- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 12 February 2015 15:30
- Hits: 1344
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -6.62, NASDAQ +13.54, S&P -0.06, FTSE -10.95, CAC -16.27 และ DAX -1.72 ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีปัจจัยที่อยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากการเจรจาเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของกรีซ โดยการประชุมของ รมต. คลัง EU ในวันที่ 11/2/58 ที่ผ่านมายังไม่ได้ข้อสรุป เกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินต่อกรีซ โดยจะมีการประชุมอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 16/2/58
…..ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. -US$1.18 อยู่ที่ US$48.84 ต่อบาร์เรล หลังจาก EIA สหรัฐฯ รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.9 ล้านบาร์เรล เป็น 417.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาวะตลาดน้ำมันดิบยังอยู่ในช่วงอุปทานส่วนเกินอย่างไรก็ตามคาดราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากยังคงเผชิญกับภาวะไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานน้ำมันในตลาดโลก
......ราคาทองคำส่งมอบเดือน เม.ย. -US$12.6 อยู่ที่ US$1,219.6 ต่อออนซ์ จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด คือในช่วงเดือน มิ.ย. ในขณะที่การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดความน่าสนใจในการลงทุนทองคำ
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +559 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ +1,732 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : ยังคงผันผวน, กลุ่มพลังงานจะกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง? โดยปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมของกลุ่ม EU ในวันจันทร์หน้า (16/2/58) หลังจากการประชุมในวันที่ 11/2/58 ที่ผ่านมายังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการช่วยเหลือทางการเงินต่อกรีซ ในขณะที่มาตรการความช่วยเหลือทางการเงินของสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ต่อกรีซที่จะครบกำหนด 28/2/57 มูลค่า 240,000 ล้านยูโร หรือ 270,000 M.USD
....ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 55 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ก่อน จากภาวะอุปทานส่วนเกินและสต็อกน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับสูง คาดจะส่งผลกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานทั้ง PTT, PTTEP และกลุ่มโรงกลั่น
.....ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แม้ดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้เมื่อวานนี้ แต่ยังมีความไม่แน่นอน ในขณะที่ล่าสุดต่างชาติจะยังมียอดซื้อสุทธิ และยอด YTD ยังเป็นซื้อสุทธิสะสมประมาณ 1,700 ล้านบาท ซึ่งในระยะกลางยังมีมุมมองที่ดีต่อ Fund Flow ที่คาดได้รับปัจจัยหนุนบ้าง จากประเด็นการเริ่มใช้วงเงิน QE ของ ECB ตั้งแต่เดือนมี.ค. เป็นต้นไป ขณะที่ยังแนะติดตามการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเงินเฟ้อล่าสุดติดลบ รวมถึงประเด็นการเก็งกำไรผลประกอบการ 4Q/57 – ในช่วงสิ้นเดือนก.พ.
.....ในขณะที่เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อลดผลกระทบต่อการแข็งค่าของค่าเงินบาท ซึ่งเริ่มส่งผลต่อผู้ประกอบการส่งออก โดย กนง. จะมีการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 11/3/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.00 อยู่ที่ 1.99% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.27 อยู่ที่ 16.96
หุ้นแนะนำ : SCC
ประเด็นที่ต้องติดตาม (11 - 13 ก.พ.’58)
12/2/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ยอดค้าปลีก - มค. (3) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - ธค.
13/2/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ราคานำเข้าและส่งออก - มค. (2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้น - กพ.
หุ้นแนะนำ
SCC : ราคาเป้าหมาย (ปี’58) 527.00 บาท
ผลการดำเนินงานใน 4Q/57 ยังเติบโตได้ดี มีกำไรสุทธิ 8,856 ล้านบาท +11%yoy และ +13%qoq แม้มี Stock Loss เกือบ 3,000 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจปิโตรเคมี ที่มี Spread ผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นโดดเด่น หลังราคาวัตถุดิบลดลงในสัดส่วนที่มากกว่าราคาขาย ขณะที่ทั้งปี’57 กำไรสุทธิลดลง 8% อยู่ที่ 33,615 ล้านบาท แต่ยังจ่ายปันผลเท่ากับปี’56 จำนวน 12.50 บาท ซึ่งคงเหลือจ่ายใน 2H/57 จำนวน 7.00 บาท (ตามคาด) XD : 31/3/58 และจ่ายในวันที่ 23/4/58
ยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อ SCC หลังลงทุนต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้ง Green Field และ M&A เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาค คาด SCC เริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเงินลงทุน และคาดช่วยให้ผลการดำเนินงานในปี’58 เติบโตต่อเนื่อง
ณ ราคาปัจจุบัน มี Upside และ Div.Yield ประมาณ 10% และ 3% ยังคงแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว โดยมีราคาเป้าหมายปี’58 ที่ 527 บาท อ้างอิง PE 15X (ใกล้เคียง PE เฉลี่ยซื้อขายในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาที่ 16X)
ประเมินราคาเป้าหมายปี’58 ที่ 527 บาท
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ 02-684-8789