- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 20 February 2015 15:22
- Hits: 1309
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ PER ของตลาดหุ้นไทยจะสูง แต่ตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจยังมีอีกมาก โดยฝ่ายวิจัยใช้ ASP Smart คัดกรองหุ้นที่มี Upside สูงกว่า 30% ให้ Dividend Yield กว่า 5% พบว่ามี 5 บริษัทคือ STPI, INTUCH, SPALI, TVO และ SRICHA ซึ่งเลือก SPALI (FV@B 31.96) เป็น Top Pick
การเจรจาหนี้กรีซยังไม่ราบรื่น กดดันตลาดหุ้นโลกผันผวน
การเจรจาหนี้กรีซ ยังไม่มีข้อสรุป โดยในวันนี้ (ตรงกับ 21.00 น. ตามเวลาในไทย) จะมีการประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อหารือการขยายเวลามาตรการช่วยเหลือกรีซออกไป 6 เดือน ตามที่รัฐบาลกรีซได้ยื่นเรื่องวานนี้ ทั้งนี้ โครงการเงินกู้ความช่วยเหลือฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันที่ 28 ก.พ. ขณะที่เงินที่กรีซมีอยู่ในปัจจุบันเพียงพอใช้ชำระหนี้แค่ในเดือน มี.ค. เท่านั้น โดยข้อเสนอของกรีซคือ ต้องการลดหนี้ลงเหลือ 2 ใน 3 และใช้งบประมาณแบบเกินดุลก่อนดอกเบี้ยจ่ายเพียง 1.5% ของ GDP ซึ่งน้อยกว่าครึ่งของมาตรรัดเข็มขัดฉบับปัจจุบันที่กำหนดไว้ 4% แต่ข้อเสนอดังกล่าวได้ถูกเยอรมัน (ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของกรีซ เนืองจาก contribute ในยูโรโซนมากที่สุด) ออกมาปฏิเสธทันที โดยกล่าวว่า ความเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับการตัดลดหนี้นั้นไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องและไม่อาจยอมรับได้ เพราะกรีซไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในโครงการเงินช่วยเหลือของ TROIKA อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีคลังกรีซก็ได้โต้กลับทันควันว่า ผู้ที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นยูโรโซน ซึ่งมีทางเลือกอยู่สองทาง คือ ยอมรับ ไม่ก็ปฏิเสธ แ
ต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบรรยากาศยังคงตึงเครียด แต่ยังมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ ที่กรีซจะปรับแก้เงื่อนไขข้อตกลง ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า กรีซน่าจะตกลงกับยูโรโซนได้ทันเส้นตาย จึงยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐ ยังคงสามารถขยายตัวและอยู่ในทิศทางขาขึ้น สะท้อนจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 ก.พ. ปรับลดลงมา 21,000 ราย อยู่ที่ระดับ 283,000 ราย (ลดลงอีกครั้งหลังจากเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 2 สัปดาห์ก่อนหน้า) เทียบกับเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 6,500 ราย อยู่ที่ระดับ 283,250 ราย และ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (Conference Board) เดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% อยู่ที่ระดับ 121.1 (เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นระดับสูงสุดมากกว่า 7 ปี)
แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความกังวลต่อปัญหาของกรีซ ซึ่งอาจสร้างความผันผวนให้กับเศรษฐกิจโลก และเงินเฟ้อทั่วโลกที่ลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย รวมถึงสหรัฐ เงินเฟ้อเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 0.8% ต่ำกว่าเป้าหมาย 2% อย่างมาก จึงเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) น่าจะเลื่อนเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยฯ ไปเป็นอย่างเร็วในช่วงปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559 จากเดิม กลางปี 2558
