- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 27 February 2015 15:46
- Hits: 1458
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ปรับลงแรงแต่ยังมีแรงซื้อหนุน ทำให้ยังลุ้นขึ้นต่อได้!
กลยุทธ์ : แม้ SET จะปรับลงแรงเกินคาด แต่ก็มีแรงซื้อหนุนกลับได้ไว ทำให้ยังลุ้นแกว่งทรงตัวเพื่อขึ้นต่อได้ตามคาด ดังนั้นซื้อแล้วเน้นถือไว้ก่อนเช่นเดิม
หุ้นเด่นทางเทคนิค : ANAN, AUCT, PTG(buy back)
แนวโน้ม : SET ปรับตัวลงรุนแรงต่อเนื่องในช่วงเช้าวานนี้ จากข่าวที่ว่าสถาบันต่างประเทศบางแห่งได้ออกรายงาน downgrade Thailand เป็น Underweight ด้วยเหตุผลว่าขยับขึ้นมาต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่มีการ revise down กำไรของ บจ.ต่างๆ ลง ทำให้ที่ระดับดัชนีปัจจุบันถือว่าแพงเกินไป แต่ก็กดดันตลาดเพียงช่วงสั้น เพราะหลังจากนั้นในภาคบ่ายเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ SET มีจังหวะรีบาวด์ขึ้นมาได้ดีและปิดเป็นบวกได้ในที่สุด ทำให้ FSS ยังคาดว่าโอกาสที่ SET จะกลับไปแกว่งตัวบวกต่อเนื่องได้ตามคาดยังเป็นไปได้อยู่ อย่างไรก็ตามเช้านี้มีแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกกลับมาปรับตัวลงแรงอีกครั้ง เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานที่ยังมีสูงเกินไป หลัง EIA ระบุสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 8 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอาจทำให้ SET ยังมีลักษณะแกว่งตัวผันผวนได้อีก แต่แรงซื้อที่มีเข้ามาหนุนทั้งตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงท้ายและในตลาดยุโรป ก็ยังทำให้ความมั่นใจในการลงทุนยังมีอยู่ ดังนั้นเราคาดว่ากรอบปรับลงของ SET จะยังจำกัดอยู่ภายในกรอบเดิมก่อนลุ้นขึ้นต่อได้
แนวรับ 1590-1584 , 1575-1565 จุด
แนวต้าน 1597-1603 , 1608-1612 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ในปริมาณที่หนาแน่น โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$280.6 ล้าน เกาหลีใต้ US$197.5 ล้าน อินโดนีเซีย US$96.7 ล้าน เวียดนาม US$3.6 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$0.5 ล้าน แต่ยังไทย US$88.0 ล้าน ต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) BEAUTY เพิ่มสวยด้วยการแตกพาร์ กำไรสุทธิ 4Q14 สร้างจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง +29% Q-Q, +94% Y-Y มากกว่าที่คาด 23% จากรายได้ที่โตตามการขยายสาขาและการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้กำไรทั้งปีโต 42% เป็น 301 ล้านบาทสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราปรับกำไรสุทธิปี 2015-17 ขึ้นเฉลี่ย 7% ต่อปี ทำให้กำไรปี 2015 โต 28% และปี 2016 โตอีก 24% ROE ขึ้นไปยืนเหนือ 30% ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 49 บาทจาก 40 บาท บริษัทจ่ายปันผล 0.64 บาท/หุ้น (Yield 1.7%) และจะแตกพาร์จาก 10 บาทเป็น 0.10 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
(+) PT กำไรสุทธิ 4Q14 สร้างจุดสูงสุดใหม่จากการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น โดยกำไรเพิ่มแรงถึง 79% Q-Q และ 144% Y-Y เราคาดกำไรสุทธิปี 2015 โตต่อเนื่อง 10% และได้ประโยชน์จาก Digital Economy ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท
(+) EPCO กำไรสุทธิ 4Q14 เพิ่มขึ้น 16% Q-Q และ 196% Y-Y เป็นไปตามคาด โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่รับรู้รายได้ที่มีอยู่ 16.078 MW เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2015 เพิ่มขึ้น 15% แต่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นหากโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นจ่ายไฟได้เร็วกว่าคาด แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.20 บาท
