- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 February 2015 16:43
- Hits: 1677
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือค่าบวก...กรอบ SET ยังเป็น 1580-1620”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวานนี้เด้งขึ้น 4.77 จุด ปิดที่ 1598.66 นับว่าอยู่ในภาพ Sideway บริเวณ 1600+/- จุดต่อ แต่การที่SET ยืนเหนือ 1600 จุดไม่ได้ก็ถือว่าอยู่ใน Sentiment ที่ไม่ดีนัก โดยมีการเลือกซื้อ/ขายเป็นรายบริษัท หุ้นขนาดกลาง-เล็กคึกคัก รายย่อยนำซื้อสุทธิ 630กว่าล้านบาท ต่างชาตินำขายสุทธิ 540 ล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน
โดยรวม Sentiment การลงทุนระยะสั้นมากค่อนข้างบวกจาก 1) ถ้อยแถลงของเฟดทำให้ตลาดคาดว่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว และเฟดมีความยืดหยุ่นในการปรับใช้นโยบายมากขึ้น, 2) ความกังวลเรื่องกรีซผ่อนคลายลง หลังได้รับการขยายระยะเวลาช่วยเหลืออีก 4 เดือนอย่างเป็นทางการ, 3) มีความหวังว่าเศรษฐกิจภายในจะฟื้นตัวดีขึ้นใน 2H58 และปี 59 หลังรัฐบาลเร่งกระตุ้น ล่าสุดมีข่าวว่าเดือนก.พ.กระทรวงการคลังจะเสนอแพจเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าอีก 8 หมื่นล้านบาท (ซ่อมถนนทั่วประเทศ 4 หมื่นล้านบาทและผ่านกองทุนหมู่บ้านอีก 4 หมื่นล้านบาท) ปัจจัยติดตามหลักๆ คือรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและเงินปันผล รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจประเทศชั้นนำต่างๆ โดยเฉพาะ PMI ภาคบริการ หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น HANA
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณบวกเล็กๆ แบบมีโอกาสปรับขึ้นก่อนลงแรง การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก โดยให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1600-1610, 1620 จุด ค่าลบควรชะลอการลงทุน แนวรับเก็งกำไรอยู่ที่ 1580-1570, 1550 จุด การปรับขึ้นของ SET แล้วไม่ผ่าน High เดิม คือ 1620จุด แนะนำให้ขายออกไปก่อน
สำหรับการ SCAN หาหุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค & มีโอกาสทำ New high พบว่า หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ WORK หุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ SAT, RCI,WHA หุ้นที่หลุด List คือ PACE, CNT และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit ถ้ากระโดดขึ้นต่อในวันนี้ คือ SITHAI, AP, AMANAH, VIBHA, CWT
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : เฟดระบุเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวดี การปรับขึ้นดอกเบี้ยขึ้นกับการประชุมแต่ละครั้ง ถ้อยแถลงของนางเยลเลนระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องตามที่เฟดคาดการณ์ไว้ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับการประชุมในแต่ละครั้ง บ่งชี้ถึงการเพิ่มความยืดหยุ่นต่อการดำเนินการของเฟด
สหรัฐ : PMI ภาคบริการเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นแกร่ง ผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐประจำเดือนก.พ.58 อยู่ที่ 57.0 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.57 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 54.2 ในเดือนม.ค.58 รวมทั้งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 54.0
- สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ลดลง ผลสำรวจของConference Board ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงสู่ระดับ 96.4ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.57 หลังพุ่งขึ้นสู่ระดับ103.8 ในเดือนม.ค.58
+กรีซ : ขยายอายุมาตรการช่วยเหลืออีก 4 เดือนอย่างเป็นทางการรัฐมนตรีคลังยูโรโซนให้ความเห็นชอบต่อการขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับกรีซออกไปอีก 4 เดือนแล้ว หลังจากที่ได้อนุมัติมาตรการปฏิรูปที่รัฐบาลกรีซได้ยื่นเสนอมาก่อนหน้านี้
