- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 16 February 2015 16:26
- Hits: 1217
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ก่อน (9-13 กุมภาพันธ์ 57)
SET มีการเคลื่อนไหวทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน โดยมีความผันผวนจากการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ หลังการเจรจายังไม่มีความคืบหน้า ก่อนที่มาตรการปัจจุบันจะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ปิดสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1615.89 จุด เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 2.49 จุด (0.15%) จากสัปดาห์ก่อน
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้
(+) หลายประเทศรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ออกมาในระดับดี โดย GDP ของ 18 ประเทศยุโรปขยายตัว 0.3%YoY และญี่ปุ่นที่รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4 annualize ขยายตัว +2.2%QoQ
(+) ปัญหาเศรษฐกิจของยูเครนที่คลี่คลายลง หลังการช่วยเหลือของ IMF และการบรรลุข้อตกลงสันติภาพ ลดความเสี่ยงทางการเมือง
(+) แนวโน้มราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐปรับตัวลดลงอย่างมาก
(-) ปัญหาความวุ่นวายในยุโรปหลังเกิดเหตุความรุนแรงที่เดนมาร์ก 2 แห่ง ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ชาร์ลีเอบโด ในฝรั่งเศส
(-) สศอ. ประเมินการส่งออกปี 58 ขยายตัวเพียง 1-2% จากความเสี่ยงของปัญหาการเมืองในหลายๆ ประเทศ
(+/-) การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซยังไม่มีความคืบหน้า ในการเจรจากับกลุ่ม Troika ที่ผ่านมา โดยกรีซยังคงมีท่าทีว่าจะทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลง
(+/-) Fund Flow ต่างชาติเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง หลังวันก่อนมี Net Sell เล็กน้อยหลังการซื้ออย่างต่อเนื่องก่อนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
(+/-) Earning Season ของการทยอยรายงานผลประกอบการ
(+/-) ความคืบหน้าการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ ในการประชุมระหว่าง รมว.คลังของกรีซและยูโรโซนในวันจันทร์
(+/-) การรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของไทย คาดหมายการขยายตัว +2%YoY
(+/-) การประชุมในช่วงกลางสัปดาห์ ต่อความเป็นไปได้ในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
(+/-) การรายงานผลการประชุม FOMC ของเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในช่วงกลางสัปดาห์
ความคิดเห็น
ดัชนีในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ ท่ามกลางความผันผวนโดยเรายังคงมองเห็นประเด็นการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซจะมีความชัดเจนมากขึ้นในสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกับการประชุม BOJ ที่คาดหมายการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม สร้างแรงซื้อในสินทรัพย์เสี่ยง ด้านในประเทศ มีความผันผวนจากการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4 วันนี้ ยังคงให้น้ำหนักประเด็นการขยายการลงทุนของรัฐที่เดินหน้า สร้างการขยายตัวของเศรษฐกิจ
กลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการขยายการลงทุนของภาครัฐเข่น ก่อสร้าง พลังงานทดแทน เป็นต้น เช่นเดียวกับหุ้นรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับผลดีจากการลงทุนของภาครัฐที่มีความคืบหน้า
วิเคราะห์ SET ประจำสัปดาห์ 16-20 ก.พ. 58 by CGS
SET Closed 1,615.89 High: 1,619.65 Low : 1,583.93
Resistant : 1,620 , 1,638 Support :1,605 , 1,590
กราฟ SET สัปดาห์ที่ผ่านมาดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุด ไปปิดที่ระดับเกือบสูงสุดของสัปดาห์ และยังไม่สามารถผ่านแนว 1620 จุดได้เช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่แท่งเทียนสร้างรูป Evening Star ในระดับเดียวกับสัปดาห์ต้นเดือนทำให้เกิดภาวะ Double Top เกิดขึ้น นอกจากนี้ RSI กลับเคลื่อนไหวในแนวที่ต่ำลง เราเรียกว่าเกิดภาวะขัดแย้งเป็น Negative Divergence ในทางเทคนิคเตือนว่าสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับฐาน หากหลุด 1,590 จุด จะเกิด Sell signal ที่มีนัยยะสำคัญ
กลยุทธ์
1. เก็งกำไรต้นสัปดาห์แบบสั้นๆ แต่เน้นการทยอยขายเมื่อ SET เข้าใกล้ 1,620 จุด
2. หาก SET ไม่สามารถปิดจนสร้าง high ใหม่ที่เกิน 1,620 จุดได้ถึงกลางสัปดาห์ ควรลดปริมาณหุ้นออกกึ่งหนึ่ง
3. หาก SET ปิดสร้าง high ใหม่ได้ เกิน 1,620 จุดไปจนถึงปลายสัปดาห์ ให้ถือหุ้นต่อไปยังสัปดาห์หน้า
4. หาก SET ปิดปลายสัปดาห์ต่ำกว่า 1,600 จุดให้ถือหุ้นข้ามสัปดาห์น้อยลง
หุ้นเด่นประจำสัปดาห์
BANPU ราคาปิด 27.75 บาท แนวต้าน 30.00, 32.00 แนวรับ 27.00
* คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วในปี 57 จากราคาถ่านหินอยู่ใกล้กับต้นทุนของผู้ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย
* ความหวังการฟื้นตัวของราคาถ่านหินในเอเชียจากการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย
* เก็งกำไรประเด็น PDP ฉบับใหม่ รอการขยายกำลังผลิตของโรงไฟฟ้า BLCP
* คาดกำไรปี 58 เติบโต 43% YoY จากการเริ่มรับรู้โรงไฟฟาหงสาในลาว หน่วยผลิตแรกในเดือน ก.ค.
* ราคาเหมาะสมปี 58 ที่ 32.75 บาท
กราฟ BANPU ดีดตัวขึ้น ผ่านกรอบแนว down trend ในรอบ 3 เดือนสำเร็จ โดยกราฟแท่งเทียนขนาดยาวแบบ Tower ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงที่ดี สนับสนุนโดย RSI ที่เกิดสัญญาณซื้อแบบตั้งชัน ยืนยันการปรับตัวสูงขึ้นได้อีกในสัปดาห์นี้ และมีโอกาสเดินหน้าต่อเนื่องไป
คำแนะนำ
1. เข้าซื้อได้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แบบ Buy on Weakness
2. แบ่งทำกำไรบางส่วนเมื่อราคาเข้าใกล้ 32 บาท เนื่องจากเป็น ภาวะ Overbought
3. หากราคาปรับตัวลงเข้าใกล้ 25 บาท แนะนำให้ซื้อสะสมปริมาณมาก
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