(+) CK กำไรดีกว่าคาดมาก กำไรปกติ 4Q14 -43% Q-Q, -22% Y-Y ดีกว่าคาดมากจากรายได้อื่นที่ดีกว่าคาดและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น (ไซยะบุรีพาวเวอร์และ CKP มีกำไรดีขึ้น ส่วน BMCL ขาดทุนลดลงมาก) ทำให้กำไรปกติทั้งปีเพิ่มขึ้น 36% และมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 24% ในปี 2015 หากการรวมกิจการระหว่าง BECL และ BMCL แล้วเสร็จใน 3Q15 เพราะ CK จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจาก Merged Co. (ปัจจุบันรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนของ BMCL แต่กับ BECL รับรู้ในรูปเงินปันผล) นอกจากนี้ ราคาหุ้น CK ถือว่า laggard กว่ากลุ่ม เราจึงยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 33 บาท
(+) QH กำไรปกติ 4Q14 ลดลง 37% Q-Q และ 14% Y-Y ต่ำกว่าคาด 19% จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงกว่าคาด และทำให้กำไรปกติทั้งปีเพิ่มขึ้น 4% เรายังคงคาดกำไรปกติปี 2015 โต 12% ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.90 บาท บริษัทจ่ายหุ้นปันผล 6 : 1 และเงินสด 0.01852 บ./หุ้น (Yield 4.6%) QH เป็น Top pick ของเราจากจุดเด่นที่จับกลุ่มลูกค้าบ้านแนวราบได้ถูกทางและปีนี้ยังรุกเข้าสู่ตลาดคอนโดระดับล่างราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการอาศัยอยู่จริง
(-) CPF ผลการดำเนินงานหลัก 4Q14 พลิกเป็นขาดทุน 467 ล้านบาท แย่กว่าทั้งเราและ Consensus คาด รายได้ที่น้อยกว่าคาดและค่าใช้จ่ายที่มากกว่าคาด ส่วนกำไรสุทธิที่ประกาศ 808 ล้านบาทส่วนใหญ่มาจากกำไรขายเงินลงทุน แนวโน้มผลการดำเนินงานหลัก 1Q15 น่าจะแย่ต่อเพราะราคาไก่อ่อนตัวลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 35 บาท/กก. เท่ากับต้นทุนการเลี้ยงแล้ว เราอยู่ระหว่างปรับลดประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายจากปัจจุบันให้ไว้ 37.5 บาท ภายหลังประชุมนักวิเคราะห์เช้านี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาขยับลงเล็กน้อยหลังพุ่งขึ้นทำ New High ในช่วงก่อนหน้า โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงอีกครั้งรวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่น่าตื่นเต้น
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวกได้โดยได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนรวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวในกรอบแคบตามตลาดหุ้นสหรัฐฯโดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง
ค่าเงินบาทแข็งค่าแรงวานนี้หลังจากแกว่งตัวออกข้างมาได้พักใหญ่ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.28-32.46 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 48.17 เหรียญ/บาร์เรล ร่วงแรง 2.82 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดกังวลต่ออุปทานที่ยังล้นตลาด รวมถึง EIA ที่ประกาศตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 1210.10 ดอลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 8.60 เหรียญ/ออนซ์ หลังข้อมูลภาคแรงงานซบเซา ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 ก.พ. - ไทย: ธปท.รายงานภาะเศรษฐกิจเดือน ม.ค.
- สหรัฐ: 4Q14 GDP (ตลาดคาด +2% Q-Q annualized ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่+2.6%), Pending home sales (ม.ค.)
1 มี.ค. - จีน: Manufacturing PMI (ก.พ.)
2 มี.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
- สหรัฐ: Personal Income (ม.ค.), ISM Manufacturing (ก.พ.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.), Markit Manufacturing PMI (ก.พ.)
3 มี.ค. - ไทย: BIG (เดิมชื่อ SUN) กลับมาเทรดในกลุ่มพาณชย์ ไม่มี Ceiling & Floor
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลางประชุม
4 มี.ค. - จีน: HSBC China Composite PMI (ก.พ.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacturing Composite PMI (ก.พ.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ก.พ.)
5 มี.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.พ.)
- สหรัฐ: รายงาน Beige Book
- ยูโรโซน: ECB ประชุม
6 มี.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.พ.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852