- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 June 2014 16:38
- Hits: 3592
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : แนวรับสำคัญ 1,445
Technical : แนวรับ 1,445 / 1,437 แนวต้าน 1,460 / 1,485
หุ้นแนะนำพิเศษ : STEC แนวรับ 21.8 / 20.5 แนวต้าน 22.9 / 23.1
หุ้นเด่นรายวัน : AIT SOLAR TFI
วันพฤหัสบดีตลาดหุ้นไทยปิดบวก 3.76 จุด ตลาดแกว่งไซต์เวย์-กลุ่มพลังงานกดดัน-ติดตามผลประชุม ECB ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,453.16 จุด เพิ่มขึ้น 3.76 จุด, +0.26% มูลค่าการซื้อขาย 48,574.50 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,372.94 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,410-1.462 แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเป็นสัญญาณบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน ด้านปริมาณการซื้อขายลดน้อยถอยเป็นสัญญารลบ เนื่องจากตลาดรอดูรายละเอียด และแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน(เป็นรูปธรรม) การปรับตัวลงจึงมีลักษณะของการซื้อเล่นรอบ ขึ้นทดสอบแนวต้านอาจมีแรงขาย ในขณะที่ SET50 แท่งเทียนไม่สร้างจุดสูงใหม่กว่าและปิดตัวด้วยแท่งเทียนโดจิสีดำเป็นสัญญาณลบ ระหว่างวันมีแนวรับสำคัญ 975 เป็นแนวรับหลักของการพิจารณาของแนวโน้มขาขึ้น ต่ำกว่าลงมีแนวรับต่อไป 964 GFM14 เก็งกำไรในกรอบ 19,230-19,630 GFQ14 เก็งกำไรในกรอบ 19,300-19,700
กลยุทธ์ ตลาดมีลักษณะของการรอคอยปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้นแรงซื้อ ในขณะที่ภาพระยะกลางยังคงได้รับการคาดการณ์เชิงบวก โดยภาพรวมของการปรับประมาณการราคาพื้นฐานของตลาดมีแนวโน้มที่จะทรงตัวหรือพิจารณาปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นระยะสั้นการปรับตัวลงของกลุ่มธนาคาร จะมีแรงซื้อเล่นรอบเข้ามา กลุ่มพลังงานแรงขายหนาแน่นทั้งนี้เป็นผลจากความไม่ชัดเจนเรื่องราคาพลังงาน การปรับตัวลงแนะนำเข้าซื้อถือและซื้อระยะสั้น PTTGC PTT กลุ่มถ่านหินคาดปรับตัวลงตามเป็นจังหวะเข้าซื้อ BANPU AGE กลุ่มบันเทิง BEC MCOT หุ้นรายหลักทรัพย์ TPOLY PTTEP STEC SPALI SAMART ระยะกลาง ถือ และซื้อเพิ่มเมื่อปรับตัวลงแรง
หุ้นแนะนำพิเศษ
STEC ( ปิด 22.40 ซื้อเป้าปี 57: 26.25 บาท) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเราชอบ STEC มากที่สุด เพราะเป็นบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรดีที่สุดหากเทียบกับอีกสองบริษัทในกลุ่ม Big Three โดย 1Q57 STEC มีกำไรสุทธิ 414 ล้านบาทสูงที่สุดของกลุ่ม และคิดเป็น Net Profit Margin ที่ 7.5% เทียบกับ CK และ ITD ที่มี Net Profit Margin ต่ำเพียง 4% และ 1.5% ส่วนทั้งปีเราคาดกำไรปกติปีนี้ประมาณ 1,600 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7%yoy แนะนำ ซื้อ พร้อมปรับเพิ่ม Prospective P/E ในการคำนวณราคาเป้าหมายจากเดิม 20 เป็น 25 เท่าจะได้ราคาเหมาะสมใหม่ในปีนี้ที่ 26.25 บาท
หุ้นเด่นรายวัน
AIT (ราคาปิด 30.75 บาท ซื้อเก็งกำไร เป้า consensus 37.62) ได้รับอานิสงส์จากการที่ คสช.อัดฉีดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการลงทุน หนุนภาคธุรกิจสดใส โดยผู้บริหารได้เตรียมประมูลงานภาครัฐมูลค่า 720 ล้านบาท คาดจะสรุปได้ในช่วง 3Q57 ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) 3,880 ล้านบาท (ที่มา : ทันหุ้น)
SOLAR (ราคาปิด 6.20 ซื้อเก็งกำไร) ได้ประโยชน์จากการปลดล็อกใบรง.4 ในการที่โครงการโซลาร์รูฟ ท็อปไม่เกิน 1 เมกะวัตต์ ไม่ต้องขอใบอนุญาต รง.4 ผู้บริหารมั่นใจปีนี้รายได้โตไม่ต่ำกว่า 30% เล็งเข้าลงทุนในเขมร (ที่มา : ข่าวหุ้น)
TFI (ปิด 1.37 ซื้อเก็งกำไร) เก็งกำไรข่าวเจรจาขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 800 ล้านหุ้นที่ราคา 1.60 บาทให้กับพันธมิตรรายใหญ่จากต่างประเทศ เพื่อนำเม็ดเงินเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน คาดจะสรุปภายในเดือน มิถุนายน 2557 หรือต้นไตรมาส 3/2557 นี้ ซึ่ง TFI จะเดินหน้าเจรจาซื้อใบอนุญาตการขายไฟฟ้า หรือ PPA ทันที โดย TFI ตั้งเป้าภายใน 1-2 ปี จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ประมาณ 100-200MW(ที่มา : ทันหุ้น)
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
* EFORL มีผลบังคับใช้ 28 เม.ย. - 6 มิ.ย. 57
* EVER/ IFEC / OCEAN / SUPER มีผลบังคับใช้ 6 พ.ค. - 13 มิ.ย. 57
* PAF/ PDI มีผลบังคับใช้ 19 พ.ค. - 27 มิ.ย. 57
* AJP / APCO / EE มีผลบังคับใช้ 26 พ.ค. - 4 ก.ค. 57
* BMCL / RPC มีผลบังคับใช้ 2 มิ.ย. - 10 ก.ค. 57
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : เพิ่มขึ้น 98.58 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 98.58 จุด เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 0.15% จากระดับเดิมที่ 0.25% และลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ระดับ- 0.10% จากระดับเดิมที่ 0% ส่งผลให้อีซีบีเป็นธนาคารกลางแรกในโลกที่ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ เมื่อวานนี้กระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค. เพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 312,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 310,000 ราย ทำให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 98.58 จุด หรือ +0.59% ปิดที่ 16,836.11 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 44.59 จุด หรือ +1.05% ปิดที่ 4,296.23 จุด ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 12.58 จุด หรือ +0.65%ปิดที่ 1,940.46 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX : ลดลง 16 เซนต์
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 16 เซนต์ นักลงทุนวิตกกังวลต่อความต้องการพลังงานในสหรัฐหลังกระทรวงแรงงานรายงานตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยเมื่อวานนี้กระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค. เพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 312,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 310,000 ราย นอกจากนี้นักลงทุนยังชะลอการลงทุนก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรออกมาในวันศุกร์นี้ ทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ลดลง 16 เซนต์ ปิดที่ 102.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบ BRENT ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ ปิดที่ 108.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
Analyst :
ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]