- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 June 2014 16:45
- Hits: 2917
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : แนวต้าน 1,462 / 1,470
Technical : แนวรับ 1,437 / 1,427 แนวต้าน 1,450 / 1,462
หุ้นแนะนำพิเศษ : PTTEP แนวรับ 158 / 156 แนวต้าน 160 / 162.5
หุ้นเด่นรายวัน : TAE UAC SEAFCO IFEC
วันพุธตลาดหุ้นไทยปิดลบ 4.84 จุดตลาดพักตัวจากแรงขายทำกำไร-เกาะติดประชุม ECB พรุ่งนี้ ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,449.40 จุด ลดลง 4.84 จุด(-0.33%) มูลค่าการซื้อขาย 51,343.83 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 581.78 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,410-1.462 มีโอกาสที่จะปรับหรือพักตัวระยะสั้น เนื่องจากการกลับตัวขึ้นตอบรับปัจจัยบวกการคาดการณ์ล่วงหน้า เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของRoad Mapที่ตลาดเฝ้าติดตามความชัดเจน ในขณะที่ SET50 แท่งเทียนไม่สร้างจุดสูงใหม่กว่าและปิดตัวด้วยแท่งเทียนสีดำยาวเป็นสัญญาณลบ ระหว่างวันมีแนวรับสำคัญ 975 เป็นแนวรับหลักของการพิจารณาของแนวโน้มขาขึ้น ต่ำกว่าลงมีแนวรับต่อไป 964 GFM14 เก็งกำไรในกรอบ 19,300-19,460 GFQ14 เก็งกำไรในกรอบ 19,380-19,540
กลยุทธ์ ระยะสั้นตลาดรอคอยปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิน้อยลงเป็นสัญญาณลบต่อหุ้นขนาดใหญ่ การปรับตัวลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นหรือเข้าซื้อเพื่อเล่นรอบการกลับตัวขึ้นรอบใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มก่อสร้าง แรงซื้อเก็งกำไรมีโอกาสที่จะเข้าในกลุ่มปิโตรเคมี IVL PTTGC กลุ่มสื่อสาร THCOM ADVANC กลุ่มถ่านหิน BANPU AGE LANNA หุ้นรายหลักทรัพย์ PTTEP KBS RCL ระยะกลาง ถือ และซื้อเพิ่มเมื่อปรับตัวลงแรง
หุ้นแนะนำพิเศษ
PTTEP (ปิด 158.50 ซื้อเป้าปี 57 : 185 บาท) เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ PTTEP ใน 2Q57 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้น QoQ โดยมีแรงหนุนจากการเริ่มรับรู้รายได้และกำไรจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ของ Hess Thailand ในช่วงวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นเราคาดว่าการเข้าซื้อดังกล่าวจะเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมให้กับ PTTEP ใน 2Q57 ประมาณ 8,000 -10,000 BOED หรือมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 1Q57 ประมาณ 3% จาก 298,000 BOED เป็น 308,000 BOED ส่วนทั้งปีคาดกำไรสุทธิปีนี้ประมาณ 66,484 ล้านบาทเพิ่มขึ้น18%yoy
หุ้นเด่นรายวัน
TAE (ราคา IPO 2 บาท ซื้อเก็งกำไร) เริ่มซื้อขายในหมวดทรัพยากรวันแรก โดยเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ลานนารีซอร์สเซส (LANNA) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลแปลงสภาพ ที่นำไปใช้ผสมกับน้ำมันเบนซินตามอัตราส่วน เพื่อให้ได้เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ทดแทนการใช้น้ำมันเบนซิน โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง รายใหญ่ของประเทศ ได้แก่ ปตท. บางจากปิโตรเลียม เอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็นต้น
UAC (ราคาปิด 8.15 ซื้อเก็งกำไร) เตรียมสรุปการเจรจาเข้าซื้อกิจการพลังงานทางเลือก มูลค่าประมาณ 500-1,000 ล้านบาทภายใน 3Q57 เพื่อไปสู่เป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานให้เป็น 50% ในปี 58 จากปีนี้อยู่ที่ประมาณ 15-20% โดยโครงการโซลาร์รูฟ 3 แห่งก็เชื่อว่าจะดำเนินการได้ตามแผนงาน หากหมดอุปสรรคเรื่องใบ รง.4
SEAFCO (ปิด 5.10 ซื้อเก็งกำไร) ประกาศได้งานใหม่ 2 โครงการมูลค่า 100.5 ล้านบาทหนุน Backlog เพิ่มขึ้นจาก 1,500 ล้านบาทเป็น 1,600 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังคาดได้งานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากคสช.เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (ที่มา: ข่าวหุ้น)
IFEC (ปิด 3.52 ซื้อเก็งกำไร) เดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มรูปแบบหลังผู้ถือหุ้นอนุมัติให้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยการปรับโครงสร้างธุรกิจจะทำให้บริษัทมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เดิมและมีเงินทุนเพื่อไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมีกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ประมาณ 50 MW ซึ่งหากเป็นไปตามแผนจะทำให้ IFEC มีกำไรจากโครงการนี้ประมาณ 500 ล้านบาทต่อปีหรือคิดเป็น EPS ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 0.50 บาท
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
* EFORL มีผลบังคับใช้ 28 เม.ย. - 6 มิ.ย. 57
* EVER/ IFEC / OCEAN / SUPER มีผลบังคับใช้ 6 พ.ค. - 13 มิ.ย. 57
* PAF/ PDI มีผลบังคับใช้ 19 พ.ค. - 27 มิ.ย. 57
* AJP / APCO / EE มีผลบังคับใช้ 26 พ.ค. - 4 ก.ค. 57
* BMCL / RPC มีผลบังคับใช้ 2 มิ.ย. - 10 ก.ค. 57
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : เพิ่มขึ้น 15.19 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.19 จุด เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลดัชนีภาคบริการของสหรัฐในเดือนพ.ค.ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 56.3 จาก 55.2 ในเดือนเม.ย. และเป็นการขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 9 เดือน อีกทั้งยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 55.5 อย่างไรก็ตามดัชนีเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะตลาดยังมีแรงกดดันจากรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด ประกอบกับนักลงทุนยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในสหรัฐซึ่งจะประกาศออกมาในวันศุกร์นี้ ทำให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น15.19 จุด หรือ +0.09% ปิดที่ 16,737.53 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 17.56 จุด หรือ +0.41% ปิดที่ 4,251.64 จุด ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.64 จุด หรือ +0.19% ปิดที่ 1,927.88 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX : ลดลง 2 เซนต์
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 2 เซนต์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร และถูกกดดันจากรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบไม่ได้ลดลงมากนักเนื่องจากตลาดยังมีแรงหนุนจากรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1 แสนบาร์เรลทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลงเพียง 2 เซนต์ ปิดที่ 102.64 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนน้ำมันดิบ BRENT ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 42 เซนต์ ปิดที่ 108.4 ดอลลาร์/บาร์เรล
Analyst :
ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]