- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 February 2015 15:27
- Hits: 1836
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ไม่หลุด 1590 ยังเลือกซื้อ/ถือต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ปรับขึ้น 8.11 จุด ปิดที่ 1607.92 โดยในวันหลุดลงไปที่ 1588.06 (ต่ำกว่าฟิวเตอร์เล็กน้อย)แล้วดีดกลับขึ้นมาด้วยแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (นำโดย BAY, KTB, KBANK, TMB, TCAP) กลุ่มรับเหมา & วัสดุก่อสร้าง (นำโดย CK, TRC,SCC, TASCO) กลุ่มสายการบิน & เรือประจำเส้นทาง (AAV, NOK, THAI, RCL) นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติขายสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยเป็นซื้อสุทธิ
สำหรับ วันนี้ Sentiment อยู่ในระดับ Neutral โดยการเด้งขึ้นของราคาน้ำมันดิบช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่เศรษฐกิจภายในที่ฟื้นตัวช้าในช่วง 1H58 ก็กดดันกลุ่มที่อิงกับการอุปโภคบริโภค นอกจากนั้นใน Bloomberg ระบุว่าสำนักวิจัยต่างประเทศใหญ่แห่งหนึ่งปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ลงด้วย (ปรับ SCB, KTB, KBANK จาก Overweight เป็น Underweight และปรับ BBL จาก Overweight เป็น Neutral) โดยมองว่าการเติบโตของกำไรปีนี้อ่อนแอและขาดปัจจัยบวกกระตุ้น สำหรับ DBS Retail Team เรามีมุมมองต่อหุ้นกลุ่มแบงค์ของไทยเป็น Neutral โดยคาดว่าผลประกอบการ1H58 ยังทรงตัว แต่มีโอกาสเติบโตดีขึ้นใน 2H58 เป็นต้นไป ส่วนกลุ่มที่มี Story โดดเด่นในช่วง 1H58 คือ รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, ธุรกิจการเงินที่เน้นลูกค้าระดับรากหญ้า, ท่องเที่ยว, สายการบิน เป็นต้น หุ้นพื้นฐานที่แนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น CK
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวกเล็กๆ ความน่าจะเป็นคือปรับขึ้นต่อ แล้วแกว่งหรือลงต่ำต่อ ระยะสั้นให้แนวต้านไว้ที่ 1610-1620 ค่าลบควรลดพอร์ตตาม หลุด 1590 Stop Loss การซื้อเก็งกำไรใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนี & ราคาหุ้นเป็นหลัก สำหรับการ Scan หาหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ในทางเทคนิค พบว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ LH, LOXLEY, SIAM, VIBHA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ PACE, PS, TIPCOPRECHA, S, IRCP, TRT หุ้นที่หลุด List คือ –ไม่มี- สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและราคาปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าพิจารณา Take Profit ตามรอบ คือSF, MCS, WIIK, CSS
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
• สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานออกมาดีกว่าคาด โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. เพิ่มขึ้น11,000 ราย สู่ระดับ 278,000 ราย แต่เป็นการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 290,000 ราย บ่งชี้ว่าภาคแรงงานสหรัฐยังฟื้นตัวดี
+ยูโรโซน : EU ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2558 เติบโตดีขึ้นคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจฉบับล่าสุดที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของ 19 ประเทศที่ใช้เงินยูโรจะขยายตัว 1.3% ในปี 2558 (เพิ่มจาก 1.1% ที่เคยประเมินไว้เมื่อพ.ย.57) โดยราคาน้ำมันที่ร่วงลงและการอ่อนค่าของเงินยูโรช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจโตดีขึ้น ส่วนปัจจัยกดดัน คืออัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมาก (0.1%) อัตราการว่างงานที่สูง (11.4%) และฟื้นช้า
• กรีซ : จับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหนี้ ล่าสุดมีรายงานว่ารมว.คลังกรีซและรมว.คลังเยอรมันแสดงความเห็นขัดแย้งกันอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของกรีซ และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ระงับสิทธิที่เคยให้แก่สถาบันการเงินต่างๆของกรีซในการใช้พันธบัตรรัฐบาลกรีซมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอเงินกู้เป็นการชั่วคราวหลังกรีซไม่ได้แสดงเจตจำนงตามสัญญาอย่างเคร่งครัด
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น โดยดัชนี DJIA ปิดที่ 17,884.88 จุด เพิ่มขึ้น211.86 จุด หรือ +1.20% ดัชนี NASDAQ +1.03% ดัชนี S&P500
+1.03% หนุนโดยตัวเลขภาคแรงงานที่ออกมาดีกว่าคาด (แม้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกจะเพิ่มขึ้น แต่น้อยกว่าที่ประมาณการไว้) และราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มทำให้มีการกลับมาซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน
+ สัญญาน้ำมันดิบรีบาวด์ โดย WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.03ดอลลาร์ ปิดที่ 50.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT เพิ่มขึ้น 2.41 ดอลลาร์ปิดที่ 56.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลักๆ มาจากการซื้อเก็งกำไรหลังราคาร่วงแรงเมื่อวันก่อนหน้า
• สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบเม.ย.ลดลงเล็กน้อย 1.8 ดอลลาร์ปิดที่ 1,262.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนยังคงถือครองทองคำในช่วงที่มีความไม่แน่นอนในกรีซ เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ช้าลง และปัญหาการเมืองระหว่างรัสเซีย vs ยูเครน
- ดัชนี Baltic Dry Index (BDI) ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เพราะมีแรงกดดันจากอุปทานล้นเกิน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงมาก และอุปสงค์จากจีนต่ำลง
ความเห็น Retail Research : อัตราค่าระวางเรือเทกองที่ต่ำลงเป็นลบกับหุ้น TTA และ PSL ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเรือเทกองในตลาดหุ้นไทย และทั้งสองบริษัทไม่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลง เพราะทำธุรกิจให้เช่าเหมาลำซึ่งลูกค้าจะเติมน้ำมันเอง
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ ธปท.คาดเศรษฐกิจไทย 1H58 เติบโต 4.5%YoY และ 2H58ขยายตัว 3.5%YoY ทั้งปี 2558 เติบโตได้ 4%YoY โดยมาจากอุปสงค์ในประเทศและภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว แต่การส่งออกยังขยายตัวได้ไม่มากหากเทียบ QoQ คาดว่าจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 1H58 และขยายตัวเพิ่มขึ้นใน 2H58 เมื่อเม็ดเงินลงทุนภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายนอกส่วนความท้าทาย คือ การต้องให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะกลาง-ยาวมากขึ้น โดยต้องมีการปฏิรูปบางอย่างซึ่งมีต้นทุนในระยะสั้น, การออมภาคครัวเรือนควรสูงขึ้นเพื่อรองรับสังคมสูงอายุ และภาคธุรกิจต้องเพิ่ม Productivity ให้สามารถแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน
ความเห็น Retail Research : เรามีมุมมองที่เป็น Neutral ต่อเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น แต่เป็นบวกในระยะยาว เนื่องจาก คาดว่าการปฎิรูปในบางเรื่องและการลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐาน รวมถึงการเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพในภาคธุรกิจจะช่วยให้ Productivity ดีขึ้นในระยะยาวและทำให้มีการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน แต่ในระยะสั้นก็ต้องแลกกับการเติบโตที่ค่อนข้างช้า เพราะการปรับวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายประชานิยมเต็มที่มาเป็นประชานิยมเท่าที่จำเป็น และลงทุนในโครงการสำคัญและเชื่อมไปสู่การเป็นศูนย์กลางในกลุ่มประเทศ AECสำหรับกลยุทธ์การลงทุน เป็นการเลือกซื้อบน Timing & Story &Valuation ที่เหมาะสม ในช่วง 1H58 กลุ่มที่โดดเด่นเป็น รับเหมาก่อสร้าง,วัสดุก่อสร้าง, ธุรกิจการเงินที่เน้นลูกค้าระดับรากหญ้า, ท่องเที่ยว, สายการบิน ส่วนใน 2H58 เรามองว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์, อสังหาริมทรัพย์, ค้าปลีก, อาหาร, พลังงาน, ปิโตรเคมี น่าสนใจเพราะคาดว่าจะเห็นตัวเลขการบริโภคที่ดีขึ้น หลังเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ระบบจริงๆ ราคาน้ำมันทยอยปรับขึ้นหลังตกต่ำในช่วง 1H58 อย่างไรก็ตาม การลงทุนก็ต้องพิจารณาValuation ของหุ้นประกอบด้วย เพราะการซื้อหุ้นดีที่ราคาแพงมากก็จะให้อัตราผลตอบแทนที่ต่ำ และมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้ด้วย
- ดัชนีความเชื่อมั่นผุ้บริโภคเดือนม.ค.58 อ่อนลงเล็กน้อยเป็น 80.4จาก 81.1 ในเดือนธ.ค.57 เนื่องจากยังกังวลกับเศรษฐกิจภายในที่เติบโตช้าและปัจจัยภายนอกที่ไม่แน่นอนกดดันการฟื้นตัวของภาคส่งออก
• ความคืบหน้าของโครงการรถไฟรางคู่ เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุด-กรุงเทพฯ ระยะทาง 873 กม. ล่าสุดทางรัฐบาลจีนเสนอรูปแบบการลงทุนในลักษณะกู้ร่วมผ่าน EXIM Bank ของจีน อัตราดอกเบี้ย2-4% ระยะเวลาปลอดหนี้ 4 ปี และคืนทุน 20 ปี ซึ่งรัฐบาลไทยกำลังพิจารณาและคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้านี้...นับเป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หุ้นเด่น CK รองลงมาเป็น ITD และ TRC
• การเมือง : มีโอกาสประกาศเลือกตั้งได้ในม.ค.59 แต่ต้องทำร่างกฎหมายลูกรอไว้ หลังส่งร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกเข้าสภาในเดือนเม.ย.58เมื่อรัฐธรรมนูญแก้ไขและประกาศใช้ในเดือนก.ย.58 ก็นำกฎหมายลูกเข้าสภาเดือนต.ค.-พ.ย.58 แล้วรอลงพระปรมาภิไธยในเดือนธ.ค.58 จากนั้นเดือนม.ค.59 ก็ประกาศเลือกตั้งทั่วไปได้
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]