- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 June 2014 15:59
- Hits: 2846
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
การปรับฐานเกิดขึ้นตามคาดเมื่อ SET ใกล้ Ex P/E 15 เท่า แนะนำขายหุ้นก่อสร้าง (ITD, CK, STEC)/อสังหา (PS) ที่ราคาเกินมูลค่าปีนี้ สะท้อนความคาดหวังเชิงบวกต่อการเดินหน้าโครงการลงทุนในอนาคตแล้ว เลือก PTT(FV@B360) และ SEAFCO([email protected]) เป็น Top picks
ตลาดยังรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากยุโรป และจีน
เชื่อว่าระยะสั้นตลาดหุ้นโลกยังรอผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ค่ำคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยมีความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม สะท้อนจากผลการสำรวจนักนักเศรษฐศาสตร์ โดย บลูมเบิร์กพบว่าราว 90% ของผู้ตอบ คาด ECB จะใช้มาตรการปรับลดทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (ปัจจุบันอยู่ที่ 0.25%) และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (ปัจจุบันอยู่ที่ 0%) ลงราว 0.1-0.15% เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปยังคงอยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยง หากพิจารณาอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูง 11.7% ในเดือน เม.ย. (แม้ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยที่ระดับ 11.8%) และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ 0.5% ในเดือน พ.ค. (ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 0.7% และต่ำกว่าคาดที่ระดับ 0.6%) ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ ECB กำหนดไว้ที่ 2% อย่างมาก
เช่นเดียวกับในประเทศจีน ตลาดมีความหวังในเชิงบวกต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นให้จีนหลุดพ้นจากภาวะการเติบโตในอัตราชะลอตัวกว่าในอดีต หรือสามารถเติบโตในระดับ 7.5% ตามที่ ธนาคารกลางจีน และ IMF คาด สะท้อนจากล่าสุด ธนาคารกลางจีน ได้เตรียมที่จะปรับลดอัตราการดำรงเงินสดสำรอง (RRR) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ทั่วไป หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปรับลด RRR ลงราว 2% ให้แก่ ธนาคารพาณิชย์ในชนบท และลดลง 0.5% แก่ธนาคารสหกรณ์ในชนบท (มีผลตั้งแต่ 25 เม.ย. 2557) เพื่อต้องการสนับสนุนอุตสาหกรรมเกษตรและที่ต่อเนื่องในชนบท ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และล่าสุด The Telegraph รายงานว่า ธนาคารกลางจีนมีความคิดที่จะทำ QE โดยการพิมพ์เงินขึ้นมาเพื่อซื้อหนี้เสียในระบบการเงิน หรือซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นประเด็นบวกที่รออยู่ข้างหน้า และอาจจะช่วยหนุนตลาดหุ้นจีนให้ฟื้นตัวต่อเนื่องได้
ขณะที่ทางฝั่งสหรัฐ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง และ ตอกย้ำการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้นตามลำดับ และ น่าจะชัดเจนในต้นปี 2558 ทั้งนี้แม้ล่าสุดตลาดแรงงานอาจจะเริ่มแผ่วเบาลง หลังจากที่เดือน เม.ย. 2557 รายงานอัตราการว่างงาน ลดลงมาที่ 6.3% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 6.5% ในเดือน พ.ค. มีการรรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชน ต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย ราว 31,000 ตำแหน่ง โดยเพิ่มขึ้น 179,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าเดือนอื่นๆ เล็กน้อย (ราว 180,000 ตำแหน่ง) จึงอาจจะทำให้ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกที่จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่น่ากังวล โดยนักเศรษฐศาสตร์ ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐตลอดปี 2557 น่าจะเติบโตได้ที่ 2.8% แม้งวด 1Q57 จะเติบโตเพียง 2 % แต่อีก 3 ไตรมาสที่เหลือ คาดว่าน่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า ไตรมาสละ 3.1% ซึ่งทำให้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ ยังคงดำเนินการตัดลด QE ลงอย่างต่อเนื่องเดือนละ 1 หมื่นล้านเหรียญฯ ซึ่งคาดว่าจะสิ้นสุดราว ก.ย. นี้ หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (ซึ่งคงที่มาตั้งแต่ปี 2549) อีกครั้ง อย่างเร็วที่สุดในต้นปี 2558 ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้ม Underperform ตลาดหุ้นโลก
แรงซื้อต่างชาติชะลอตัวลงเกือบทุกแห่ง
