- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 February 2015 16:52
- Hits: 1771
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“วิตกกรีซกดดัน…ซื้อใหม่รอจังหวะอ่อนตัว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index อ่อนตัวลงแรงในช่วงท้าย โดยแรงขายกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์กดตลาด ขณะที่แรงซื้อหุ้นขนาดกลาง-เล็กยังคงมีอยู่ ดัชนีปิดตลาด -11.86 จุด ที่ 1601.77 ทั้งนี้ Sentiment ตลาดช่วงบ่ายเป็นลบจากการที่หุ้นยุโรปร่วงแรง เพราะวิตกกับปัญหาของกรีซ ขณะเดียวกันดัชนีดาวโจนส์ ฟิวเจอร์สก็ร่วงไป 0.5-0.6% ด้วย นักลงทุนต่างชาติ สถาบันในประเทศ และพอร์ตบล.ขายสุทธิ ส่วนรายย่อยซื้อสุทธิ
ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกเรื่องกรีซ ซึ่งดูเหมือนว่าการเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซและ EU จะไม่มีความคืบหน้าที่ดีในสัปดาห์นี้ เพราะยังมีเวลาที่จะตกลงกันอีกระยะ เนื่องจากโครงการรับความช่วยเหลือของกรีซจะหมดอายุลงในวันที่ 28 ก.พ.นี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในที่สุดรัฐบาลกรีซและเจ้าหนี้ต่างๆจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ เนื่องจากการผิดชำระหนี้และการออกจากยูโรโซนของกรีซไม่ส่งผลดีต่อทั้งประเทศใน EU และตัวกรีซเอง แต่ระหว่างการเจรจาก็ก่อให้เกิดความวิตกกังวลและกดดันตลาดหุ้นเป็นระยะ ตลาดหุ้นจึงจะผันผวนมากขึ้น เราเห็นว่าการอ่อนตัวเป็นจังหวะทยอยซื้อลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี โดยปัจจัยที่ยังหนุนตลาดคือ สภาพคล่องจาก QE ของหลายประเทศ โดยในส่วนยูโรโซนจะเริ่มตั้งแต่มี.ค.58 ที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน และแนวโน้มเศรษฐกิจและกำไรบจ.ที่จะดีขึ้นในปี 2558 หุ้นพื้นฐานที่แนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น PS
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบเล็กๆ ภาพตลาดเป็นการแกว่งแบบให้น้ำหนักกับการปรับฐาน แต่อาจมีการปรับขึ้นก่อนแล้วค่อยถอยลง ระยะสั้นให้แนวต้านไว้ที่ 1610-1620, 1630 ค่าลบควรลดพอร์ตตาม หลุด 1595 Stop Loss
สำหรับ การ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ในทางเทคนิค พบว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ KTC, RCI, CEN, BLA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ PACE,TIPCO, LH, LOXLEY, LIT หุ้นที่หลุด List คือ TRT, ML สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าพิจารณา Take Profit ตามรอบ คือTSR
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
-/• กรีซ : ตลาดวิตกปัญหาหนี้สินหลังไม่มีข้อตกลงที่ดีจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ โดยทางเจ้าหนี้ EC ยืนยันให้กรีซเดินหน้ามาตรการรัดเข็มขัดตามที่ตกลงไว้ก่อนหน้า ขณะที่รัฐบาลกรีซก็ต่อรองด้วยไม้ตาย คือ การผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ โดยในช่วงแรกทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ต่างยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดของตัวเองก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยๆเจรจากัน จนในที่สุดจะได้ข้อสรุปที่พอจะยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย ซึ่งเราคาดว่ากรณีของกรีซและเจ้าหนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้รัฐบาลกรีซเองก็มีแรงกดดันจากการยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัดว่าจะเอาเงินจากไหนมาใช้จ่าย เพราะเศรษฐกิจซบเซามาก รายได้จากการเก็บภาษีก็หดตัวลง