- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 February 2015 15:37
- Hits: 1856
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แกว่งรอผลประชุมเรื่องหนี้กรีซ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index แกว่งตัว โดยปรับขึ้นในช่วงต้นแล้วอ่อนลงภายหลัง ปิดตลาด -6.81 จุด ที่ 1594.96 โดยยังมีแรงขายในหุ้น Big Cap เช่น SCB, SCC, PTTEP, PTT, ADVANC, INTUCH เป็นต้น ปัจจัยกดดันยังเป็นความวิตกว่ากรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้พอร์ตบล.นำขายสุทธิ 900 กว่าล้านบาท รายย่อยนำซื้อสุทธิ 1 พันล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศและต่างชาติซื้อ-ขายสุทธิกลุ่มละไม่มากประเด็นเรื่องกรีซผ่อนคลายลง หลังมีกระแสคาดการณ์ว่าอาจมีข้อตกลงระยะสั้นเพื่อแก้ปัญหาหนี้กรีซ ก่อนที่มาตรการช่วยเหลือฉบับปัจจุบันจะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ.นี้ โดยวันนี้จะมีประชุมรมว.คลังยุโรป และพรุ่งนี้ (12 ก.พ.) จะมีประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป ซึ่งก็เป็นไปตามที่เราคาดที่ว่าข่าวกรีซจะสร้างผันผวนรายวันไปจนกว่าจะได้ข้อสรุปคือราวปลายเดือนก.พ. ทั้งนี้เรายังให้น้ำหนักเชื่อว่ากรีซจะไม่ผิดนัดชำระหนี้รุนแรงและไม่ออกจากยูโรโซน ด้านราคาน้ำมันดิบที่แกว่งตัวก็มีผลต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน กลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มพลังงาน คือ เก็งกำไรตามรอบในกลุ่มโรงกลั่น (ในระยะสั้นมากถ้าราคา BRENTหลุด 55 US$/bbl ลงมาอีกรอบก็ Take Profit โรงกลั่นออกไปก่อน) แต่ยัง Underweight ในกลุ่มสำรวจและผลิตฯ ส่วนปัจจัยภายที่เข้ามามีน้ำหนักในตลาดเพิ่ม คือ การทยอยรายงานผลประกอบการของหุ้นใน Real Sector รวมถึงประกาศจ่ายเงินปันผล ซึ่งจะออกมาถึงปลายเดือนก.พ.นี้ หุ้นขนาดกลาง-เล็กยังคึกคักในตลาด หุ้นพื้นฐานที่แนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น GFPT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ ภาพตลาดเป็นการแกว่งแบบให้น้ำหนักกับการลงปรับฐาน แต่อาจมีการปรับขึ้นก่อนแล้วค่อยถอยลง ระยะสั้นให้แนวต้านไว้ที่ 1600-1610, 1620-1630 ค่าลบควรลดพอร์ตตาม เพื่อรอซื้ออ่อนตัว
สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ในทางเทคนิค พบว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ NBC, QH, IRPC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ PACE,TIPCO, LH, RCI, CEN หุ้นที่หลุด List คือ LOXLEY สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าพิจารณา Take Profit ตามรอบ คือLIT, KTC, BLA
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ กรีซ : อาจบรรลุข้อตกลงระยะสั้นก่อนมาตรการช่วยเหลือหมดอายุสิ้นเดือนก.พ.นี้ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกรีซระบุว่ารัฐบาลกรีซเชื่อว่าในการประชุมรมว.คลังยูโรโซนวันนี้ (11 ก.พ.) จะมีการทำข้อตกลงระยะสั้นเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินของกรีซ ก่อนที่มาตรการช่วยเหลือทางการเงินฉบับปัจจุบันของ EU จะหมดอายุลงในวันที่ 28 ก.พ.นี้ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) จะยื่นข้อเสนอประนีประนอมในการประชุม โดยจะมีการขยายเวลาการชำระหนี้ของกรีซออกไปอีก 6 เดือน เพื่อให้กรีซมีเวลาในการเจรจาและทำข้อตกลงกับ EUและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รวมทั้งธนาคารกลางยุโรป(ECB) เกี่ยวกับประเด็นที่ยังคั่งค้างอยู่ รวมถึงแผนการหลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือทางการเงินต่อกรีซ
+ สหรัฐ : ภาคแรงงานฟื้นตัวแกร่ง กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าตำแหน่งงานที่มีการเปิดรับสมัครในสหรัฐเดือนธ.ค.57 มีจำนวน 5.03 ล้านตำแหน่ง นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ม.ค.44 ที่ตำแหน่งงานสูงกว่า 5 ล้านตำแหน่งและสูงกว่าคาดการณ์ของตลาดด้วย
• สหรัฐ : ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจขนาดย่อมอ่อนลงในม.ค.58สมาพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดย่อมของ NFIB ลดลง 2.5 จุด สู่ระดับ 97.9 ในเดือนม.ค.58 จากระดับ 100.4 ในเดือนธ.ค.57