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 92.35จุด หรือ +0.51% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 7.15 จุด หรือ +0.14% ดัชนีS&P500 เพิ่มขึ้น 5.82 จุด หรือ +0.28% ทั้งนี้ดัชนีดาวโจนส์ได้ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวันที่ 18,231.09 จุด และ S&P500ก็ปรับขึ้นทำสถิติสูงสูดใหม่ในวันเช่นกัน
• สัญญาน้ำมันดิบ WTI อ่อนลงเล็กน้อย โดยสัญญาส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 49.28 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 24 เซนต์ปิดที่ 58.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำหลุดแนวจิตวิทยาที่ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 3.5 ดอลลาร์ หรือ 0.29%ปิดที่ระดับ 1,197.30 ดอลลาร์/ออนซ
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
•/- ชะลอเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ออกไปก่อน โดยเปิดช่องให้แก้กฎหมายปิโตรเลียมก่อนเดินหน้า คาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า3 เดือน ด้านกระทรวงพลังงานย้ำว่าไทยต้องเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ21 เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน
ความเห็น Retail Research : เราประเมินว่าการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมที่ล่าช้าเป็นข่าวลบกับ PTTEP (แต่ก็คาดการณ์กันไว้อยู่แล้วว่ามีโอกาสเลื่อน) และทำให้รัฐต้องรีบหาพลังงานจากแหล่งอื่นเข้ามาเพิ่มความมั่นคง เช่น การเร่งส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนทั้งจากแสงอาทิตย์, ลม, ชีวมวล, ขยะ รวมถึงการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าเอกชนรอบใหม่ เป็นต้น ซึ่งเรายังมองแนวโน้มของธุรกิจพลังงานทดแทนว่าไปได้ดี อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นก็ปรับขึ้นรับผลดีในอนาคตไปค่อนข้างมากแล้วทำให้ Valuation ของหุ้นอยู่ในระดับสูง จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน
+ กระทรวงการคลังดันแพจเกจกระตุ้นรากหญ้าก.พ.นี้อีก 8 หมื่นล้านบาท โดยผ่านโครงการซ่อมแซมถนนทางหลวงและทางหลวงชนบททั่วประเทศมูลค่า 4 หมื่นล้านบาท และผ่านเข้ากองทุนหมู่บ้านในส่วนที่เหลือ
ความเห็น Retail Research : เป็นข่าวบวกกับกลุ่มที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศ แต่ผลบวกจะยังเกิดไม่เร็ว โดยเราคาดว่าเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าชุดใหม่นี้น่าจะเข้าระบบได้ใน 2H58 และผลดีจากการกระตุ้นจะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมได้ตั้งแต่ 4Q58 เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจปี 59 ต่อไป เมื่อเชื่อมโยงกับกำลังซื้อในประเทศ เราคาดว่าจะในช่วง 1H58 ยังฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป โดยในบางเดือนอาจไม่เห็นการเติบโตก็เป็นได้ แต่มีความหวังว่าใน 2H58 จะเติบโตได้ดีขึ้นเมื่อผลดีจากมาตรการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้วทยอยเข้ามา กำลังซื้อในประเทศก็มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ในระยะสั้นเรามีมุมมองที่เป็น Neutralกับกลุ่มที่เป็น Domestic Play แต่มีมุมมองค่อนไปทางบวก (SlightlyPositive) ในระยะกลาง-ยาว ในเชิงกลยุทธ์ลงทุน แนะนำทยอยซื้อสะสมเพื่อการลงทุน หุ้นเด่น คือ CPALL, DCC, HMPRO, SINGER เป็นต้น
• In the News : AQ จะเข้าซื้อโครงการขนาดกลาง-เล็กที่ขาดสภาพคล่องเพื่อนำมาบริหารต่อ โดยล่าสุดซื้อโครงการแนวราบย่านสวนหลวงแล้ว และจะเปิดโครงการใหม่ 9 แห่ง มูลค่าราว 8 พันล้านบาทมีแผนสร้างโรงแรม 4 แห่ง ตั้งเป้าหมายยอดขาย 5 พันล้านบาทภายใน 3ปีข้างหน้า สำหรับปี 58 คาดการณ์ยอดขาย 2.5 พันล้านบาท เติบโตราว40%YoY) ขณะนี้มี Backlog แล้ว 1.8 พันล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปี 58เท่ากับ 900 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี 60
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]