รัฐบาลจะกู้มาใช้จ่ายก็ไม่ได้ถ้าผิดนัดชำระหนี้ไปแล้ว ดังนั้นบทสรุปน่าจะออกมาในรูปแบบที่ทั้งประชาชนกรีซและเจ้าหนี้ยอมรับได้ เช่น การขยายระยะเวลาการใช้มาตรการรัดเข็มขัดออกไป แต่ไม่ยกเลิก, การยอมยืดอายุหนี้ หรือลดอัตราดอกเบี้ยบางส่วนแต่ไม่มีการลดหนี้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการเจรจาต่อรอง อาจส่งผลกระทบต่อ Sentimentการลงทุน และทำให้เกิดความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายอยู่บ้าง แต่ก็เป็นจังหวะในการเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี (ซึ่งรวมถึงหุ้นด้วย) ทั้งนี้ตลาดยังมีปัจจัยหนุนจากสภาพคล่องการเงินโลกที่จะสูงขึ้นจากการทำ QE ของหลายประเทศ โดยยูโรโซนจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่มี.ค.58เป็นต้นไป
• ยูโรโซน : ติดตามผลการประชุมกรณีกรีซสัปดาห์นี้ โดยวันพุธที่ 11ก.พ.จะมีประชุมรัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรป (EU) และวันพฤหัสฯที่ 12 ก.พ.มีเจรจาสุดยอดผู้นำ EU อย่างไรก็ตาม ตลาดประเมินว่าอาจยังไม่มีความคืบหน้าหรือข้อตกลงใดๆ เพราะยังมีเวลา (โครงการรับความช่วยเหลือของกรีซจะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ.58)
•/- สหรัฐ : ประธาน เฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย คาดเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่ถูกกระทบจากภาวะเงินฝืด และชี้ว่าเฟดควรปรับขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ ทั้งนี้ผลการสำรวจของเฟดสาขานิวยอร์คพบว่าการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อของชาวสหรัฐมีเสถียรภาพเมื่อม.ค.58 โดยค่ากลางอัตราเงินเฟ้อในช่วง 1 ปี และ 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 2.9% และ 3.0% ตามลำดับ
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลง โดยดัชนี DJIA ลดลง 95.08 จุด หรือ -0.53%ดัชนี NASDAQ ลดลง 18.39 จุด หรือ -0.39% ดัชนี S&P500 ลดลง 8.73จุด หรือ -0.42% ปัจจัยกดดันตั้งแต่เริ่มเปิดตลาด คือ ปัญหาของกรีซ ที่รัฐบาลใหม่ยังยืนยันการยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัด และไม่ขอให้ขยายโครงการรับความช่วยเหลือที่จะหมดอายุสิ้นเดือนก.พ.นี้ อย่างไรก็ตามราคาหุ้นพลังงานปรับขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
+ สัญญาน้ำมันดิบปรับขึ้น โดย WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.17ดอลลาร์ ปิดที่ 52.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ขยับขึ้น 54 เซนต์ ปิดที่ 58.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้กลุ่มโอเปกออกมาคาดการณ์ว่าการขยายตัวของปริมาณการผลิตประเทศนอกกลุ่มโอเปก
+ สัญญาทองคำรีบาวด์ โดยสัญญา COMEX ส่งมอบเม.ย.เพิ่มขึ้น 6.9ดอลลาร์ หรือ +0.56% ปิดที่ระดับ 1,241.50 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำหลังมีความวิตกเรื่องกรีซ
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ รมว.คลังเปิดเผยว่าการเบิกจ่ายส่วนราชการเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นในเดือนก.พ. หลังจากที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบ หารือ และเร่งทำสัญญาไปแล้ว จากนี้ไปเม็ดเงินใช้จ่าย&ลงทุนภาครัฐจะเข้าสู่ระบบเร็วขึ้น ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับหน่วยงานรัฐหลายแห่งรวมถึงธปท.ด้วย ซึ่งคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยใน 1H58 ขยายตัวได้ 3.5-4.0%YoYและใน 2H58 เติบโตได้ 3.5%YoY และทั้งปี 2558 ขยายตัว 3.8-4.0%
• ภาคท่องเที่ยวไทย : ปี 2558 ฟื้นตัวดีขึ้นแต่อัตราการเติบโตไม่สูงทั้งนี้การอ่อนลงของค่าเงินรูเบิล ทำให้กำลังซื้อของประชาชนรัสเซียลดลงไปมาก ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทย (นักท่องเที่ยวรัสเซียคิดเป็น7% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ) อย่างไรก็ตาม ภาคท่องเที่ยวไทยยังได้อานิสงค์ทางบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเพิ่มขึ้นมาก ในเดือนธ.ค.57 จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาในไทยเพิ่มถึง87%YoY (นักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วน 25% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด) ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากการยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวจีนและไต้หวันที่เข้ามาไทยเป็นเวลา 3 เดือน สำหรับปี 2558คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียจะลดลง 20-40% แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้น 20% แต่เนื่องจากสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนเป็นสัดส่วนที่สูง ทำให้สามารถชดเชยกันได้ และมีโอกาสที่ภาคท่องเที่ยวไทยจะเติบโตได้เล็กน้อยในปี 2558 ทั้งนี้รายได้จากภาคท่องเที่ยวคิดเป็นประมาณ10% ของ GDP ไทย
ความเห็น Retail Research : เรายังมีมุมมองที่เป็นบวกกับภาคท่องเที่ยวของไทยในระยะกลาง-ยาว โดยมองว่าจุดแข็งคือ ไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย โรงแรมที่พักอยู่ในมาตรฐาน อาหารสมบูรณ์ และมีสปา &บริการเสริมความงามเป็นปัจจัยเสริมด้วย ส่วนปัญหาการเมืองคาดว่าจะดีขึ้นหลังเลือกตั้งในปี 2559 ซึ่งจะช่วยให้ความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวกลับมาเป็นปกติได้ ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือ เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาไทยต่ำกว่าคาด หุ้นเด่น คือ MINT (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 41 บาท) โดยคาดว่ากำไรปี 2558 จะเติบโตขึ้นเป็น 24%จากที่ติดลบ 8% ในปีก่อน เนื่องจากธุรกิจโรงแรมและอาหารฟื้นตัวดีขึ้นการเข้าซื้อโรงแรมในโปรตุเกสและบราซิลคาดว่าจะเพิ่มกำไรให้กับกลุ่มราว5-6% แต่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
+ ไก่ส่งออก : เกาหลีใต้จ่อปลดล็อกนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากไทยหลังระงับการนำเข้ามาราว 11 ปี โดยทางกระทรวงต่างประเทศไทยในกรุงโซล เกาหลีแจ้งผลการพิจารณาของทางการเกาหลีใต้ว่าได้ประเมินความเสี่ยงในการนำเข้าสัตว์ปีกจากไทยแล้ว เห็นควรให้อนุญาตนำเข้าไก่สดจากไทยได้ คาดว่าจะเริ่มส่งออกได้ตั้งแต่มิ.ย.58 นี้
ความเห็น Retail Research : นับเป็นข่าวดีกับกลุ่มส่งออกไก่ของไทย ที่จะมีตลาดเพิ่มเติม ทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯ ไทยคาดว่าจะส่งออกไก่สดแช่แข็งไปเกาหลีใต้ได้เพิ่ม 4 หมื่นตัน/ปี (เกาหลีนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากบราซิลและสหรัฐเป็นหลักราว 90% แต่ในเดือนธ.ค.57 สหรัฐมีไข้หวัดนกระบาดเกาหลีจึงงดนำเข้าไก่สดจากสหรัฐ) อย่างไรก็ตาม จะเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนปริมาณส่งออกไก่ของไทยปีนี้ คาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโต 6-7% เป็น 6 แสนตัน และมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 8 หมื่นล้านบาท เรายังคงแนะนำซื้อ GFPT (ราคาพื้นฐาน 21.30 บาท อิงกับ P/E ปี 2558 ที่13.5 เท่า) โดยคาดการณ์กำไรปี 2557-2558 ว่าจะเติบโต 22% และ 8%ตามลำดับ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]