- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 February 2015 15:25
- Hits: 1622
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
SET ผันผวน ยังกังวลต่อปัญหากรีซ แต่น่าจะได้ข้อสรุปที่ลงตัว ขณะที่ปัญหาเงินฝืดเกิดขึ้นในวงกว้าง ตอกย้ำการลดดอกเบี้ยนโยบายยังเกิดต่อเนื่อง เป็นปัจจัยกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์ในสถานการณ์นี้ M(FV@B65) และ SENA([email protected]) เลือกเป็น Top picks
ปัญหาในกรีซยังกดดันตลาดหุ้นโลก แต่น่าจะมีข้อสรุปในไม่ช้า
เชื่อว่าปัญหาในกรีซยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาด หลังจากเจรจาประนอมหนี้ระหว่างกรีซกับ TROIKA ครั้งล่าสุดยังล้มเหลว เนื่องจาก กรีซต้องการทำข้อตกลงฉบับใหม่ ทดแทนฉบับเดิมตั้งแต่ปี 2553 ที่เน้นมาตรการรัดเข็มขัด ขณะที่ประเทศผู้นำในกลุ่ม คือ เยอรมัน ยังต้องการให้ยึดตามข้อตกลงเดิม ที่ทำกับ TROIKA พร้อมกับ ECB ได้ยุติการให้ความช่วยเหลือในกรณีพิเศษ จากเดิมที่ให้การกู้ยืมแก่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินในกรีซ โดยให้สามารถนำพันธบัตรรัฐบาลกรีซ (ที่ได้ rating ต่ำกว่าระดับลงทุน) มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการได้ ซึ่งน่าจะทำให้กรีซประสบปัญหาขาดสภาพคล่องได้ (เนื่องจากกรีซมีแผนที่จะระดมเงินก้อนใหม่อีกราว 1 หมื่นล้านยูโร เพื่อนำมาจัดสรรให้กับธนาคารในกรีซอย่างน้อย 2 แห่ง ที่กำลังขาดสภาพคล่อง)
ปัจจุบันกรีซ มีภาระหนี้ผูกพันตามการออกพันธบัตรรัฐบาล มูลค่ากว่า 8.2 หมื่นล้านยูโร ซึ่งในจำนวนนี้ราว 2.7 หมื่นล้านยูโร หรือกว่า 33% ถือโดยธนาคารกลางยุโรป ที่เหลือถือโดยธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก โดยเฉพาะในสหภาพยุโรป สหรัฐ ญี่ปุ่น และ จีนเป็นต้น นอกจากนี้ เม็ดเงินจากมาตรการ QE ที่จะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลชาติต่างๆ ยังไม่รวมกรีซ ที่สถานะเป็น junk bond ยิ่งทำให้กรีซตกอยู่ที่สถานะลำบากมากยิ่งขึ้น และยังเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป
ทั้งนี้ คงต้องติดตามผลการประชุมในเดือน ก.พ. ซึ่งจะเป็นเรื่องของกรีซ และรัสเซีย เริ่มจาก 12 ก.พ. หรือ พรุ่งนี้ที่กรุงบรัสเซลล์ ระหว่าง ผู้นำ EU และ 16 ก.พ. จะมีการประชุมนัดพิเศษของรัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรป เน้นประเด็นไปที่ปัญหากรีซ เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือทางการเงินฉบับปัจจุบันของ EU จะหมดอายุลงในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ถือว่าเป็นปัญหาความต่อความมั่นคงของสหภาพยุโรป จึงเชื่อว่าผลการเจรจาน่าจะหาข้อสรุปที่ลงตัว อย่างไรก็ตามล่าสุด มีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการยุโรป หรือ EC อาจจะยื่นข้อเสนอ ให้ ขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปชั่วคราวอีก 6 เดือน เพื่อให้กรีซมีเวลาในการเจรจาและทำข้อตกลงกับ TROIKA ขณะที่กรีซเตรียมจะใช้ “Plan B” คือหาเงินสนับสนุนจากแหล่งอื่น ทั้งจากสหรัฐ รัสเซีย จีน หรือชาติอื่นๆ แทน หากไม่สามารถเจรจาได้ประนอมหนี้กับ TROIKA ซึ่งเป็นประเด็นที่จะกดดันตลาด หรือ ผ่อนคลาย คงต้องดูว่ากรีซจะเลือกเดินใด
จีนเตรียมลดดอกเบี้ยใน 1H58 หนุน Money Supply โลก
เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวล่าช้า ประกอบกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ลดลงกว่า 50% จากกลางปี 2557 ได้กดดันให้เงินเฟ้อทั่วโลกชะลอตัว และบางประเทศได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด โดยเฉพาะยุโรป พบว่าเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยเดือน ม.ค. ติดลบ 0.6% yoy และหากพิจารณาเป็นรายประเทศ พบว่าส่วนใหญ่เข้าสู่ภาวะเงินฝืดทั้งหมด ยกเว้น เยอรมัน ฝรั่งเศส และออสเตรีย (เงินเฟ้อยังเป็นบวกอยู่แต่เล็กน้อย) เช่นเดียวกับไทย ที่เดือน ม.ค. ติดลบ 0.41% เป็นครั้งแรกในรอบ 64 เดือน
และล่าสุด จีน รายงานเงินเฟ้อ เดือน ม.ค. อยู่ที่ 0.8%yoy (1.5%mom ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือว่าชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 5 ปี) เพราะนอกเหนือจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ลดลงดังกล่าวแล้ว อุปสงค์ภายในประเทศชะลอตัวเช่น สะท้อนได้จากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และราคาภาคค้าส่งขยายตัวในอัตราลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 35 ขณะที่ดัชนีภาคการผลิต เช่น ดัชนี PMI ในเดือน ม.ค. ยังต่ำกว่าระดับ 50 คือ อยู่ที่ 49.7 (ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2) ทำให้ IMF ประเมิน GDP Growth จีนในปี 2558 จะอยู่ที่ 6.8% เทียบ 7.4% ในปี 2557
เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ทำให้เป็นที่คาดหมายว่า ธนาคารกลางจีน จะต้องใช้มาตรการการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม ผ่านการลดดอกเบี้ยฯ ลงอีก 0.5% ในช่วง 1H58 หลังจากที่ได้ปรับลดเงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง 0.5% เหลือ 19.5%วันที่ 5 ก.พ. 2558 (คาดว่าจะเพิ่มปริมาณเงินในระเศรษฐกิจจีนได้ถึง 3 ล้านล้านหยวน หรือ 4.8 แสนล้านเหรียญฯ) และลดดอกเบี้ยลง 0.4% เหลือ 5.6% ในเดือน พ.ย. 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะกระตุ้น Money Supply โลก นอกเหนือการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบผ่าน QE ของธนาคารกลางยุโรปเฉลี่ยเดือน 6 หมื่นล้านยูโร จะเริ่มขึ้นในเดือน มี.ค. นี้เป็นต้นไป จนถึง ก.ย. 2559
ต่างชาติยังขายสุทธิไทยเป็นวันที่ 2 แต่เบาบาง
วานนี้ นักลงทุนต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคอีกครั้ง ราว 49 ล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นการซื้อสลับขายสุทธิใน 5 วันหลังสุด ทั้งนี้พบว่ายังคงซื้อสุทธิหลักในไต้หวัน ต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ด้วยมูลค่า 161 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 36% จากวันก่อนหน้า ตามมาด้วยอินโดนีเซียซื้อสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ราว 20 ล้านเหรียญฯ (แต่ลดลง 30% จากวันก่อนหน้า) สวนทางกับเกาหลีใต้ที่ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ราว 96 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 45%) ขณะที่ฟิลิปปินส์สลับมาขายสุทธิราว 31 ล้านเหรียญฯ และสุดท้ายคือไทยขายสุทธิเป็นวันที่ 2 แต่ลดลง 63% เหลือราว 4 ล้านเหรียญฯ (145 ล้านบาท)