ประเทศส่วนใหญ่ปิดทำการ ขณะที่ไทยยังคงถูกขายเบาบาง
วานนี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปิดทำการเนื่องจากเทศกาลตรุษจีน โดยมีเพียงไทยประเทศเดียวที่ยังคงเปิดทำการ จาก ทั้งหมด 5 ประเทศ และนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 แต่ลดลง 44% เหลือเพียงราว 9 ล้านเหรียญฯ หรือ 280 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ประเทศอื่นๆทั้ง ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้ และ ไต้หวัน ปิดทำการ
ทั้งนี้ แม้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 แต่ปริมาณยังคงเบาบาง เนื่องจากประเทศในภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดทำการ (ซื้อสุทธิสะสมในเดือน ก.พ. ราว 3.2 พันล้านบาท) เชื่อว่าในระยะสั้นปัญหาหนี้ในยุโรปน่าจะมีผลกดดันกระแสเงินทุน และอาจทำให้ขายสุทธิออกมา แต่แรงขายไม่น่าจะรุนแรงมากนัก หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงขายหนักไปเมื่อปลายปี 2557 ที่ผ่านมา ทำให้แรงขายมีอยู่อย่างจำกัด
ปี 2557 เกิดรายการ PP 49 ครั้ง Return 73% จากราคา PP ถึงราคาปิดวันชำระเงิน
ในปี 2557 มีบริษัทจดทะเบียนทั้งใน SET และ MAI ทำการเพิ่มทุนแบบเสนอขายให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement, PP) กว่า 27 บริษัท (24 บริษัทใน SET และ 3 บริษัทใน MAI) ในจำนวนนี้มีกว่า 13 บริษัทที่ทำการเพิ่มทุนแบบ PP เกินกว่า 1 ครั้ง (2 ครั้ง 8 บริษัท, 3 ครั้ง 4 บริษัท, 7 ครั้ง 1 บริษัท) รวมแล้วในปี 2557 มีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ถึง 49 ครั้ง ซึ่งเมื่อทำการเปรียบระหว่างราคาเสนอขายเพิ่มทุนแบบ PP กับ ราคาตลาด ณ วันชำระค่าหุ้นเพิ่มทุน จะพบว่าใน 49 ครั้งจะเป็นกำไร 42 ครั้ง คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 73% โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจากราคาเพิ่มทุนเกิน 100% ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่มีขนาด Market Cap เกิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทที่มีขนาด Market Cap สูงเกิน 1 หมื่นล้านบาทจะมีทั้งหมด 11 บริษัท ทำการขอเพิ่มทุน PP รวม 14 ครั้ง โดยเป็นกำไรถึง 13 ครั้ง ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 179%
แต่เนื่องจากรูปแบบการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP เป็นการกระจายหุ้นให้กับนักลงทุนเฉพาะบุคคล-นิติบุคคล ในวงที่จำกัด ผลตอบแทนที่ได้จึงค่อนข้างกระจุกตัว ด้วยเหตุนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เมื่อ 17 ก.พ. 2558 จึงมีมติให้ กำหนดระยะห้ามขาย (Silence Period) สำหรับผู้ที่ได้รับการจัดสรรหุ้น PP ในราคาที่ต่ำกว่า 90% ของราคาเฉลี่ย 7 – 15 วัน ก่อนวันขายหุ้น PP โดยกำหนดระยะเวลาห้ามขาย 1 ปี และจะสามารถขายหุ้นได้ 25% เมื่อพ้น 6 เดือน แต่อาจมีการผ่อนผันในบางกรณี ทั้งนี้เกณฑ์ดังกล่าวจะมีการนำเสนอต่อ ก.ล.ต. เพื่อให้เห็นชอบก่อนการบังคับใช้ เมื่อเกณฑ์ดังกล่าวถูกบังคับใช้ ก็อาจจะมีผลทำให้รายการเสนอขายหุ้นแบบ PP ลดลงไป โดยหากกิจการต้องการเงินทุนก็น่าจะกลับมาใช้วิธีการกระจายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิมแทน
ใช้ ASP Smart เลือกหุ้น Upside มากกว่า 30% และ Dividend Yield สูงกว่า 5%
