้น) ส่วนปี 58 อยู่ในช่วงของการปรับองค์กรทำให้จะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของธุรกิจสายการบินไม่เต็มที่ เรายังแนะนำ Underperform หุ้น THAI และแนะนำซื้อ AAV
+ AAV : กำไรสุทธิ 4Q57 ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดย CoreProfit (ไม่รวมกำไรจาก FX) อยู่ที่ 412 ล้านบาท ฟื้นตัวจากที่เป็น CoreLoss ใน 3Q57 ที่ 293 ล้านบาท ปัจจัยหนุน คือ ราคาน้ำมัน Jet Fuel ที่ลดลงและการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ใน 4Q57 จำนวนผู้โดยสารบริษัทเพิ่มขึ้น 16%YoY รายได้สูงขึ้น 21%YoY เพราะอัตราค่าตั๋วเครื่องบินสูงขึ้นประมาณ 5-6%YoY แนวโน้มปี 58 คาดว่าจะทำกำไรได้ดีขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 1.45 พันล้านบาท (EPS : 0.30 บาท/หุ้น) ปัจจัยผลักดัน คือ1) จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 15% ตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ, 2) Cabin factor เพิ่มขึ้น, 3) ต้นทุนน้ำมันลดลง หากให้Target P/E เท่ากับ 20 เท่าจะได้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 6 บาท
+ANAN : กำไรสุทธิ 4Q57 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเท่ากับ 647 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนดำเนินงานต่อรายได้ลดลง (ผ่านช่วงไม่สมดุลระหว่างรายได้และค่าใช้จ่ายในช่วงแรกของการเปิดโครงการไปแล้ว) สำหรับทั้งปี 57 มีกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท (EPS : 0.39 บาท)โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 12.3% (เพิ่มก้าวกระโดดจาก 8.8% ในปี 56) ส่วนปี58 คาดการณ์ว่าจะไปได้ดี ณ สิ้นปี 57 มี Backlog 2.72 หมื่นล้านบาท(รับรู้รายได้ในปี 58-60) และปี 58 จะเปิดขายโครงการใหม่ 12 แห่งมูลค่ารวม 3.15 หมื่นล้านบาท (แบรนด์คือ แอชตัน ไอดีโอ อาร์เด้น)บริษัทแจ้งว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ ANAN มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงินน้อย โดยสัดส่วนการซื้อเงินสดอยู่ที่ 25-35% และอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อมีเพียง 6% หากบริษัทรับรู้รายได้ปี 58 เท่ากับ 1.15หมื่นล้านบาท หากมีอัตรากำไรสุทธิ 12.5% จะมีกำไรสุทธิ 1.34 พันล้านบาท (EPS : 0.43 บาท/หุ้น) ให้ Target P/E 10 เท่าจะได้ราคาเป้าหมายปีนี้ 4.30 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]