แม้ว่าวานนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แต่ยอดซื้อลดลงจากวันก่อนหน้าถึง 82% เหลือเพียงราว 46 ล้านเหรียญฯ โดยที่มียอดซื้อสุทธิสูงสุดคือ อินโดนีเซีย โดยเป็นการสลับมาซื้อสุทธิราว 77 ล้านเหรียญฯ (หลังจากที่สลับซื้อขายใน 5 วันหลังสุด) ตามมาด้วยตลาดหุ้นไทย ยังคงซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 แต่ลดลงจากวันก่อนหน้า 81% เหลือราว 18 ล้านเหรียญฯ (581 ล้านบาท) สวนทางกับ ไต้หวัน และ ฟิลิปปินส์ ที่สลับมาขายสุทธิเล็กน้อยราว 40 และ 10 ล้านเหรียญฯ ตามลำดับ ในขณะที่ตลาดในเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องจากเป็นวันเลือกตั้ง
เป็นที่น่าสังเกตว่ากระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวอีกครั้ง โดยยอดซื้อเบาบางลง และสลับมาขายในบางประเทศโดยเฉพาะในกลุ่ม TIP ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลจากการโยกเงินทุนกลับไปทางฝั่งสหรัฐฯประเทศที่มีแนวโน้มกระตุ้น เศรษฐกิจ โดยเฉพาะยุโรป และ จีน
กลยุทธ์เน้น Laggard Play SET ใกล้ Ex P/E 15 เท่า ยังอยู่ในช่วงปรับฐาน
ดังที่กล่าวไปวานนี้ว่า ดัชนีฟื้นตัวเร็วมาก คือ ในช่วง 1 สัปดาห์เศษ พบว่า ดัชนีให้ผลตอบแทนเกือบ 6% และการปรับตัวขึ้นยังกระจุกตัวในกลุ่มอิงเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นแรงสุด 15.4% (ยกเว้นหุ้นที่ปรับขึ้นน้อยกว่ากลุ่ม คือ STPI 7.4%, SRICHA 6% และ BJCHI 2%) ตามมาด้วยอสังหาฯ 9.8% (หุ้นที่ขึ้นน้อยกว่าตลาด ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก) วัสดุก่อสร้าง 8.7% (SCC ขึ้นเพียง 8%) ค้าปลีก 8.7% (CPALL ขึ้นเพียง 7%) และ ธ.พ. 7.8% (SCB ขึ้นเพียง 7.7%, BBL 7.2%, KBANK 6.7%) ท่องเที่ยว-โรงแรม และขนส่ง ขึ้นเท่ากันที่ 6.8% (AOT ขึ้นเพียง 6% และ BECL เพียง 4.5%) ในทางตรงกันข้ามกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาด ส่วนใหญ่ยังเป็นหุ้นในกลุ่มอิงเศรษฐกิจโลก (Global Play) ได้แก่ พลังงาน โดยให้ผลตอบแทนเพียง 1.9% (รายหุ้นที่ปรับขึ้นน้อยกว่ากลุ่ม คือ PTT 0.3%, PTTEP 1.3%, BCP 1.7%) ปิโตรฯ 3.1% (PTTGC 2.2%) ชิ้นส่วนฯ 3.3% (KCE 0%, HANA 0%) และกลุ่ม Domestic Play บางกลุ่ม ได้แก่ ยานยนต์ 4.2% และบันเทิง 5% ทำให้ฝ่ายวิจัย ASP คาดว่าจะมีการปรับฐานสูง
และวานนี้ก็ได้เห็นตลาดหุ้นไทยมีการปรับฐาน โดยมีแรงขายจากหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาด เริ่มจาก ท่องเที่ยว-โรงแรม (-1.5% vs SET -0.35%) ตามมาด้วยกลุ่ม ธ.พ. (-1.1% vs SET -0.35%) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (-1.1% vs SET -0.35%) ) อสังหาฯ (-0.7% vs SET -0.35%) ก่อสร้าง (-0.6% vs SET -0.35%) และค้าปลีก (-0.51% vs SET -0.35%) และ บันเทิง (-0.4% vs SET -0.35%) ยกเว้นกลุ่มที่ยังทรงตัวคือ กลุ่มพลังงาน รถยนต์ ขนส่ง ขณะที่มีบางกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าตลาดคือ โรงพยาบาล (1%) และ ปิโตรเคมี (1.4%) จึงเชื่อว่ากลุ่มอื่นที่ยังไม่ได้ปรับฐานลงมามีโอกาสถูกขายทำกำไรช่วงสั้น โดยเฉพาะรับเหมาก่อสร้าง ที่ราคาตลาดใกล้หรือเกิน Fair Value ที่นักวิเคราะห์ ASP ประเมินไว้ เช่น CK, ITD, STEC จึงแนะนำให้ขายทำกำไรระยะสั้น และรวมถึงหุ้นอสังหาฯ ที่ราคาเกิน Fair Value ของ ASP คือ PS สำหรับผู้ที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่าราคาตลาด และควรสลับมาลงทุนในหุ้นที่ยัง laggard ดังนี้
หุ้นกลุ่ม Big Cap มี Upside สูง, Dividend Yield ระดับน่าพอใจ และ Expected P/E ต่ำ ได้แก่ PTT (FV@B360) upside 20% yield 4.6% P/E 8.2 เท่า, PTTEP (FV@B195) upside 23% yield 4.4% P/E 9.2 เท่า, PTTGC (FV@B87) upside 26% yield 5% P/E 9.2 เท่า, SCC (FV@B520) upside 20% yield 3.7% P/E 13.2 เท่า
หุ้นขนาดกลางปันผลสูง Upside สูง ได้แก่ BTS ([email protected]) แต่เนื่องจากวันนี้จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท(รายไตรมาส) จึงรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว โดยราคาตลาดวานนี้มี upside 29% yield 6.9% และ TISCO ([email protected]) upside 14% yield 6.8%
หุ้น Sentiment บวก ได้แก่ AOT (FV@B230) upside 18% และ SEAFCO ([email protected]) upside 18%
ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
พบชัย ภัทราวิชญ์
กษิดิ์เดช รัตนสมบูรณ์
มาราพร กี้วิริยะกุล