ฝ่ายวิจัยได้ใช้ ASP Smart (ซึ่งเป็น Application ที่ ASP สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดย Download ได้ผ่านทั้ง App Store และ Play Store) โดยตั้งเงื่อนไขการคัดกรองหุ้น (Stock Screening) กำหนดให้ค้นหาหุ้นที่มี Upside เมื่อเทียบกับ Fair Value สูงกว่า 30% และยังต้องให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 5% ขึ้นไป ในงวดปี 2558 ซึ่งผลการคัดกรองหุ้นออกมาได้หุ้นที่น่าสนใจอยู่ 4 บริษัทได้แก่
STPI (FV@B 30.30) : ซึ่งมี Upside มากกว่า 54% และให้ Dividend Yield 5.1% นอกจากนี้ในเชิงพื้นฐานยังคาดหมายว่าจะเห็นผลประกอบการในงวด 4Q57 และต่อเนื่องในปี 2558 เติบโตในอัตราสูง หลังจากที่บรรลุข้อตกลงในการรับรายได้จากการเร่งงานโครงการ Ichthys มูลค่า 140–180 ล้านเหรียญฯ อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงอยู่ที่เรื่องของโครงการประมูลใหม่ที่ทิ้งช่วงออกไป หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง
INTUCH (FV@B 113) : ราคาหุ้นมี Upside กว่า 37% และยังให้ Dividend Yield 6.5% ในเชิงของปัจจัยพื้นฐานปี 2558 คาดว่ากำไรจะเติบโตกว่า 26% ซึ่งเป็นผลมาจากทั้ง ADVANC และ THCOM ที่มีอัตรการขยายตัวอยู่ในเกณฑ์สูง สำหรับการประเมินมูลค่าหุ้นทางปัจจัยพื้นฐานใช้วิธี NAV อ้างอิงจากราคา Fair Value ของ ADVANC และ THCOM โดยคำนวนมูลค่าเข้ามาตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งจะได้มูลค่าหุ้นเหมาะสมอยู่ที่ 113 บาท
SPALI (FV@B 31.96) : ราคาหุ้นมี Upside กว่า 35% และให้ Dividend Yield สูงกว่า 5.4% ผลประกอบการงวด 4Q57 จะเป็นจุดสูงสุดของปี ส่วนปี 2558 คาดว่ากำไรจะเติบโตอีก 16.8% โดยที่เป้าหมายการบันทึกรายได้ของปี 2558 มี Backlog รองรับไว้แล้วถึง 80% ทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนอยู่ในระดับต่ำมาก อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงที่ฐานกำไรปี 2559 จะชะลอตัวลงเล็กน้อยเนื่องจากมีคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จลดลง แต่ก็จะกลับไปแข็งแกร่งอีกครั้งในปี 2560
TVO (FV@B 30) : ราคาหุ้นมี Upside 32% และ Dividend Yield 6.8% โดยที่ผลประกอบการของบริษัทแสดงสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นมาตั้งแต่ 2H57 ขณะที่แนวโน้มปี 2558 แนวโน้มการทำกำไรดีขึ้น อันเป็นผลมาจากปริมาณการเลี้ยงไก่ และ สุกร ซึ่งเรียกว่าเป็นตัวกิน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนราคาเม็ดถั่วเหลือง มีแนวโน้มลดลงจากปริมาณผลผลิตทั้งใน สหรัฐฯ, อาร์เจนตินา และ บราซิล ออกมามากกว่าคาด นอกจากนี้บริษัทยังได้ขยายตลาดน้ำมันพืชออกไปยังประเทศพม่า คาดสร้างรายได้เพิ่ม 2 พันล้านบาท
SRICHA (FV@B 43.26) : ราคาหุ้นมี Upside 32% และให้ Dividend Yield 8.4% ธรรมชาติของธุรกิจ จะมีระดับ Backlog คงค้างอยู่ค่อนช้างต่ำเนื่องจากขนาดโครงการที่รับงานเข้ามามีขนาดไม่ใหญ่ แต่ส่วนใหญ่เป็นแบบสัญญาเปิด ซึ่งมักจะมีงานเพิ่มเติมเกิดขึ้นในภายหลัง ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา SRICHA สามารถทำกำไรระดับสูงได้ต่อเนื่อง จุดเด่นอีกประการหนึ่งที่สำคัญคือ ฐานะการเงิน ซึ่งปลอดหนี้ ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลในระดับสูงได้ต่อเนื่อง
ภรณี ทองเย็น, CISA
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
กษิดิ์เดช รัตนสมบูรณ์
มาราพร กี้วิริยะกุล