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น...คาดกรีซน่าบรลุข้อตกลงกับ EC โดยดัชนีDJIA พุ่งขึ้น 139.55 จุด หรือ +0.79% ดัชนี NASDAQ เพิ่ม 61.63 จุด หรือ+1.30% ดัชนี S&P500 ปรับขึ้น 21.85 จุด หรือ +1.07%- สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง โดย WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.84ดอลลาร์ ปิดที่ 50.02 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ลดลง 1.91 ดอลลาร์ปิดที่ 56.43 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยล่าสุด IEA รายงานสต็อกน้ำมันในกลุ่มประเทศองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ว่าอาจจะพุ่งขึ้นใกล้ระดับ 2.83 พันล้านบาร์เรลในกลางปี 2558 ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย IEA คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปี 2558 เฉลี่ยที่55 US$/bbl และปี 2559 เท่ากับ 60 US$/bbl แล้วค่อยๆ ปรับขึ้นในอีก 4ปีข้างหน้าเป็น 73 US$/bbl ในปี 2553
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ร่วงลง 9.3 ดอลลาร์หรือ 0.75% ปิดที่ระดับ 1,232.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะการแข็งค่าของเงิน US$ และกระแสคาดการณ์ที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ ซึ่งวันนี้จะมีประชุมรมว.คลัง EU และ 12 ก.พ.เป็นประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• กลุ่มที่พักอาศัย : เดือนม.ค.58 โครงการเปิดตัวใหม่น้อย โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธอส.รายงานว่าในเดือนม.ค.58 มีคอนโดเปิดใหม่1,400 ยูนิต ลดลงจากม.ค.57 ที่เปิด 5,000 ยูนิต และบ้านแนวราบเปิด2,000 ยูนิตจากม.ค.ปีก่อนเปิด 2,600 ยูนิต สำหรับภาวะการซื้อขายโดยรวมค่อนข้างทรงตัว
ความเห็น Retail Research : โดยปกติยอดขายต้นปีจะอ่อนลงเมื่อเทียบกับปลายปีที่ผู้ประกอบการมักจะเร่งทำยอดขายเพื่อปิดงวดปีกันอยู่แล้วสำหรับปีนี้คาดว่าการเปิดตัวโครงการใหม่จะเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปลาย 1Q58 เป็นต้นไป เพราะผู้ประกอบการรอประเมินกำลังซื้อของประชาชนก่อน ถ้าเห็นเม็ดเงินอุปโภคบริโภคหมุนเวียนในระบบมากขึ้นก็จะเปิดตัวโครงการใหม่กัน ซึ่งเราคาดว่าการบริโภคจะดีขึ้นในช่วงปลาย 1Q58เนื่องจากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าจากภาครัฐเข้าไปหมุนเวียนในระบบแล้ว บวกกับการมีมาตรการดูแลต่อเนื่อง รวมทั้งการลงทุนภาครัฐ &เอกชนก็เป็นรูปธรรมมากขึ้น หุ้น Top Picks เป็น AP (ราคาเป้าหมาย 8.7บาท) , PS (ราคาเป้าหมาย 39 บาท), QH (ราคาเป้าหมาย 5.4 บาท)
• กลุ่มยานยนต์ : มิตซูบิชิยืนยันใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 76% ของปริมาณการผลิตทั้งหมดในไทย หรือราว 4 แสนคัน และคิดเป็น 24% ของปริมาณการส่งออกทั่วโลกของค่ายมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นอันดับสองรองจากญี่ปุ่น
ความเห็น Retail Research : เรามีมุมมองที่เป็นบวกระยะกลาง-ยาวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย แม้ว่าในระยะสั้นจะยังฟื้นตัวช้า เพราะต้องใช้เวลาในการระบาย Supply ที่สูงไปถึงสิ้นปีนี้ แต่ก็ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและคาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ในปี 2559 เราเชื่อว่าความเสี่ยงที่ผู้ผลิตรถยนต์จะย้ายฐานการผลิตออกจากไทยต่ำมาก เพราะค่ายรถยนต์ต่างๆใช้เงินลงทุนในอุตสาหกรรมไปหลายแสนล้านบาท และอุตสาหกรรมยานยนต์มี Supply Chain ที่ใหญ่มาก เนื่องจากรถยนต์แต่ละคันมีชิ้นส่วนมากหลายพันชิ้น และพัฒนาจนถึงระดับ High efficiency การส่งมอบชิ้นส่วนเป็น Just in Time ให้น้ำหนักการลงทุน Neutral กลยุทธ์การลงทุนเป็นการทยอยซื้อสะสม หุ้นเด่น คือ SAT (ราคาเป้าหมาย 20.40 บาท, Upside20%, Dividend Yield 3.5%), AH (ราคาเป้าหมาย 16.8 บาท, Upside20%, Dividend Yield 3%) รองลงไปเป็น STANLY (ราคาเป้าหมาย 226บาท, Upside 8%, Dividend Yield 3%)
•/- กรมการบินพลเรือนยอมรับว่า ICAO เข้ามาตรวจสอบการทำงานบพ.จริง แต่ไม่ได้ตรวจสอบสายการบินหรือผู้ปฎิบัติการ จึงชื่อว่าจะไม่มีผลต่อสายการบินพาณิชย์ อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวจากผู้ประกอบการธุรกิจสายการบินกล่าวว่า ถ้าองค์กรรับรองมาตรฐานการบินพลเรือนนานาชาติ (CIAO) ลดมาตรฐานการปฎิบัติงานของกรมการบินพลเรือนลงจาก A เป็น B ผู้ประกอบการที่กระทบมาก คือ THAI เพราะมีเส้นทางการบินไปต่างประเทศมากกว่าสายการบินอื่น โดย THAI อาจจะหลุดจากกลุ่มสตาร์ อัลไลแอนซ์ ที่มีลูกค้าทั่วโลกราว 678 ล้านคน ทั้งนี้ICAO จะประกาศผลการตรวจสอบการบินพลเรือนของสมาชิกอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พ.ค.58 (โพสต์ทูเดย์ 11 ก.พ.58)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]