- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 03 February 2015 15:12
- Hits: 1506
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ย่อตัวลงทดสอบแนว 1,570 จุด ก่อนเกิด Technical Rebound ส่งผลให้ SET INDEX ปิดบวกเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1.45 จุด มาอยู่ที่ 1,582.70 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42,910 ล้านบาท ทั้งนี้กลุ่มพลังงาน และ ICT เป็นกลุ่มที่ช่วยพยุงภาพตลาด พร้อมกับหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นการลงทุนเฉพาะตัวขยับขึ้นเด่นสวนทางกับภาพ SET INDEX วานนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติทยอยลดน้ำหนักการลงทุนในไทยต่อเนื่อง ด้วยการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 350 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 มากถึง 9,733 สัญญา แม้ว่าเงินบางส่วนจะเข้าพักในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 753 ล้านบาท ก็ตาม
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ติดตามการประชุม ครม. อาจพิจารณากรอบการเจรจาโครงการรถไฟรางคู่ระหว่าง รัฐบาลไทย และ ญี่ปุ่น ที่จะหารืออย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ก.พ.นี้
•ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดบวกเด่นเป็นวันที่ 2
•กรีซเสนอขอปรับหนี้กับ ECB และ EFSF ด้วยการชำระหนี้บนเงื่อนไขของสภาพเศรษฐกิจ แทนการขอลดหนี้ ทั้งนี้การเจรจาระหว่างกรีซและอียู ยังคงดำเนินต่อไป
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 7 คงประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,570-1,590 จุด หุ้นกลุ่มน้ำมันยังคงเป็นกลุ่มที่ช่วยพยุงภาพ SET INDEX ในรอบสั้น จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 รวมถึงสถานการณ์ในกรีซที่ทรงตัวถึงผ่อนคลาย ทำให้บรรยากาศรอบด้านในเอเชียเช้าวันนี้เป็นกลางถึงบวก
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทยที่หดตัว 0.4% yoy จากผลของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจยังไม่ใช่ปัจจัยสำคัญต่อการพิจารณานโยบายการเงินของ กนง. เราคาดว่า กนง.จะชะลอการตัดสินใจดังกล่าว เพื่อรอดูท่าทีของเฟดต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะประเด็นนี้จะมีผลต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และทิศทางค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
วันนี้ติดตามการประชุม ครม. คาดว่าจะมีการพิจารณาแผนการลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลไทย – ญี่ปุ่น ในโครงการรถไฟรางคู่ เพื่อนำไปหารือระหว่างการเยือนญี่ปุ่นของนายกฯ ในวันที่ 8 – 9 ก.พ.
ตลาด Nikkei / Kospi เช้านี้ (7.20 น) เปิดบวกเล็กน้อยทั้ง 2 ตลาด ตามการฟื้นตัวของ DJIA และราคาน้ำมันดิบที่ปิดบวกตลอด 2 วันทำการ
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาปรับตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เราเชื่อว่า SET INDEX ใกล้สิ้นสุดการพักฐานรอบสั้น เพื่อดีดตัวขึ้นทดสอบ 1,600 จุด และมีแนวโน้มทะลุแนวดังกล่าว ผลักดันด้วยผลการดำเนินงาน 4Q57 และ/หรือ ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว
Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO
Speculative Buy: TRUE / PTT
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.PTT : ราคาปิด 355.00 บาท ราคาเหมาะสม 397.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ NYMEX เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน +2.7% dod เป็น US$49.57/barrel และยืนเหนือระดับ US$50.00/barrel เป็น US$50.36/barrel เช้านี้
b)ราคาหุ้น PTT ที่ปรับตัวลง -9% จากจุดสูงสุดช่วงเดือน พ.ย. เชื่อว่าได้สะท้อนผลประกอบการ 4Q57 ที่คาดว่าจะขาดทุนสูงเนื่องจากผลขาดทุนจาก Stock loss ไปมากแล้ว
c)และคาดว่าผลประกอบการ 1Q58 จะดีขึ้น qoq จากผลขาด Stock loss ที่ลดลง หรือ อาจไม่มีผลขาดทุน Stock loss ได้เช่นกัน หากราคาน้ำมันดิบ Dubai แกว่งตัวเหนือบริเวณ US$55.00 /barrel ได้ เทียบกับสิ้นสุด ธ.ค.2557 ที่ US$55.84/barrel และราคาปัจจุบันที่ US$53.73/barrel
d)ซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 10.1 เท่า ต่ำกว่า TOP และ PTTEP ที่ 11.9 เท่า และ 12.3 เท่า ตามลำดับ และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 3.6% ต่อปี
2.TRUE : ราคาปิด 13.70 บาท ราคาเหมาะสม 14.60 บาท
