- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 June 2014 18:14
- Hits: 3282
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แกว่งมากขึ้น...ถ้าไม่หลุด 1420 ยังถือ/เลือกซื้อได้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
• ภาพตลาดวันก่อน : ดัชนีแกว่งจากแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นมาหลายวันต่อเนื่อง โดยขึ้นไปสูงสุด 1458.03 (ซึ่งก็คือการทดสอบแนวต้าน 1460 ไปแล้ว) ปิดตลาด 1449.40 ลดลง 4.84 จุด มูลค่าซื้อขายยังคึกคัก 5 หมื่นกว่าล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 558 ล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ184 ล้านบาท สถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิ แต่ไม่มาก
• ปัจจัยและกลยุทธ์ : แม้ว่าจะมีความผันผวนเกิดขึ้นหลังปรับขึ้นเร็ว 5.5% ใน 8 วันทำการที่ผ่านมา แต่แรงขายก็ยังไม่รุนแรง ผนวกกับมีการซื้อกลับในจังหวะอ่อนตัวด้วย เพราะนักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยจะกระเตื้องขึ้นใน 2H57 และปี 58 แต่ในลักษณะของการลงทุนจะเป็นแบบเวียนกลุ่ม (ขายกลุ่มนี้ ซื้อกลุ่มโน้น สลับสับเปลี่ยน เวียนกันไป) ดังนั้นสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาวก็เป็นการถือหุ้นดีที่มีอยู่และรอซื้อเพิ่มจังหวะอ่อนตัวโดยกำกับความเสี่ยงไว้ด้วยแนวฟิวเตอร์ทางเทคนิคที่ไม่ควรหลุด คือ 1420 จุด ส่วนการ Trading ในภาวะที่ตลาดยังเป็นSideway up ก็สามารถทำได้ แต่จากนี้ไปก็จะหวัง Gap กำไรมากๆ จากหุ้นกลุ่มหลักๆ ได้น้อยลง เพราะราคาหุ้นส่วนใหญ่ได้ปรับขึ้นรับข่าวแล้วพอสมควร สำหรับกลุ่มที่มี Story ที่น่าสนใจในช่วงนี้เป็นสายการบิน โรงแรม & ท่องเที่ยว โดยคาดการณ์ว่าอาจจะมียกเลิกเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติม (หุ้นเด่น AOT, CENTEL, MINT) กลุ่มพลังงานทางเลือก ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากการเปิดโรงงานโซลาร์ฟาร์มทำให้รายได้และกำไรดีขึ้น, การออกใบอนุญาตโรงงานจะทำได้เร็วขึ้น และโซลาร์รูฟทอปตามบ้านเรือนไม่ต้องขอใบอนุญาตโรงงาน (หุ้นเด่น คือ SPCG, SOLAR) กลุ่มส่งออก ที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีขึ้นใน 2H57 (หุ้นเด่น DELTA, KCE, CPF, GFPT) และอสังหาริมทรัพย์ & วัสดุก่อสร้าง ซึ่งหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปรับขึ้นรับข่าวอย่างเร็วขณะที่กลุ่มวัสดุก่อสร้าง & นิคมฯ ขึ้นในระดับกลางๆ ขณะที่กลุ่มที่พักอาศัยยัง Laggard แต่เราคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่จะพลิกฟื้นจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคและ Sentiment ที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน (หุ้นเด่น คือ AP, QH, SPALI) สำหรับกลยุทธ์ทางเทคนิค โดยหลักเป็นการซื้อตามค่าบวก แนวต้านระยะสั้น1460, 1480 จุด โดยแนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุดอยู่ที่ 1420 จุด สำหรับหุ้นพื้นฐานที่น่าสนใจวันนี้ เป็น AP
Fundamental Pick
AP แนะนำซื้อปิด 5.70 บาท ราคาพื้นฐาน 6.30 บาท
• ยอดขาย Presales เดือนเม.ย.-พ.ค.57 ปรับเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมาก โดยเดือนพ.ค.57 เดือนเดียวมียอดขาย 4.5 พันล้านบาท มากกว่ายอดขายสะสม 4 เดือนแรกของปีนี้ที่ 3 พันล้านบาทเนื่องจากเปิดขายคอนโดใหม่ 3 แห่ง และยอดขายบ้านแนวราบดีขึ้น สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ คาดว่า 1Q57 ที่ประกาศไปแล้วจะเป็นไตรมาสที่มีกำไรต่ำที่สุดของปีนี้ ขณะที่กำไร 2Q57 จะดีขึ้น QoQ และใน 4Q57 จะมีกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งมาก สำหรับปี 58 คาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตถึง 22% นับว่าผลประกอบการมีโมเมนตัมดีมากนับจากนี้ไป เราจึงแนะนำซื้อให้ราคาพื้นฐาน 6.30 บาท ซึ่งอิงกับ P/E ปี 57 ที่ 9 เท่า (มี Potential ที่จะปรับขึ้นได้อีก ถ้ายอดขาย Presales ยังดีต่อเนื่องในระยะต่อไป)
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+/• สหรัฐ : PMI ภาคบริการเดือนพ.ค.57ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนยอดขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.57 เพิ่มขึ้นเพราะยอดนำเข้าเติบโตขณะที่ส่งออกหดตัว
+ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐในเดือนพ.ค.57 ปรับตัวขึ้นแตะ 58.1 จากระดับ 55 ในเดือนเม.ย. นับว่าขยายตัวเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี
+ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่าดัชนีภาคบริการเพิ่มขึ้นแตะ 56.3 ในเดือนพ.ค.57 จาก 55.2 ในเดือนเม.ย. นับว่าขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 9 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 55.5
• กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่าสหรัฐมียอดขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 6.9%MoM สู่ระดับ4.724 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.57 เนื่องจากยอดนำเข้าขยายตัว 1.2%MoM และยอดส่งออกหดตัวลง 0.2%MoM หากเทียบเป็นรายปี ยอดนำเข้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.4%YoY ในเดือนเม.ย. ส่วนยอดส่งออกขยับขึ้นเพียง 3%YoY
• ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่าภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 179,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.57 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 210,000 ตำแหน่ง
+ ยูโรโซน : คาด ECB จะลดดอกเบี้ย & ออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มในการประชุม 5 มิ.ย.นี้
+ นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 5มิ.ย.นี้ (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.25%) และคาดการณ์ด้วยว่าธนาคารกลางยุโรปจะพิจารณาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม (QE) เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญกับเงินเฟ้อที่อยู่ระดับต่ำ & ค่าเงินที่แข็งจนเกินไป รวมทั้งอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวในบางภาคส่วน โดยล่าสุดมีรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนลดลงแตะ 0.5% ในเดือนพ.ค.57 จาก 0.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 0.6%
• ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อ
• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,737.53 จุด เพิ่มขึ้น 15.19 จุด หรือ +0.09% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,251.64 จุด เพิ่มขึ้น 17.56 จุด หรือ +0.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,927.88จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด หรือ +0.19% ปัจจัยหนุนคือ ตัวเลขภาคบริการของเดือนพ.ค.ที่ออกมาดีอย่างไรก็ตาม นักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.57 ที่จะรายงานออกมาในศุกร์ที่ 6 มิ.ย.นี้
• สัญญาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวกรอบแคบ
• สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 102.64 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 42 เซนต์ ปิดที่ 108.4ดอลลาร์/บาร์เรล โดย EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ค.57ร่วงลง 3.4 ล้านบาร์เรล แตะ 389.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง100,000 บาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 118.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล
• สัญญาทองคำ COMEX อ่อนลงเล็กน้อย
• สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวลง 20เซนต์ ปิดที่ 1,244.3 ดอลลาร์/ออนซ์ การซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาหลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้นและเฟดทยอยลด QE เป็นลำดับ
ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
+ ผู้ประกอบการขอใหคสช.เร่งกระตุ้นภาคส่งออกด้วย ... หุ้นส่งออกเด่นปีนี้เป็นDELTA, KCE, CPF, GFPT
+ นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยภายหลังการเกิดรัฐประหารประมาณ 2-3 สัปดาห์เป็นไปได้ดีขึ้น มาตรการกระตุ้นและโรดแมพช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีกำลังใจมากขึ้น สำหรับนโยบายเร่งด่วนที่อยากให้คสช.ทำมากที่สุดขณะนี้ มี 2เรื่อง คือ 1.การส่งออก โดยควรดูแลค่าบาทไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปควรรักษาให้อยู่ในระดับ 33-34 บาทต่อดอลลาร์ เพราะหากส่งออกดี ทุกอย่างจะดีขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจรากหญ้าก็ได้ประโยชน์ด้วย 2.เร่งจ่ายเงินให้กับชาวนาให้ครบโดยเร็ว พร้อมทั้งเร่งส่งออกข้าวด้วย (ที่มา :สยามรัฐ)
• ความเห็น Retail Research : เนื่องจากการส่งออกเป็นสัดส่วนที่สูงในเศรษฐกิจไทย โดยมีสัดส่วนกว่า 70% ของ GDP (ดูในตารางด้านล่าง) ทำให้มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาก ดังนั้นหากการส่งออกเติบโตได้ดีขึ้น ก็จะผลักดันให้ภาคธุรกิจ ภาคแรงงาน และกำลังซื้อของประเทศฟื้นตัว ขณะเดียวกันดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดจะแข็งแรงขึ้นด้วย
• อย่างไรก็ตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย (SET)มีมูลค่าการตลาด (Market Cap) ไม่สูง โดยรวมแล้วประมาณ 10% ของ Market Cap ของตลาดรวมเท่านั้น ดังนั้นในการลงทุนของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ จึงจะเลือกซื้อในบางบริษัทที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายมากพอ โดยหุ้นเด่นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกเป็นDELTA, KCE, CPF, GFPT เป็นต้น ซึ่งได้รับประโยชน์จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น, มีการใช้กำลังการผลิตสูงจึงมี Economy of scale มากขึ้น, ราคาผลิตภัณฑ์อยู่ในเกณฑ์ดี, ความเสี่ยงเรื่องราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับขึ้นไม่รุนแรง ผลประกอบการเติบโตได้ต่อเนื่องถึงปี 58 (ดูสรุปEarning และ Valuation ของ 4 หลักทรัพย์ในตารางด้านล่าง)
+ กลุ่มท่องเที่ยว & โรงแรม : ผู้บริหารเซ็นทรัลพลาซา กล่าวว่าหลังยกเลิกเคอร์ฟิวบางพื้นที่ ยอดจองห้องพักผ่าน Online เพิ่ม3 เท่าตัว
+ นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา เปิดเผยว่าหลังจากปัญหาการเมืองมีความชัดเจนและคสช.ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่ท่องเที่ยวพัทยา, สมุย และภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจมากขึ้น จากการสอบถามฝ่ายการตลาดพบว่ายอดจองห้องพักผ่านระบบทาง Online เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเอเชียที่เข้าใจสถานการณ์การเมืองไทยและฟื้นตัวได้เร็ว ทั้งนี้ยอดจองห้อง Onlineมีสัดส่วนคิดเป็น 30% ของการจองทั้งหมด (ที่มา : มติชน)
• ความเห็น Retail Research : ปัญหาการเมืองที่คลี่คลายลง และการยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่ท่องเที่ยวเป็นข่าวบวกโดยตรงกับกลุ่มสายการบิน, โรงแรม & ท่องเที่ยว ซึ่งบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจสายการบินและโรงแรมที่เราทำการวิเคราะห์และแนะนำซื้อ ประกอบด้วย AOT(แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 237 บาท), CENTEL (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 38 บาท) และMINT (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท)
• อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นอาจแกว่งตัวจากแรงขายทำกำไรระยะสั้นที่สลับออกมา หลังปรับขึ้นไปรับข่าวบวกแล้ว แต่เมื่อมองไปข้างหน้าระยะกลาง-ยาว เห็นว่าธุรกิจยังไปได้ดีและมีโอกาสเติบโตโดยปัจจัยหนุน คือ สถานการณ์การเมืองไทยที่ดีขึ้น, การเปิด AEC หนุนธุรกิจสายการบินและโรงแรม เพราะนักธุรกิจและพนักงานต้องเดินทางเข้า-ออกในภูมิภาคนี้มากขึ้น ดังนั้นการอ่อนตัวของราคาหุ้นจึงเป็นจังหวะซื้อลงทุน
• การเมือง : เดินเครื่องเรื่องธรรมนูญการปกครอง
• เดินเครื่อง "ธรรมนูญปกครอง" คสช.ใช้มือเก๋า "ดร.วิษณุ" จัดให้ฝากการบ้านส่วนราชการจัดลำดับความเร่งด่วนกฎหมายที่ค้างเติ่ง ตั้ง"พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์" คุมบังเหียนศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป เตรียมนัดถกวางโรดแมพ ย้ำอำนวยความยุติธรรมทุกฝ่ายแต่ไม่เกี่ยวคดีก่อน 22 พ.ค.57 ใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นศูนย์พีอาร์สร้างภาพสมานฉันท์ (ที่มา :ไทยโพสต์)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]