แม้ต่างชาติได้ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แต่พบว่ามูลค่าขายเบาบาง โดยยังมีความหวังวาต่างชาติ จะกลับเข้ามาซื้อสุทธิต่อเนื่องอีกครั้ง เนื่องจาก Money Supply โลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการอัดฉีดเงินผ่าน QE ของสหภาพยุโรป และการลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้นักลงทุนต่างชาติทยอยซื้อสุทธิเบาบางเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ราว 299 ล้านบาท (รวม 4 วันซื้อสุทธิ 2.4 พันล้านบาท) ซึ่งถือว่าเบาบางและไม่น่ามีผลต่อค่าเงินบาทมากนัก
ยังเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง SENA เด่น
เชื่อว่าการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายน่าจะเกิดขึ้นในวงกว้าง ซึ่งน่าจะหนุนให้สภาพคล่องโลกมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มพัฒนาบ้านเพื่อขาย และสินค้าอุปโภคบริโภค ดังที่ได้กล่าวโดยละเอียดใน Market Talkวานนี้ วันนี้นำเสนอหุ้นพัฒนาอสังหาฯ ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และ เลือกเป็น Top pick วันนี้คือ
SENA (FV@฿4.5) เป็นผู้พัฒนาบ้านขาย ที่เน้นลูกค้าระดับกลาง-ถึงล่าง โดยสินค้าหลักจะเป็นผสมผสานระหว่าง คอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ “The Niche, The Kith” และ บ้านเดี่ยว ภายใต้ “SENA Grand Home, SENA Park Home” ในภาวะดอกเบี้ยขาลง SENA ถือเป็นบริษัทหนึ่งที่ได้ประโยชน์ เพราะมิใช่แต่ ทำให้ลูกค้าผู้ซื้อบ้าน สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ทำให้การโอนบ้านได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกันพบว่าผลประกอบการในปี 2557 มีแนวโน้มทำได้สูงกว่าคาด โดยเฉพาะในงวด 4Q57 นักวิเคราะห์ ASP ประเมินว่าจะทำกำไรสูงสุดของปีนี้ที่ 164 ล้านบาท เพิ่ม 37% QoQ และ 31% YoY เพราะสามารถโอนฯคอนโดฯและแนวราบได้มากกว่ากำหนด หากงวด 4Q57 เป็นไปตามคาด ทำให้จะต้องปรับเพิ่มกำไรสุทธิตลอดปี 2557 ขึ้นจากเดิม 15%
และเช่นเดียวกับปี 2558 มีแผนเปิดโครงการใหม่มากกว่าที่คาด โดยมีจำนวนโครงการสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท จำนวน 11 โครงการ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท บวกกับบริษัทได้เตรียมสินค้าไว้ขายจำนวนมาก ทำให้คาดว่ายอด Presale ในปี ใหม่โตก้าวกระโดด 50% YoY มาที่ 4.5 พันล้านบาท และรับรู้รายได้ถึง 3 พันล้านบาท เติบโต 15% YoY เป็นผลทำให้ฝ่ายวิจัยต้องปรับเพิ่มกำไรสุทธิในปี 2558 อีก 16% ภายใต้สมมติฐาน Gross margin สูงกว่า 40% นับเป็นระดับสูงสุดในอุตสาหกรรม ซึ่งใกล้เคียงกับ SPALI (ขณะที่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเพียง 34%) ทำให้ราคาปัจจุบันมีค่า Expected PER ต่ำเพียง 6 เท่า ขณะที่ Dividend Yield 6.7% จึงแนะนำซื้อและเลือกเป็น Top pick โดยให้ Fair Value อิง Expected PER 8 เท่า ได้มูลค่าหุ้นที่เหมาะสม 4.5 บาท มี upside 25.3% โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2557-58 ขึ้น 15% และ16% ตามลำดับ แนะนำ ซื้อ จากราคาปัจจุบันมีค่า PER ต่ำเพียง 6 เท่า และ Dividend Yield 6.7% โดยให้ Fair Value อิง PER 8 เท่า หรือ 4.5 บาท มี upside ราว 25.33%
ภรณี ทองเย็น, CISA
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
กษิดิ์เดช รัตนสมบูรณ์
มาราพร กี้วิริยะกุล