a)ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่จากผลประกอบการ 4Q57 ที่คาดว่าจะพลิกเป็นกำไรสุทธิได้ราว 1-1.5 พันล้านบาท เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษการโอนเสาโทรคมนาคมราว 2,000 ต้นให้กับ TRUEIF
b)และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป เนื่องจากมีการชำระคืนหนี้ระยะยาวจำนวน 5.5 หมื่นล้านบาท หลังได้รับเงินจากการเพิ่มทุนจำนวน 6.5 หมื่นล้านบาท
c)ฐานะการเงินแข็งแกร่งโดย Net DE ลดลงเหลือเพียง 0.4 เท่า จะสะท้อนผ่านผลประกอบการปี 2558 ให้พลิกเป็นกำไรปกติ 1.29 หมื่นล้านบาท และหุ้นกลุ่มสื่อสารมี Catalyst คือการประมูล 4G ที่รออยู่ในช่วงต้น 3Q57
d)มี Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ หลังวานนี้ TRUE ประกาศแผนขายสินทรัพย์เพิ่มเติมให้กับ TRUEIF ได้แก่ ใยแก้วนำแส่งไม่เกิน 8,000 กม. และเสาโทรคมนาคมจำนวน 350 เสา มูลค่า 10,000 – 14,000 ล้านบาท ในเบื้องต้นคาดว่าจะส่งผลให้ TRUE บันทึกกำไรพิเศษในปี 2558 ได้ราว 2,000 – 2,900 ล้านบาท
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการ US$93 จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$145 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 130.8 -77.1 2,274.3 13,190.4 9,188.0
KOSPI 0.0 -96.3 -1,033.8 6,165.50 4,875.1
JSE 0.5 43.6 19.1 3,750.60 -1,806.4
PSE -19.9 5.5 509.4 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -8.0 2.1 -3.4 135.6 263.2
SET INDEX -10.7 -22.9 -138.4 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทย และ Short สุทธิใน SET50 Index Futures อย่างหนาแน่น
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -350 -749
SET50 Index Futures (สัญญา) -9,733 -2,037
SSF (สัญญา) +942 -107
Metal Futures (สัญญา) +122 +3
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +753 +729
นักลงทุนต่างชาติ คงการขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 350 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ขายสุทธิ 1,099 ล้านบาท เทียบกับ 7 วันทำการก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 15,685 ล้านบาท น่าจะเป็นการขายทำกำไร ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 4,648 ล้านบาท
แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 9,733 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 11,770 สัญญา คาดว่าเป็นการเร่งปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เหลือเพียง 1.08 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 4.19 จุด
ทั้งนี้เงินทุนเลือกพักในตลาดตราสารหนี้ ด้วยการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 753 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 1,482 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 12,976 ล้านบาท แม้ว่าราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นอย่างเด่น ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลง 3.50bps ปิดที่ 2.578%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 532 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 647 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 100.20 8.03% 220.22
TRUE 95.04 4.14% 13.45
AOT 58.45 5.65% 317.68
DTAC 50.90 10.29% 92.70
PTT 42.86 3.31% 352.14
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ แต่เป็นเพียงการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลักเท่านั้น
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเพียง 69 ล้านบาทเท่านั้น เทียบกับ 8 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 18,593 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงานและ ICT สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 193 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 120 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 118 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 90 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 584 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 601 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 104 ล้านบาท และกลุ่มเหล็ก ขายสุทธิ 28 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTT 134.95 10.71 SCB -294.65 28.55
DTAC 117.38 14.81 KBANK -219.85 27.66
ADVANC 110.26 14.23 SCC -114.45 28.73
PTTGC 77.32 12.01 CPF -72.98 12.32
MINT 62.73 12.49 KTB -63.82 10.62
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong